เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1963

บทที่ 1963 การกระทำผิดปกติของเฉินซี

………………..

บทที่ 1963 การกระทำผิดปกติของเฉินซี

เขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ

สังสารวัฏหลั่งริน เผยสารพัดปรากฏการณ์ตะลึงหล้า

ขณะนี้ อาลูเย่กลายสภาพเป็นเด็กน้อย ยืนตะลึงมึนงงกับที่ การบ่มเพาะของเขาสูญสิ้น

เขาดูใสซื่อไร้เดียงสา มึนงงไร้มลทิน ทว่าพวกสืออวี๋กลับไร้ความรู้สึกสงสาร

กลับกัน พวกเขากลับรู้สึกปรีดายามจะได้ล้างแค้น!

แน่นอน พวกสืออวี๋ต่างตกใจยิ่งกับความสามารถที่เฉินซีแสดงในขณะนี้ ทำให้พวกเขาได้เข้าใจเสียทีว่าสังสารวัฏน่าสะพรึงกลัวเพียงไร

เพียงพริบตา มันก็ฉกชิงความทรงจำ ประสบการณ์และความแข็งแกร่งของหนึ่งตัวตนน่าสะพรึงกลัวเทียบเท่าจ้าวเอกภพเก้าดาราไปอย่างไร้ร่องรอย แปรเปลี่ยนตัวตนผู้นั้นเป็นเด็กน้อยไร้ทางสู้!

ผู้บ่มเพาะคนใดจะยอมตกต่ำถึงเพียงนั้น?

เกียรติยศ สถานะ ความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ เส้นทางแสวงเต๋า… สรรพสิ่งล้วนมอดมลายสู่ความไม่มี นี่… เจ็บปวดยิ่งกว่าตายอีก!

สิ่งที่ทำให้พวกสืออวี๋ตะลึงเป็นที่สุดนั้นก็คือ พลังสังสารวัฏยังคงซอกซอนสู่กายอาลูเย่ไม่จบสิ้น แปรเปลี่ยนเขาไปอย่างไม่รู้จบ

ท้ายที่สุด อาลูเย่ก็กลายเป็นเพียงโลหิตหยดหนึ่ง!

มันคือโลหิตสีทองเข้มอันเต็มไปด้วยปราณจ้าววิญญาณอาถรรพ์!

สิ่งนี้น่าตกใจยิ่งนัก ใครเล่าจะคาดคิดว่าตัวตนน่าสะพรึงกลัวอย่างอาลูเย่ แท้จริงจะเกิดขึ้นจากโลหิตเพียงหยดเดียว?

สิ่งสำคัญเหนือใดคือ โลหิตทองเข้มหยดนี้เป็นของใครกัน?

สืออวี๋และคณะต่างพรั่นพรึง พวกเขาพลันนึกย้อนถึงวาจาที่เจียหนานเคยกล่าวไว้ได้ ว่าอาลูเย่เป็นทายาทของนายใหญ่หนึ่งเดียวแห่งยุคก่อน ราชันศักดิ์สิทธิ์! สถานะจึงสูงส่ง เป็นที่เคารพอย่างยิ่ง

นี่มิได้หมายความหรือ ว่าโลหิตทองเข้มนี้จะเป็นของราชันศักดิ์สิทธิ์ผู้ลึกลับเกินคาดหยั่งนั่น?

เมื่อความคิดมาหยุดที่นี่ หัวใจของพวกสืออวี๋ก็หนาวเยือกอย่างช่วยไม่ได้ โลหิตหยดเดียวยังเกิดเป็นตัวตนน่าสะพรึงกลัวเทียบจ้าวเอกภพเก้าดาราได้ แล้วความแข็งแกร่งของราชันศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ต้องเลิศล้ำเพียงไร?

ยิ่งกว่านั้น ในเมื่ออาลูเย่อยู่รอดยามยุคก่อนถูกทำลายได้ นี่มิได้หมายความหรือว่าราชันศักดิ์สิทธิ์ก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่?

