บทที่ 1957 คว้าชัยในทุกศึก
………………..
บทที่ 1957 คว้าชัยในทุกศึก
การจับเป็นอามั่วอวิ้นเท่ากับว่า ยอดฝีมือเก้าคนจากฝั่งอาลูเย่ปราชัยแก่เฉินซี!
เก้าคน!
จำนวนนี้ดูสุดแสนธรรมดา ทว่าขณะนี้ มันดูประหนึ่งมีมนตร์สะกดอันเป็นที่ตื่นตะลึงแก่ทุกผู้คน
ชั่วขณะนั้น ความเงียบกริบเข้าปกคลุมทั่วเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ ทุกคนต่างมองไปยังบุคคลอันดูไร้เทียมทานเช่นจักรพรรดิศึก ณ สมรภูมิ
เฉินซีสังหารจ้าววิญญาณโบราณสามคนติดต่อกัน และจับเป็นไปอีกหก คว้าชัยลำพังด้วยฤทธายิ่งยงไร้เทียมทาน ไร้ผู้ใดต้านไหว!
หากข่าวนี้แพร่ไปสู่แดนเทพโบราณ คงเกิดเสียงฮือฮาสะท้านโลกาเป็นแน่
“บัดซบ!” จ้าววิญญาณโบราณบางคนข่มเขี้ยว กำหมัดแน่นเสียจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว เส้นเลือดปูดโปน อยากจะฆ่าเฉินซีเสียยามนี้ใจจะขาด
แต่สัจธรรมอันสุดโหดร้ายก็ตระหง่านอยู่ตรงหน้า อำนาจต่อสู้ของเฉินซีท้าทายสวรรค์เกินไป เขาดูไม่อาจสั่นคลอน ไร้ผู้ใดกล้าประกันแล้วว่าจะรับมือเขาได้
สืออวี๋และคณะต่างชื่นมื่น กระทั่งเจียหนานยังอดเผยยิ้มผ่อนคลายโล่งใจที่มุมปากมิได้
“คนต่อไป!” เสียงของเฉินซีเป็นดั่งสิ่วเหล็กทะลวงรูหูของเหล่าจ้าววิญญาณโบราณ ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ความรู้สึกอับอายเอ่อขึ้นในใจ นอกจากนั้นยังมีโทสะอันไม่อาจสะกดกลั้น!
คู่ต่อสู้มีเพียงหนึ่ง แต่กลับขวางทางไร้เทียมทานจนบัดนี้ พวกเขาหรือจะรับได้?
ยามพวกเขาเผชิญคำว่า ‘คนต่อไป’ ในยามนี้ จึงให้ความรู้สึกแสลงหูอย่างสุดขั้ว
เฉินซีกล่าวจบ สายตาของเขาพลันกวาดไปมองพวกอาลูเย่ สีหน้าเฉยเมย สุขุมและสำรวม แต่กลับเหมือนราชันทอดเนตรลงจากเบื้องบน เต็มไปด้วยความเย็นชา เฉยเมยและเหยียดหยามเสียดกระดูก
สิ่งนี้ทำให้อาลูเย่เกือบคุมตนเองไม่อยู่ ใบหน้าของเขาบูดบึ้งคล้ำดำ สีหน้ายิ่งง้ำงอถึงขีดสุด
“อะไร? รู้สึกสุดแสนขัดข้องใจ จนใจและคับแค้นยิ่งหรือ?” รอยยิ้มเย็นเยียบยกขึ้นที่มุมปากของเฉินซี “พวกเจ้ากล้าอวดโอ่จะบดขยี้ยุคสมัยนี้ เหยียบย่ำอยู่เหนือผู้บ่มเพาะทั้งมวล ใช้แค่ฝีมือแค่นี้เนี่ยนะ? น่าขันโดยแท้! พวกเจ้าประเมินตัวเองสูงไปจริง ๆ! สารเลวอย่างพวกเจ้า สมควรแล้วที่จะต้องซุกซ่อนดุจหนอนแมลงโสมมในแดนรวนเรลืมเลือนชั่วกาล!”
เสียงของเขาสุขุมเฉยชา กล่าวกับจ้าววิญญาณโบราณทั้งมวลเช่นผู้เหนือกว่า
ขณะนี้ เฉินซีพลันนึกถึงจักรพรรดิเหยียนปิงที่เขาเคยพบ และรื้อฟื้นทุกสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาในวันนั้น
“ยามขึ้นเป็นจ้าวเอกภพ พวกเจ้าจะถูกพวกผู้ผิดบาปเหล่านั้นจับตัวเช่นเหยื่อ!”
“กฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์ถูกลิดรอน!”
“ทั้งพลัง วิญญาณ และแก่นแท้จะถูกสัตว์อสูรจ้าววิญญาณของพวกเขากลืนกิน!”
