เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1953

บทที่ 1953 ราชวงศ์แห่งจ้าววิญญาณโบราณ

………………..

บทที่ 1953 ราชวงศ์แห่งจ้าววิญญาณโบราณ

อาลูเย่หายใจเข้าลึก ๆ และระงับไฟโทสะในใจอย่างแข็งขัน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก “อิงหลวน เจ้าไปจับไอ้สารเลวนั่นซะ”

อิงหลวนตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ข้ากำลังรออยู่เลย”

นางก้าวไปข้าวหน้าพร้อมกับอาภรณ์ของนางที่ปลิวสะบัด เรือนร่างนางของก็เปล่งแสงสีเงินแวววาว ดุจดวงจันทร์ที่สว่างไสวซึ่งตกลงมาสู่โลก ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและไม่อาจขัดขืนได้

“ฆ่ามันซะ!” จ้าววิญญาณโบราณชุดคลุมดำคนอื่น ๆ ตะโกนเสียงดังลั่น พวกเขาต้องการให้อิงหลวนสังหารเฉินซีโดยเร็ว

สถานะของอิงหลวนในหมู่จ้าววิญญาณโบราณนั้นสูงมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะจ้าววิญญาณโบราณหลายคนมีสีหน้าตื่นเต้น เมื่อเห็นนางขึ้นไปในสนามรบ

เฉินซียืนอยู่บนแท่นสังเวยวิญญาณมนตรา เขาเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ด้วยสายตาที่ลุ่มลึกและเย็นยะเยียบ ขณะที่หญิงสาวผมสีเงินเข้ามาใกล้

ก่อนหน้านี้ อวี้จิ่วหุยพ่ายแก่นาง พลังยุทธ์ของนางนั้นน่าเกรงขามอย่างยิ่ง แม้จะต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็ตาม

ในท้ายที่สุด อวี้จิ่วหุยได้รับบาดเจ็บที่กลางหน้าผาก หลังจากแลกกระบวนท่ากันไปสามร้อยครั้ง

เท่าที่เฉินซีกังวล อิงหลวนนั้นแข็งแกร่งกว่าสั่วหลิน เลี่ยฟูหลัว และอิงหลงเล็กน้อย

อิงหลวนก้าวย่างผ่านความว่างเปล่า เรือนร่างเพรียวบางถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงิน ซึ่งทำให้ดูเปล่งประกาย รุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ และสง่างาม ทว่ากลับน่าสะพรึงกลัวเป็นทบทวี

ทุก ๆ ก้าว ความว่างเปล่าจะสั่นสะเทือนและระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ยิ่งกว่านั้น บุปผาสีเงินมากมายได้ลอยล่องไปทั่วฟ้าดิน และพวกมันดูเหมือนดวงจันทร์ที่ส่องแสงไปทั่วโลก!

ต่างจากตอนที่นางต่อสู้กับอวี้จิ่วหุยเมื่อครู่นี้ อิงหลวนได้เปิดเผยพลังที่แท้จริงของนางอย่างชัดเจนในขณะนี้ ปรากฏการณ์สูงสุดปรากฏขึ้นจากการกระทำของนางที่ก้าวเข้ามา ซึ่งเหมือนกับยอดยุทธ์ที่เป็นอมตะและน่าสะพรึงกลัวที่โผล่ออกมาจากพงศาวดารแห่งกาลเวลา

“มีเพียงการฆ่าเหยื่ออย่างเจ้าเท่านั้นจึงน่าจะสนใจ น่าเสียดายที่ชะตาชีวิตของเจ้าขัดแย้งกับชะตาของข้า ข้าจึงไม่อาจใช้ประโยชน์จากเจ้าได้”

ทันทีที่นางขึ้นแท่นสังเวย อิงหลวนก็กล่าวทันทีด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน เย็นชา และไม่แยแส ทั้งยังไม่เร็วหรือช้า ดูเหมือนนางกำลังพูดถึงเรื่องธรรมดามาก

รอยยิ้มที่ไม่อาจเข้าใจพลันปรากฏที่ใบหน้าเฉินซี ชะตาชีวิตเหรอ? แม้แต่ยอดคนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ก็ยังไม่สามารถทำนายชะตาชีวิตของข้าได้ แต่สตรีนางนี้กลับบอกว่าชะตาชีวิตของข้าขัดแย้งกับชะตาของนาง? ช่างน่าหัวเราะจริง ๆ!

