บทที่ 1954 เผ่ามนตรามารเนตรโลหิต
………………..
บทที่ 1954 เผ่ามนตรามารเนตรโลหิต
หลังจากคงโหยวหราน เย่เฉิน จ้าวชิงเหยา และอวี้จิ่วหุยถูกกำราบและกักขังไว้ในกรง ไม่อาจรู้ชะตากรรมได้
จากที่อาลูเย่กล่าวมา เขาจะรอให้ทุกอย่างจบก่อนถึงได้ลงมือเรื่องชะตาพวกผู้บ่มเพาะจากแดนเทพโบราณ
และการเปลื้องชะตาที่พูดถึงนั้นก็คือการชิงเอากฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ แก่นแท้ จิตวิญญาณ พลังงาน และร่างของผู้บ่มเพาะแดนเทพโบราณนั่นเอง
แต่ในตอนนั้น เฉินซีและคนอื่น ๆ ไม่รู้เลยว่าคงโหยวหรานและคนอื่น ๆ อยู่หรือตาย
ตอนที่ได้ยินว่าอาลูเย่เอาชีวิตสหายมาขู่ เฉินซีจึงมั่นใจว่าคงโหยวหรานและคนอื่น ๆ ต้องยังมีชีวิตอยู่แน่!
นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงไม่ยินดีกับข่าวดีที่ว่านี้เท่าไหร่
เพราะอีกแค่การโจมตีเดียวก็สังหารอิงหลวนได้แล้ว!
ดังนั้นการถูกข่มขู่ในเวลาเช่นนี้นับว่าเสียเปรียบในการต่อสู้ครั้งต่อไปที่เฉินซีต้องเข้าประลองมาก
…
สุดท้ายเฉินซีจึงไม่ปล่อยการโจมตีสุดท้ายนั้นออกมา เพียงปรายตามองเย็นชาไปทางอาลูเย่ “แน่ใจแล้วหรือว่าอยากขู่ข้า?”
น้ำเสียงเขาสงบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ แต่ก็ทำให้อาลูเย่และคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาได้
แต่หลังจากนั้น อาลูเย่ก็แค่นหัวเราะ “ไม่เลย นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนต่างหาก”
เขาหยุดไปเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “เจ้าคงจะเห็นแล้วว่าข้าไม่ได้สังหารสหายของเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้การที่เจ้าสังหารลูกน้องของข้านับว่าไม่ยุติธรรมเลย”
เฉินซีหรี่ตาลง “เช่นนั้นเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนของเจ้าก็คือ ไม่ว่าผลการต่อสู้จะเป็นเช่นไร แต่ข้าจะสังหารพวกบัดซบอย่างพวกเจ้าสักคนไม่ได้หรือ?”
พวกบัดซบ!
อาลูเย่หนังตากระตุกเมื่อได้ยินคำนี้ จากนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ใช่แล้ว หากทำไม่ได้ ข้าก็คงต้อง… สังหารเพื่อน ๆ ของเจ้า!”
“น่ารังเกียจนัก!”
“ตามกฎเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณแล้ว ฝ่ายที่ชนะสามารถออกจากแดนได้ก็ต่อเมื่อตัดสินกันด้วยชีวิต หากเราทำอย่างเจ้าว่า แล้วเมื่อไหร่ถึงจะรู้ผลแพ้ชนะได้?”
พอได้ยินคำขู่ของอาลูเย่ ทั้งสืออวี๋กับฉินซินฮุยก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยว กัดฟันแน่นตะโกนด้วยความโกรธ
ทั้งสองรู้สึกว่าคนผู้นี้ร้ายกาจมาก ไม่เพียงแต่ขัดการโจมตีของเฉินซีในจังหวะสำคัญ แต่ยังเอาชีวิตของคงโหยวหรานและคนอื่น ๆ มาข่มขู่เฉินซีด้วย หน้าไม่อายจริง ๆ
อาลูเย่ไม่ได้สนใจอะไร เอ่ยขึ้นเสียงเนิบช้า “ไม่ต้องห่วง สิ้นสุดการต่อสู้แล้วก็จะตัดสินเป็นตายได้แน่นอน”
สืออวี๋จึงถามขึ้น “ถ้าหากเฉินซีแพ้ขึ้นมาสักครั้งหนึ่งเล่า?”
