บทที่ 1955 ไม่อาจหยุดยั้ง
………………..
บทที่ 1955 ไม่อาจหยุดยั้ง
ศิลาหลอมสีขาวก่อตัวเป็นมหาสมุทรเพลิงผลาญฟ้าดิน เรืองโรจน์น่าสะพรึงกลัว
ครืน!
เกลียวคลื่นตลบตัวสู่เวหา โถมทะลักเข้าใส่เฉินซีจากทั่วทิศ
สีหน้าของสืออวี๋และคณะต่างแปรเปลี่ยน กระทั่งเฉินซียังประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขาหาคาดคิดไม่ว่าการร่วมมือระหว่างรุ่ยเหวินและไป๋เจอจะเผยฤทธาน่าตกตะลึงเช่นนี้
ไม่อาจหาร่องรอยของพวกเขาพบ!
เปรี้ยง!
ประกายกระบี่ของเฉินซีเฉิดฉันไร้เทียมทาน มันโถมกระแทกเข้าใส่คลื่นศิลาหลอมอย่างสุดกำลัง ทำให้เกิดคลื่นกระฉอกพุ่งสูงสู่เวหา แม้จะไม่อาจหลบพ้นท้องสมุทรอัคคี เขาก็มิได้ถูกมันสยบจนไร้หนทาง
“ไสหัวออกมา!” เฉินซีตวาดลั่นขณะฟาดฟันยันต์ศัสตราฉับไว แผลงฤทธาขั้นสี่ของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่อย่างเต็มขีดจำกัด ดูประหนึ่งจะสับศิลาหลอมนี้ให้แหลกเป็นเสี่ยง
ขวับ!
ทันใดนั้น เส้นตรวนดำสนิทซึ่งทั้งหนาและใหญ่สองเส้นก็ทะยานสู่เวหา เรื่อเรืองด้วยรัศมีประหลาดลึกลับ โอบล้อมรอบ ๆ เฉินซีไว้เสียมิด
มันคือตรวนทำลายล้าง วิชาศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ซึ่งถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษเชื้อสายเผ่ามนตรามารเนตรโลหิต สามารถทำลายสรรพสิ่งได้!
วิชาศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้มีศักยภาพทำลายล้างสูงจนเกินเข้าใจ เพียงสัมผัสแม้เฉี่ยวถากก็สามารถสร้างความเสียหายเกินซ่อมประสาน น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เปรี้ยง!
น่าเสียดายที่มันต้องมาเผชิญเฉินซี ทันทีที่ตรวนทำลายล้างทั้งสองรัดพันทั่วบริเวณรอบกายเฉินซี มันก็ถูกรัศมีสีม่วงทองสกัดไว้
รัศมีนั้นโอบล้อมรอบกายเฉินซี ก่อตัวขึ้นจากพลังแห่งจุดจบ!
เพียงพริบตา อำนาจทำลายล้างและพลังแห่งจุดจบก็ปะทะกัน เกิดเป็นคลื่นพลังกระจายตัวรุนแรงทั่วทิศ
เหล่าผู้ชมเห็นได้ชัดเจนว่าตรวนทำลายล้างถูกกร่อนสลายไปทีละน้อย ก่อนจะหลงเหลือเพียงสุญตา!
เห็นได้ชัดว่าในด้านฤทธามหาเต๋า พลังทำลายล้างไม่อาจเทียบชั้นพลังแห่งจุดจบได้เลย!
สิ่งนี้ทำให้อาลูเย่และคณะขวัญผวา ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งขึ้นถึงความน่าสะพรึงกลัวแห่งจุดจบ มันเกินความคาดคิดของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
กระทั่งสืออวี๋และคณะยังอดตะลึงไม่ได้ มิน่าเล่าพลังแห่งจุดจบจึงถูกมองเป็นสิ่งต้องห้าม มันท้าทายสวรรค์ถึงขนาดที่เต๋าสวรรค์มิอาจทนรับได้จริง ๆ
“ฆ่า!” อำนาจกดดันของเฉินซีพอกพูนขึ้นอีก รัศมีศักดิ์สิทธิ์แห่งจุดจบโคจรรอบกาย พลังสีม่วงทองเชี่ยวกรากปกคลุมทั่วร่างของเขาจนดูเหมือนมหาเทพกระบี่ไร้เทียมทาน หนึ่งกระบี่กวาดล้างทั่วโลกา
เพียงไม่นาน สมุทรศิลาหลอมสีขาวก็สั่นสะท้านระเบิดเปรี้ยง สาบสูญสิ้นไป
ขณะเดียวกัน ร่างเทพอสูรซึ่งรุ่ยเหวินและไป๋เจอใช้ร่วมกันก็ปรากฏขึ้น พวกเขาเซถอยไปเบื้องหลังอย่างไม่จบสิ้น สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่อยู่นิ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่า การร่วมมือระหว่างทั้งสองจะไม่อาจทำอะไรเฉินซีได้อยู่ดี
เปรี้ยง!