“เฉินซี! ระวังตัวด้วย! สตรีนางนี้เป็นผู้สืบเชื้อสายของราชวงศ์ในหมู่จ้าววิญญาณโบราณ และมีนางมีสายเลือดบริสุทธิ์ จะต้องมีพลังอิทธิฤทธิ์ที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน!” ทันใดนั้น เจียหนานก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักถึงอะไรบางอย่างจากอิงหลวนได้

“ทายาทของราชวงศ์ในหมู่จ้าววิญญาณโบราณ?” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เพราะเพียงความจริงที่ว่านางเป็นราชวงศ์ ทำให้เขาตระหนักได้ว่านางมีความพิเศษเพียงใด

“ฮึ่ม! เจ้าหลวงจีน ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะรู้มากกว่าที่ข้าคาดไว้! ใช่แล้ว อิงหลวนมาจากราชวงศ์จันทราศักดิ์สิทธิ์ และนางเป็นราชสกุลที่สูงส่งที่สุดคนหนึ่ง นั่นคือตระกูลอิง ‘อวิ๋นหลาน’! ในยุคก่อน แม้แต่ตระกูลนิรันดร์กาลในเอกภพจักรวรรดิก็ไม่สามารถเทียบเคียงสถานะของนางได้” อาลูเย่หัวเราะเสียงเย็น และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ตระกูลอิง ‘อวิ๋นหลาน’ …. แท้จริงแล้วนางเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากผู้ปกครองสูงสุดในยุคก่อน ราชันศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นหลาน?” ท่าทางของเจียหนานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในขณะน้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้น

ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีตระหนักว่าชาติกำเนิดของอิงหลวนนั่นอาจยิ่งใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นความลับของยุคก่อน และไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเฉินซี ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้เขาตกใจได้มากนัก

“ความรุ่งโรจน์ในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ว่าราชันศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นหลานจะน่าเกรงขามเพียงใด เขาก็ถูกกำจัดไปในระหว่างยุคก่อนแล้ว” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย เพราะเขาไม่ใช่คนที่หวาดกลัวกับข่าวลือที่ไม่ชัดเจน

จ้าววิญญาณโบราณคนอื่น ๆ ตวาดว่า “บังอาจ!”

เห็นได้ชัดว่านามของจ้าววิญญาณศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นหลาน มีความหมายพิเศษในหมู่จ้าววิญญาณโบราณเหล่านี้ และพวกเขาไม่ยอมให้มีการดูหมิ่นใด ๆ เลย

คำพูดของเฉินซีจึงเป็นการดูหมิ่นอย่างรุนแรง

“กล้าพูดคำเหล่านี้ เช่นนั้นก็จงชดใช้ด้วยชีวิต!”

แสงสีเงินเปล่งประกายออกมาจากดวงตาของอิงหลวนเย็นเยียบเสียดกระดูก

โครม!

ไม่ทันสิ้นเสียง นางก้าวไปข้างหน้า ร่างของนางดูน่าเกรงขาม กลิ่นอายดุร้ายและคมกริบ ซึ่งจิตสังหารหนาแน่นเปลี่ยนเป็นทะเลบุพผาสีเงินที่พุ่งเข้าหาเฉินซี

การโจมตีของนางนั้นตรงไปตรงมาและเด็ดขาด ทั้งเผยให้กลิ่นอายกดขี่ขณะโจมตี ยิ่งไปกว่านั้น บนฝ่ามือยังมีดวงจันทร์ที่สุกใส และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวซึ่งมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ฟึ่บ!