“กระทั่งสังขารยังถูกพวกเขานำไปใช้ กลายเป็นสัตว์อสูรที่มิใช่ทั้งมนุษย์ ผี เทพ หรือมาร ไม่อาจสิ้นชีพตกตายสมประกอบตราบกาลนาน!”
เสียงอันเปี่ยมด้วยความแค้นและสิ้นหวังสุดขั้วของจักรพรรดิเหยียนปิงเหมือนกึกก้องขึ้นอีกครั้งในใจ ทำให้จิตสังหารของเฉินซียิ่งคุโชน
เหล่าผู้มาจากต่างยุคมีเจตนาร้ายแน่แท้!
เหล่าจ้าววิญญาณโบราณผู้เหลือรอดจากยุคก่อนมีอุปนิสัยเย็นชาโหดร้าย ถือผู้บ่มเพาะทั้งหลายในแดนเทพโบราณเป็นมดแมลง นอกจากนั้น ยังกระทั่งคิดจะก่อหายนะสู่โลกหล้า ทำลายยุคสมัยปัจจุบันลง!
เมื่อเผชิญหน้าพวกสารเลวประสงค์ร้ายหวังทำลายโลกหล้าเช่นนี้ เฉินซีจะรักษาความเยือกเย็นไว้ได้อย่างไร!?
เขาไร้ความปรารถนาอื่นนอกจากกำจัดพวกสมควรตายเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป!
“เฉินซี!” เมื่อได้ยินวาทะสุดหยามเหยียดของเฉินซี อาลูเย่ก็เดือดโทสะดุจสมุทรอัคคีเดือดพล่านในสายตา จวนเจียนแผดผลาญเก้าชั้นสรวงได้ทุกเวลา
“ไม่พอใจก็ขึ้นมา!” เฉินซีกล่าวเสียงเย็นเยียบ หาระคายต่อโทสะสุดขีดของอาลูเย่ไม่
บรรยากาศเปี่ยมจิตสังหารในฉับพลัน ทุกคนคิดไปว่าอาลูเย่จะไม่อาจยั้งตนเอง และเข้าสู้กับเฉินซี
ทว่าพริบตาต่อมา อาลูเย่เหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ เขาเงียบไปเพียงครู่ แล้วจึงหัวเราะลั่นเสียงเย็น “น่าขันนัก! น่าขันจริง ๆ! กระดานหมากถูกจัดเรียง ความได้เปรียบอยู่ในมือข้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือทั้งยุคสมัย ทุกสิ่งก็จะถูกป่นสู่สุญตา!”
“ข้าหาสนใจสิ่งเหล่านั้นไม่ ยามนี้ สิ่งที่ข้าอยากทำก็มีแค่ฆ่าพวกเจ้าให้หมด!” เสียงของเฉินซีเฉียบขาดสุดแสนอหังการ
“ฮ่า ๆ! มดอย่างเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้? ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจความต่างชั้นระหว่างเรายามข้าลงมือ!” อาลูเย่หัวเราะร่า ทว่าเสียงกลับเย็นเยียบถึงขีดสุด
ว่าแล้ว เขาก็สะบัดแขนเสื้อ หันกลับไปมองจ้าววิญญาณโบราณที่เหลืออีกหกคน “ทำเช่นที่ข้าบอกเมื่อครู่ เรียงกันขึ้นไปสู้กับเขา หากสุดท้ายไร้ผู้ใดเอาชนะไอ้เวรนั่นได้จริง ๆ ข้าก็… จะกำจัดเขาด้วยทุกวิถีทาง!”
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว เฉินซีก็ขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นทันที “ส่งคนอื่นไปตาย นี่หรือจรรยาของจ้าววิญญาณโบราณ?”
เขาอยากยั่วโมโหอาลูเย่แล้วจัดการเจ้านี่ก่อน
น่าเสียดายที่อาลูเย่ไม่คิดใส่ใจ เขาดูสุดแสนเยือกเย็น ไม่คิดโต้เถียงกับเฉินซีด้วยซ้ำไป
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกคลับคล้ายว่าการกระทำของอาลูเย่มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หรือเจ้านี่กำลังลังเลเรื่องบางอย่างอยู่?
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ข้าเอง!”