ขณะนี้ เฉินซีมิได้โอ้เอ้ เขาร่างท่าเท้าลึกล้ำ ร่างทะยานเช่นคุนเผิง ฟาดฟันกระบี่ดุจคลื่นแหวกจักรวาล
ฤทธาเช่นนั้นดูไร้เทียมทาน ไร้ขอบเขตและสะท้านโลกหล้า!
พรวด!
ไม่นานนัก รุ่ยเหวินกับไป๋เจอก็บาดเจ็บสาหัส ร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผล โลหิตทะลักไหลไม่อาจหยุด ท้ายที่สุด พวกเขาก็ถูกเฉินซีบดขยี้ท่ามกลางเสียงแผดร้องดังสนั่น ก่อนจะถูกจับเป็นไว้!
“สืออวี๋ จับตามองพวกเขาไว้” ทันทีที่คว้าชัย เฉินซีก็เตะทั้งรุ่ยเหวินและไป๋เจอลงจากแท่นสังเวยวิญญาณมนตราราวเรื่องทั้งหมดสุดแสนสามัญธรรมดา ก่อนที่ทั้งสองจะถูกพวกสืออวี๋พันธนาการไว้
…
การโจมตีร่วมระหว่างรุ่ยเหวินและไป๋เจอถูกสยบ!
ยามศึกนี้จบลง สีหน้าของอาลูเย่และคณะก็ย่ำแย่ถึงขีดสุด สีหน้าสุดแสนเหลือเชื่อ ประหลาดใจและงุนงง
มันเป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งนัก? นั่นคือการร่วมโจมตีของรุ่ยเหวินกับไป๋เจอเลยนะ! แต่พวกเขากลับไม่อาจทำอะไรเจ้าคนที่เพิ่งเป็นจ้าวเอกภพเพียงหนึ่งนี่ไม่ได้เลยเนี่ยนะ? อาลูเย่และคณะคิดให้ตายเช่นไร ก็ไม่อาจจับต้นชนปลายถูก
บรรยากาศสงัดงัน
นับแต่ศึกเริ่ม ฝ่ายเฉินซีก็เสียหายพ่ายแพ้ไปติดกันสี่หน เสียสหายกลายเป็นเชลยไปสี่คน ทว่านับแต่เริ่มศึกที่ห้า เฉินซีก็ไม่พ่ายอีกเลย!
เลี่ยฝูหลัว สั่วหลิน และอิงหลงถูกสังหาร ขณะที่อิงหลวน ไป๋เจอ และรุ่ยเหวินถูกจับเป็นไว้…. ความสูญเสียของพวกเขาหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าความสูญเสียของฝ่ายเฉินซีมากนัก!
“คนต่อไป!” เฉินซียืนตระหง่านบนแท่นสังเวย เผยสีหน้าเย็นชา เฉยเมยไร้ปรานี
เสียงอันคุ้นเคยของเขาแพร่ไปทั่วฟ้าดิน แต่มันฟังดูเสียดโสตเป็นพิเศษสำหรับอาลูเย่และพวกพ้อง ทำให้สีหน้าของพวกเขายิ่งย่ำแย่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วาทะนี้ดังขึ้นในโสตพวกเขา แต่ความหมายที่วาจานี้แสดงนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงทุกครั้งไป ในศึกขณะนี้ วาทะนี้สื่อถึงความเด็ดเดี่ยวมั่นใจสุดขีดว่าจะกวาดล้างมวลศัตรูด้วยตัวคนเดียว!
“พวกเจ้าเรียงแถวเข้าไปประชันเขาเลย เอาชนะสารเลวนั่นไม่ได้ ก็ยังลิดรอนกำลังได้ ต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดเอาชนะเขามิได้ในตอนท้ายก็ไม่เป็นไร เขาไม่กล้าฆ่าล้างเราหรอก ตราบใดที่เรายังมีตัวประกันพวกนั้นอยู่” อาลูเย่สูดหายใจลึก ฝืนสงบตนเองลง ก่อนจะถ่ายทอดกระแสปราณพูดเร็วจี๋กับจ้าววิญญาณโบราณคนอื่น ๆ
“ส่วนข้าจะออกศึกในยามอันเหมาะสม กำจัดเจ้าเด็กนั่นเพื่อจบศึกในคราวเดียว!” ถึงตรงนี้ เสียงของเขาก็เจือความแค้นและจิตสังหาร
จ้าววิญญาณโบราณคนอื่น ๆ นิ่งไป หลังจากนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ปรากฏความเด็ดเดี่ยว พยักหน้าตอบรับ
พวกเขาดูจะไม่เคลือบแคลงใด ๆ ต่ออาลูเย่เลย แสดงให้เห็นทางอ้อมว่าพวกเขามั่นใจต่อความแข็งแกร่งและการตัดสินใจของอาลูเย่อย่างไร้ข้อแม้
จริงอยู่ที่ในศึกช่วงนี้ พวกเขาพ่ายติด ๆ กัน แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ ผลสุดท้ายยังไม่ถูกตัดสิน!