เฉินซีกำยันต์ศัสตราไว้ในมือ พร้อมเข้าปะทะกับการโจมตีของนาง ร่างของเขาทะยานออกไป ดุจดั่งคุนเผิงที่ทะยานขึ้นสู่นภา ซึ่งแฝงด้วยพลังของลมและมหาสมุทร พร้อมกับบดขยี้ดวงดาว และพลังอันไร้ขอบเขต!

มันคือวิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง!

เสียงคลื่นกระแทกที่สะท้านโลกาดังก้อง และพวกมันก็ทำลายการโจมตีของอิงหลวนเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เกิดแสงที่แวววาวไร้ขอบเขตกวาดไปยังบริเวณโดยรอบ

“หืม?” ทันใดนั้นดวงตาของอาลูเย่ก็หรี่ลง เมื่อเขาจำวิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิงที่เฉินซีใช้อยู่ เขาจำได้ว่ามหาเทพเต๋าคุนเผิงเคยถูกขังอยู่ใต้หุบเหวทัณฑ์หายนะ และทุกข์ทรมานจากความโชคร้ายเมื่อนานมาแล้ว อย่างไรก็ตาม มหาเทพเต๋าคุนเผิงได้อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์โดยกำเนิดเพื่อหลบหนีจากหุบเหวทัณฑ์หายนะ และกลับสู่แดนเทพโบราณในที่สุด!

แม้ว่ามหาเทพเต๋าคุนเผิงจะไม่สามารถสลายพลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋าที่ห่อหุ้มกาย และต้องสิ้นชีพไปในท้ายที่สุด ทว่าเขาได้กลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถหลบหนีหุบเหวทัณฑ์หายนะได้

สิ่งที่เขาอาศัยในการทำเรื่องนี้ทำเสร็จนั่น ก็คือวิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง!

ดังนั้นเมื่ออาลูเย่ตระหนักว่าเคล็ดวิชาที่เฉินซีใช้ คือวิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ และรู้สึกสับสนเล็กน้อย

หรือคนผู้นี้จะมีความเกี่ยวข้องกับมหาเทพเต๋าคุนเผิง?

เคร้ง!

หลังจากโจมตีครั้งนี้ อิงหลวนไม่ลังเลที่จะดึงหอกสีเงินที่เปล่งแสงอันแหลมคมออกมา นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นแผนภาพของดวงจันทร์สุกใสรุ่งโรจน์ไร้ขอบเขต

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฉินซีสั่นไหว ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าหอกนั้นมีความพิเศษอย่างยิ่ง และมันมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้!

“ในเมื่อเจ้ากล้าที่จะดูหมิ่นบรรพชนของข้า ดังนั้นเจ้าจึงต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า!” พื้นที่โดยรอบระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่อิงหลวนก้าวย่างเข้ามา จากนั้นก็มีลำแสงที่แหลมคมปรากฏขึ้นพร้อมกับมีจิตสังหารอันล้นหลาม

ทันใดนั้น หอกก็แผดเสียงและสั่นสะท้าน ฟ้าดินมืดดับ ทั้งยังบิดเบี้ยวต่อหน้ามัน

“ก็แค่ไอ้สารเลวที่ตายไปนานแล้ว ความรุ่งโรจน์เสื่อมโทรมไปตามยุคสมัย โลกใบนี้ไม่ได้เป็นของพวกนอกรีตอีกต่อไป!” เฉินซีกล่าวอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าสงบ และเขาไม่เกรงกลัวเลย

“รนหาที่ตาย!” อิงหลวนเดือดดาลสุดขีด หอกในมือนางพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้า และทิ่มแทงไปที่เฉินซีอย่างดุเดือด

อาลูเย่และคนอื่น ๆ ตัวแข็งทื่อ

นี่มันอะไรกัน??