ก่อนเฉินซีจะทันคิดตก เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังขึ้นตามกัน แม้จ้าววิญญาณโบราณทั้งหลายจะจองหอง พวกเขาก็หากลัวศึกไม่
ท้ายที่สุด ชายซึ่งมีผิวกายแดงทั้งร่างเช่นเปลวเพลิง ดูเช่นดวงตะวันก็ขึ้นสู่สมรภูมิ เจิดจรัสเฉิดฉายยิ่ง
“ฆ่า!” นามนั้นคือไท่เกิ้น มาจากเผ่ามนตราวิญญาณสัจอัคคี เกิดมาพร้อมความสามารถควบคุมเพลิงทั้งหลาย เรืองฤทธิ์ไร้ขอบเขต ผลาญนภาต้มสมุทรได้
ทันทีที่เขาเหยียบย่างเข้าสู่แท่นสังเวย ไท่เกิ้นก็จู่โจมอย่างดุดัน ทั่วร่างแปลงเปลี่ยนเป็นดวงตะวันแผดผลาญ ฉายเพลิงศักดิ์สิทธิ์โรจน์รุ่ง ตั้งใจเผาเฉินซีให้เป็นจุณ
มิต้องพูดก็รู้ว่าไท่เกิ้นแข็งแกร่งมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่าสั่วหลินและอามั่วอวิ้นเลย ทว่าเขาดูด้อยชั้นเชิงนักยามเผชิญตัวตนท้าทายสวรรค์อย่างเฉินซี
หนึ่งชั่วละเลียดชาผ่านไป
หนึ่งชั่วก้านธูปมอดต่อมา เฉินซีก็สับแขน ทะลวงท้อง ระเบิดร่างของเขาแหลกไปครึ่งหนึ่ง เย่โหยวเหินเจียนดับสูญ แต่สุดท้ายก็ปราชัยถูกจับเป็น
…
ศึกที่สิบสี่
…
ศึกแล้วศึกเล่าปะทุขึ้นตามกัน ความดุเดือดเข้มข้นยิ่งถมทวี จ้าววิญญาณโบราณทั้งหลายต่างแผลงฤทธา สู้ตายอย่างไม่ลังเล
แต่สุดท้าย พวกเขาก็ปราชัยตามกัน
มิใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป แต่เฉินซีต่างหากที่ท้าทายสวรรค์เกินไป
ไร้ผู้ใดคาดคิดว่า หลังเฉินซีเผชิญศึกพัวพันต่อเนื่อง เขาจะยังสามารถคงอำนาจต่อสู้สูงสุดเอาไว้ ดูไร้สัญญาณอ่อนแรงสิ้นกำลังใด ๆ
สิ่งนี้ทำให้จ้าววิญญาณโบราณทั้งหลายอดรู้สึกสิ้นหวังหมดกำลังยามเผชิญหน้ามิได้ ราวอีกฝ่ายมิอาจสั่นคลอนได้เลย
พวกเขาต่างเป็นจ้าววิญญาณโบราณผู้อยู่รอดจากยุคก่อน! ผู้ใดบ้างมิใช่ตัวตนแข็งแกร่งเกินใคร?
เพียงแค่ว่า พวกเขาต่างถูกเฉินซีใช้กระบี่ปราบลงตามกัน กระทั่งพวกสืออวี๋ยังเชื่อไม่ลงหากมิได้ประจักษ์ด้วยตา
เพราะถึงอย่างไร เรื่องทั้งหมดนี้ก็สะท้านโลกา เกินจินตนาการเกินไป
สิ่งนี้แสดงชัดว่า แม้เขาจะเพิ่งบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ อำนาจต่อสู้ของเฉินซีก็ทะยานสูงจนน่าตกใจไปเนิ่นนานแล้ว
…
ศึกที่สิบห้า
คู่ต่อสู้ของเขาเป็นจ้าววิญญาณโบราณประหลาดผู้สูงสามฉื่อ สวมผ้าพันท้องสีแดงเพลิง มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กหกขวบ
นามของเขาคือว่านสุ่ยชิง มาจากเผ่ามนตราจิตเมฆา ถือครองทักษะโดยกำเนิด ‘โอบอุ้มสรรพสิ่ง’ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งใดก็ได้ ใช้ทักษะวิชาทั้งปวงได้!
ยามต่อสู้ ร่างของเขาปกคลุมทั่วแท่นสังเวยดุจอวตารร่างเกินนับ แฝงสัจในความเท็จ เกินคาดเดาสิ้นเชิง
นอกจากนั้น วิธีการต่อสู้ของเขายังน่าตกตะลึงยิ่ง เขาถือครองเต๋ามนตราสูงสุดมากมาย เป็นศัตรูที่ตึงมือสูงสุดนับแต่เฉินซีเผชิญมา
ถึงขนาดกระทั่งที่เฉินซีเสียเปรียบเล็กน้อยในการต่อสู้ แขนซ้ายถูกฉีกกระชาก ทำให้เลือดเนื้อเปิดเปิงเจียนหยุดกระเด็น
ท้ายที่สุด เฉินซีต้องพึ่งใช้อักขระผนึกเต๋าหมายหัวศัตรู แล้วจึงฉวยโอกาสทำให้ว่านสุ่ยชิงบาดเจ็บสาหัส ทำให้อีกฝ่ายปราชัยถูกจับเป็น
ขณะนี้ จ้าววิญญาณโบราณผู้ร้ายกาจทั้งสิบห้าถูกเฉินซีเอาชนะหมดสิ้น เหลือเพียงอาลูเย่ลำพัง!
ความสำเร็จเช่นนี้นับได้แล้วว่าเจิดจรัสตราบยุคสมัย เป็นที่ตื่นตาตลอดกาล!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...