“ก็ต้องถูกสังหารไง” อาลูเย่ตอบอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็หัวเราะออกมา “อย่าลืมว่าในการต่อสู้เหล่านี้ไม่มีความยุติธรรมอยู่แล้ว หากเราอยากฆ่าพวกเจ้าทุกคน ก็คงจัดการพวกเจ้าไปตั้งแต่ตอนอยู่โลกภายนอกแล้ว มีหรือจะให้รอดมาถึงขนาดนี้ได้?”
น้ำเสียงนั้นไม่เชื่องช้าไม่รวดเร็วเกินไป เอ่ยออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
แต่พอเข้าหูสืออวี๋ ก็ให้อารมณ์น่าดูถูกน่าละอายอย่างถึงที่สุด จนถึงขั้นที่เขาเกลียดอีกฝ่ายจนไม่อาจอธิบายได้!
ทำให้พวกเขาโกรธจนพูดไม่ออก
พวกมันฆ่าเฉินซีได้ แต่เฉินซีฆ่าพวกมันไม่ได้?
มันจะมากเกินไปแล้วนะ!
“ก็ได้ ข้าตกลง!” เฉินซีที่เงียบมาโดยตลอดพลันเอ่ยขึ้น ใช้สายตาหยุดสืออวี๋และคนอื่น ๆ ไว้ ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก
เฉินซีรู้ดีว่าพูดอะไรกับพวกนอกรีตน่ารังเกียจพวกนี้ไปก็ไม่ได้อะไร
“ฮ่า ๆ! เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดดี!” อาลูเย่ปรบมือหัวเราะเสียงดัง พอเห็นเฉินซีและคนอื่น ๆ ทรมานใจต้องยอมโอนอ่อนตามเช่นนี้เขาก็พอใจมาก
แต่พริบตาถัดมาเขาก็หัวเราะไม่ออกอีกต่อไป
ตู้ม!
เฉินซีแวบร่างขึ้นบนแท่นสังเวย ฟาดฝ่ามือใส่อิงหลวนที่ไม่ทันตั้งตัวดั่งสายฟ้าฟาด คว้าคออิงหลวนไว้ได้ ก่อนจะยกร่างนางขึ้นสูง
“เฉินซี! เจ้า….” อาลูเย่โกรธจนตาแทบถลนเมื่อคิดว่าเฉินซีกลับคำ
ตู้ม!
เฉินซีเพียงแต่โยนร่างอิงหลวนไปทางสืออวี๋ง่าย ๆ เหมือนโยนขยะชิ้นหนึ่งทิ้ง
เฉินซีเอ่ยผ่านกระแสปราณ “จับตาดูนางไว้ เราจะใช้ชีวิตนางแลกกับคงโหยวหรานและคนอื่น ๆ ในภายหลัง!”
ตอนนั้นเอง สืออวี๋และคนอื่น ๆ เข้าใจเฉินซี เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มต้องการให้พวกมันได้รู้ซึ้งบ้าง ด้วยการจับจ้าววิญญาณโบราณมาเป็นตัวประกัน ไม่ให้อาลูเย่ทำอะไรไม่ยั้งคิดขึ้นมา!
แม้ว่าอาลูเย่จะทั้งตกใจทั้งโกรธ แต่สุดท้ายก็ยังถอนหายใจโล่งอก หากอิงหลวนยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เป็นไร!
…
อิงหลวนถูกกำราบและถูกจับตัวไว้ในการต่อสู้ครั้งนี้
ตอนนี้นางเป็นจ้าววิญญาณโบราณคนที่สี่ที่พ่ายแพ้ให้กับเฉินซีแล้ว แต่อีกสามคนไม่เหมือนกับอิงหลวน เพราะพวกเขาร่างสลายหายไปสิ้นแล้ว ไม่อาจฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก
ไม่ว่าอย่างไร เรื่องเกินคาดเช่นนี้ก็นับว่าทำให้พวกอาลูเย่ตกตะลึงมาก
พวกเขารู้ว่าเฉินซีกลั่นและดูดซับแก่นแท้เอกภพมาเก้าแห่งแล้ว ทั้งเฉินซียังมีพลังแห่งจุดจบอยู่ แต่คนฝ่ายพวกเขาก็ยังพ่ายแพ้เฉินซีอย่างต่อเนื่อง
ไม่ใช่ว่าไม่แกร่ง แต่เป็นเพราะความสามารถในการต่อสู้ของเฉินซีนั้นสูงเกินจนคาดการณ์ไม่ได้ต่างหาก!