สืออวี๋และคนอื่น ๆ ที่เดิมทีเป็นห่วงเฉินซี ก็ตกตะลึงกับเหตุนี้ทันที

“เจ้ากล้าคุยโวโอ้อวด ทั้งที่เจ้ามีความสามารถเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ? ไม่น่าแปลกใจที่คนตระกูลเจ้าจะถูกทำลายล้างไปในยุคก่อน”

อิงหลวนเป็นคนที่หยิ่งผยองอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเมื่อนางได้ยินคำหยามจากเฉินซี ใบหน้าก็ยิ่งมืดมน กัดฟันแน่น และโจมตีอีกครั้งด้วยกระบวนท่ารุนแรงที่สุดของนาง

ฟึ่บ!

คราวนี้เป็นเฉินซีที่โจมตีก่อน ยันต์ศัสตราพุ่งทะยานขึ้นฟ้าขณะที่เขาฟาดฟันด้วยมัน เขาเผยกลิ่นอายหยิ่งผยอง และดูเหมือนเขาจะอหังการอย่างสุดขั้ว

ฆ่า!

อิงหลวนโบกหอกสีเงินในมือ มันเปล่งแสงเรืองรองของดวงจันทร์ในขณะที่มันระเบิดการโจมตีที่น่าสะพรึงของเฉินซี

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่สามารถขัดขวางการโจมตีของเฉินซีได้ ทุกครั้งที่เขาเหวี่ยงกระบี่ เขาจะทำลายการโจมตีของอิงหลวน และดูเหมือนเขาจะทรงพลังอย่างยิ่ง

โครม!

สุดท้าย อิงหลวนก็ทนไม่ไหว นางถูกบดขยี้อีกครั้ง ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด ใบหน้างามซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

ในขณะนี้ อิงหลวนรู้สึกถึงร่องรอยของความหวาดกลัวในที่สุด นางรู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของนางน่ากลัวเกินไป และตระหนักว่าพลังยุทธ์ของอีกฝ่ายนั้นน่าตกใจกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก หลังจากที่ได้ต่อสู้กับเขาจริง ๆ

โครม

หลังจากนั้นไม่นาน อิงหลวนก็พ่ายแพ้ ร่างกายหลั่งเลือดออกมาไม่หยุดหย่อน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สีหน้าซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง ไร้ความสง่างามและศักดิ์สิทธิ์ที่เคยมี

“ดูเหมือนว่าเจ้าคงต้องหายไปจากโลกนี้เหมือนกับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว”

ท่ามกลางเสียงเย็นชาและไม่แยแส เฉินซีเหมือนกับจักรพรรดิกระบี่ ขณะเข้าหานาง ยันต์ศัสตราเปล่งแสงสีทองเรืองรองอย่างไร้ที่เปรียบ

เขาตัดสินใจจบการต่อสู้ด้วยการโจมตีครั้งนี้

“ไอ้สารเลว! สหายของเจ้าจะต้องตายแน่ ถ้าเจ้ากล้าฆ่าอิงหลวน!” ในขณะนี้ เสียงเย็นเยียบของอาลูเย่ก็ดังก้อง

เฉินซีหันหน้าไปทางอาลูเย่อย่างรวดเร็ว จู่ ๆ อาลูเย่ก็มายืนตรงหน้าคงโหยวหราน เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และจ้าวชิงเหยาที่ถูกจับกุมเมื่อครู่นี้

อาลูเย่ถือกระบี่อยู่ในมือ แล้วชี้ไปที่คงโหยวหรานและคนอื่น ๆ ด้วยท่าทีคุกคามอย่างยิ่ง!

พวกเขา… ยังไม่ได้ตาย

อย่างไรก็ตาม เฉินซีรู้สึกโล่งใจเมื่อสามารถยืนยันว่าเป็นไปตามที่ตนคาดไว้ คงโหยวหรานและคนอื่น ๆ ยังมีชีวิตอยู่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]