เขาชื่อไป๋มู่เฉิน เป็นทายาทของเผ่ามนตราวารีหมื่นพรรณราย ร่างก่อขึ้นจากพลังเต๋ามนตราบางอย่าง มีนามว่าวารีวิปโยค ยากกำจัดอย่างยิ่งเยี่ยงธารวารีรินไหล
ครืน!
ไป๋มู่เฉินเปลี่ยนสภาพเป็นวังวนวารี ขยี้สุญญะเรืองปราณน่าสะพรึงกลัว กวาดกระหน่ำไปทั่วแท่นสังเวย
เปรี้ยง!
เพียงพริบตา มันก็ถูกปราณกระบี่ของเฉินซีผ่าแยก ร่างแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำสาดกระจาย แต่อึดใจต่อมา พวกมันก็หลอมรวมกันอีกครั้ง ก่อนจะจู่โจมต่อเนื่องอย่างเกินเข้าใจ
สิ่งนี้ให้ผลเดียวกับเลี่ยฝูหลัวจากเผ่ามนตราอัคคีอนันต์ แต่เกิดขึ้นจากวิธีอันแตกต่าง ทั้งสองไม่ได้มีอำนาจจู่โจมมากนัก ทว่าลี้ลับเกินหยั่งคาด
“เจ้าเหยื่อสมควรตาย! แผนของเราดำเนินได้อย่างราบรื่นยามใด ทั้งแดนเทพโบราณจะกลายเป็นจุดหมายของหายนะโลกาวินาศ ผู้บ่มเพาะทุกคนจะต้องกราบกรานแทบเท้าเราจ้าววิญญาณโบราณผู้ทรงอำนาจเหนือชะตา ก้มหัวกันเป็นหมูเป็นหมา!” ไป๋มู่เฉินพยายามก่อกวนสติของเฉินซีขณะโจมตี ตั้งใจยั่วโมโหให้เฉินซีเสียความเยือกเย็น
“เช่นนั้นหรือ!?” สีหน้าของเฉินซีเย็นเยียบ
ขวับ!
ร่างหายวับไปในพริบตา ก่อนปราณกระบี่ม่วงทองจะโบยบินสู่เวหา เรืองรัศมีระยับพราวปกคลุมทั่วหล้า
“เฉินซีเหมือนจะโมโหแล้ว!” สืออวี๋ประหลาดใจ
เฉินซีโมโหแล้วจริง ๆ กระทั่งบัดนี้ เจ้าพวกผู้ผิดบาปสมควรตายก็ยังเหยียดหยามพวกเขา ผู้บ่มเพาะจากแดนเทพโบราณไม่เลิกรา เห็นเหล่าผู้บ่มเพาะเป็นเหมือนทาสต่ำต้อย เฉินซีรู้สึกว่าเรื่องนี้มิอาจอภัยได้!
เปรี้ยง!
ไม่ต้องพูดก็ทราบได้ ว่าวิชาศักดิ์สิทธิ์ของไป๋มู่เฉินร้ายกาจยิ่งนัก แม้ร่างของเขาจะถูกปราณกระบี่ของเฉินซีสับกระชากเป็นเสี่ยง ก็ยังฟื้นตัวได้ทุกคราไปในกาลอันสั้น
หากเฉินซีใช้พลังแห่งจุดจบ เขาก็ย่อมสามารถจบทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย แต่เพื่อปกป้องชีวิตของพวกคงโหยวหราน เขาจึงไม่อาจลงมือปลิดชีพได้
สิ่งนี้ส่งผลให้การโจมตีของเขาถูกกระทบ
“ฮ่า ๆ ๆ! พลังแห่งจุดจบน่ากลัวจริงแท้ แต่เจ้าไม่กล้าใช้มันเสียนี่ โทษได้แต่ตัวเองนะ!” ไป๋มู่เฉินแผดเสียงหัวเราะอย่างสุดย่ามใจ รู้สึกว่าด้วยเหตุนี้ เฉินซีไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย
ขวับ!
ทันใดนั้น ตาข่ายปากใหญ่อันเย็นเยียบ เรืองรองเยี่ยงแสงดาราก็ทะยานสู่ฟากฟ้า คลุมลงมาทั่วทิศ
นั่นอะไร? ม่านตาของไป๋มู่เฉินหดตัว
ทว่าก่อนที่เขาจะทันมีปฏิกิริยา ร่างของเขาก็ถูกกระบี่ของเฉินซีสับเป็นละอองน้ำ แล้วละอองน้ำเหล่านั้นก็ถูกตาข่ายครอบไว้ก่อนทันได้หลอมรวมฟื้นตัว
หลังจากนั้น ตาข่ายก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...