“คนต่อไป!” พริบตาเดียว น้ำเสียงเยือกเย็นไร้อารมณ์ของเฉินซีก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเหมือนน้ำเสียงแห่งความตายก็ไม่เกินจริง ส่งผลให้อาลูเย่และคนอื่น ๆ โกรธเหมือนถูกท้าทายศักดิ์ศรี แต่ในใจก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นเช่นกัน!
ก่อนหน้านี้เฉินซีก็พูดคำนี้ออกมาหลายครั้ง ตอนนั้นจ้าววิญญาณโบราณหลายคนรู้สึกดูถูก เห็นว่าเฉินซีทำเย่อหยิ่งรนหาที่ตายไปอย่างนั้น
แต่ตอนนี้มันต่างไปแล้ว หลังจากเฉินซีชนะการต่อสู้ติดต่อกันสี่ครั้ง จะมีใครกล้าดูถูกผลลัพธ์ที่เห็นกันอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ได้อีก?
เป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวคนหนึ่ง! จ้าววิญญาณโบราณที่มีร่างดั่งเหล็กกล้ากัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงน่าหวาดกลัว “บัดซบ! เหยื่อตัวนี้ท้าทายเราไม่หยุด ไม่เห็นเราเป็นสำคัญเลย สมควรถูกทรมานจนสิ้นใจไปเสีย!” เขาอยากจัดการเฉินซีมานานแล้ว แต่ตอนนี้เกิดลังเลและเริ่มกลัวขึ้นมา
กระทั่งอิงหลวนที่เป็นทายาทราชันศักดิ์สิทธิ์อวิ๋นหลานยังถูกจัดการไปได้เช่นนั้น ทำให้จ้าววิญญาณโบราณหลายคนที่นี่รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ
“พวกแกเอาแต่พูดอะไรไร้สาระ แต่กลับไม่กล้าขึ้นสนามต่อสู้ เห็นได้ชัดว่ากลัวจนหัวหด!” สืออวี๋หัวเราะเย้ยมาจากไกล ๆ เอ่ยวาจาถากถางไม่คิดยับยั้ง
หลังจากรู้แล้วว่าคงโหยวหรานและคนอื่น ๆ ยังไม่ตาย ทั้งเฉินซียังสู้ชนะติดต่อกัน สืออวี๋จึงมีกำลังใจขึ้นมาก ไม่รู้สึกกดดันเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
พอได้ยินคำเยาะเย้ยเช่นนี้ ใบหน้าพวกจ้าววิญญาณโบราณก็ยิ่งบิดเบี้ยว
“ถูกมดมันเย้ยหยันเช่นนี้ หรือว่าพวกเจ้าจะรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง?” อาลูเย่หน้าขรึม หมอกดำลอยละล่องออกจากร่าง เป็นดั่งปีศาจแห่งความมืด น้ำเสียงทั้งเยือกเย็นไร้อารมณ์ เขาไม่ได้โกรธเกรี้ยว แต่กลับทำให้ใจคนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นได้
สองจ้าววิญญาณโบราณผสานร่างกายเป็นหนึ่ง!
อีกทั้งมันยังไม่ใช่การผสานธรรมดา หากไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นสองคนที่แตกต่างกันมาก่อน ก็คงคิดว่ารุ่ยเหวินกับไป๋เจอมีร่างเดียวกันมาตั้งแต่ต้น แต่แยกจิตวิญญาณกันไปแล้ว!
มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อยิ่ง เป็น ‘วิชาผสาน’ อันน่าเกรงขามที่แพร่กระจายอยู่ในแดนเทพโบราณ
กระทั่งเฉินซีเห็นแล้วยังอึ้งไป สัมผัสได้เลยว่ารุ่ยเหวินกับไป๋เจอผสานความแข็งแกร่งเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง แต่กลับไม่ใช่คนเดียวกัน ให้ความรู้สึกลึกลับแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
แต่หลังจากนั้นเฉินซีก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา “ไม่คิดเลยว่าพวกนอกรีตจะเล่นไม้นี้ ก็ไม่เป็นไร จะหนึ่งหรือสองคนข้าก็ฆ่าได้อยู่ดี ไม่แตกต่างกันหรอก”
อาลูเย่และคนอื่น ๆ จ้องเฉินซีเขม็ง สายตาแผ่จิตสังหารออกมา คนผู้นี้ยิ่งทำตัวจองหองขึ้นทุกที คิดหรือว่าจะชนะไปได้ตลอด? “ฮ่า ๆ! เป็นเหยื่อที่น่าสนใจไม่น้อย ท่านอาลูเย่ ข้าขอเตือนไว้ก่อน หากเราฆ่ามันได้ ชะตาของมันต้องเป็นของข้า ไป๋เจอ” ไป๋เจอหัวเราะ จากนั้นหันไปมองรุ่ยเหวินข้าง ๆ “ค้านอะไรหรือไม่?”
ใบหน้าขึงของรุ่ยเหวินส่งเสียงในลำคอเล็กน้อย พูดออกมาคำเดียว “ไม่!”
“ดี!” ไป๋เจอหัวเราะลั่น พริบตาร่างสูงใหญ่ของพวกเขาก็ก้าวออกไป
ตึง! ตึง!
ทุกย่างก้าวปรากฏเพลิงสีขาวร้อนรุ่ม เผาผลาญพื้นที่ใต้ฝ่าเท้า เกิดเป็นหลุมดำกระจายตัวออกทั่ว นับว่ามีพลังทำลายล้างสูงสุดขีด
พอเดินขึ้นมาบนแท่นสังเวยแล้ว กลิ่นอายดุดันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น น่ากลัวจนถึงขั้นที่พลังโดยรอบหม่นแสง ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย ให้ความรู้สึกราวกับจะเกิดความวิบัติ!
“แกมันสัตว์ประหลาด จะคนก็ไม่ใช่จะปีศาจก็ไม่เชิง” เฉินซีเย้ยเสียงเย็นเมื่อเห็นดังนั้น
แค่นี้ก็ทำให้สีหน้าอาลูเย่และคนอื่นค้างไป จุดไฟโกรธในใจขึ้นได้แล้ว ยกโทษให้ไอ้บัดซบตัวนี้ไม่ได้เสียแล้ว!
“ฆ่ามัน!” ตอนนั้นเอง ไป๋เจอกับรุ่ยเหวินก็ไม่เสียเวลาอีก คำรามดุดันกระโจนเข้าใส่เฉินซีทันที
ตู้ม!
รุ่ยเหวินลืมตาขึ้น กระแสแสงศักดิ์สิทธิ์สีโลหิตพลันพุ่งออกมา เหมือนเมฆาโลหิตกำจายขึ้นฟ้า เหมือนเครื่องสักการะเลือดกำลังกระจายตัวออกมาทำลายทุกสิ่งอย่าง
รอบข้างถูกทำลายสิ้น ไม่อาจฟื้นคืนได้อีก ปรากฏเป็นภาพการทำลายล้างครั้งใหญ่ขึ้น
เฉินซีหรี่ตาลง นี่คือพลังของเต๋าแห่งจ้าววิญญาณทำลายล้างหรือ? เป็นอย่างที่เจียหนานเตือนไว้เลย หากโดยเต๋าแห่งจ้าววิญญาณทำลายล้างเข้าไปแล้วก็จะไม่สามารถฟื้นคืนได้อีก
แต่เฉินซีหากลัวไม่ เขาปลดปล่อยเอกภพในกายออกมา ราชผกายม่วงทองเผยแววเหนือร่าง จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นวงแสงแห่งมหาเต๋าที่เต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่พ่ายแพ้ต่อวิชาหน้าไหนทั้งสิ้น!
มันเองก็เป็นพลังแห่งจุดจบรูปแบบหนึ่งเช่นกัน!
ฟ่าว!
พร้อมกันนั้น เฉินซีก็ถือยันต์ศัสตราไว้ในมือ ก่อนที่ร่างจะหายไปในพริบตา อึดใจต่อมาก็มาปรากฏต่อหน้าศัตรูแล้วฟันกระบี่ออกไป
ตู้ม!
แสงศักดิ์สิทธิ์สีโลหิตของรุ่ยเหวินถูกการโจมตีของเฉินซีซัดใส่ ทำให้สลายหายไป
แต่เฉินซียังโจมตีไม่ทันจบ ไป๋เจอก็ตะโกนลั่น “ยับยั้ง!”
พริบตานั้น ร่างรุ่ยเหวินก็แปรเปลี่ยนเป็นศิลาหลอมเพลิงขาว เผาโลกามอดไหม้ เปลวเพลิงสีขาวพุ่งขึ้นนภา ภาพน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง!
มองจากไกล ๆ จะเห็นเหมือนเป็นทะเลศิลาหลอมขาวกำลังซัดขึ้นท้องนภาสูง!
ทว่าเฉินซีกลับถูกกักตัวอยู่ในมหาสมุทรนั้น ถูกเพลิงสีขาวนั่นโจมตีรอบทิศ!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...