ยิ่งไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง พวกเขาก็ยิ่งประหลาดใจระคนว้าวุ่น ความตกใจต่อพลังสังสารวัฏก็ยิ่งถดถอย

ครืด! ครืด!

ขณะนี้เอง โลหิตทองเข้มก็สูญสลายสู่สุญตา หายสิ้นจากโลกหล้าไปเช่นกัน

กล่าวคือ ขณะนี้ อาลูเย่ผู้ถูกพลังสังสารวัฏซอกซอนได้ดับสิ้นไม่เหลือซาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกสืออวี๋ก็สังเกตทันทีว่าพลังสังสารวัฏทั่วฟ้าดินนี้สูญสลายไปอย่างรวดเร็ว

ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังคืนอิสระ ไม่นิ่งค้างกับที่เช่นหุ่นกระบอกกันแล้ว

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาผ่อนหายใจยาวอย่างโล่งอก แล้วจึงหยุดคิดถึงสิ่งอื่นใด มุ่งสายตาไปยังเฉินซีผู้ยืนบนแท่นสังเวยวิญญาณมนตราอย่างพร้อมเพรียง

ขณะนี้เป็นเช่นกาลก่อน เฉินซียังคงร่างโชกเลือดเจียนสลาย นอกจากนั้น ใบหน้ายังชุ่มโลหิต มีเพียงดวงตาที่เย็นเยียบเฉยชากว่ากาลก่อน

มือข้างหนึ่งถือพู่กันพิพากษามาร อีกข้างถือระเบียนแดนมรณะ ดูเหมือนยืนท่ามกลางการเปลี่ยนผันแห่งกาลเวลา มองชั่วยามผันผ่าน สรรพสิ่งวนเวียนเป็นตาย

ขณะนี้ สืออวี๋และคณะต่างรู้สึกคลับคล้ายว่าเฉินซีตรงหน้ากลายเป็นคนไม่คุ้นเคย ทำให้ยากนักที่พวกเขาจะปฏิบัติกับอีกฝ่ายเช่นที่เคยทำในอดีต นอกจากนั้น ความรู้สึกหวาดกลัวและเกรงขามอันซับซ้อนก็บังเกิดขึ้นในใจพวกเขา

เฉินซีผู้ควบคุมสังสารวัฏยังเป็นเฉินซีคนเดิมหรือไม่?

เปรี้ยง!

ก่อนที่พวกสืออวี๋จะทันคืนสติ หนึ่งเสียงระเบิดก็ดังเลื่อนลั่น จ้าววิญญาณโบราณผู้บาดเจ็บสาหัสทั้งหลาย ณ อีกฟากของแท่นสังเวยต่างตกตายตามกัน ร่างสลายสู่สุญตา!

อะไรนี่? สืออวี๋และคณะต่างผงะ

“ข้าทิ้งร่องรอยพลังแห่งจุดจบไว้ในตัวพวกเขายามจับเป็นก่อนหน้านี้” ขณะเดียวกัน เฉินซีบนแท่นสังเวยก็เปิดปาก เสียงของเขาไร้อารมณ์ใด ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดหลังสังหารอาลูเย่ลง

คำพูดของเขาเป็นคำอธิบายชั้นดีว่าเหตุใดจ้าววิญญาณโบราณทั้งหลายจึงตกตายเฉียบพลัน และนอกจากรู้สึกอึ้งทึ่ง สืออวี๋และคณะก็รู้สึกชื่นชมในฝีมือการรับมือสถานการณ์ของเฉินซี ที่แท้เขาก็วางแผนไว้แต่ต้น ไม่ได้คิดปล่อยพวกเขาไปเลย!

ขณะเดียวกัน การได้ยินเฉินซีเปิดปากทำให้พวกสืออวี๋ผ่อนลมหายใจโล่งอกกันอย่างไร้เหตุผล ราวประจักษ์ว่าเฉินซียังคงเป็นคนเดิมที่พวกตนคุ้นเคย

พวกเขาไม่อยากให้เฉินซีกลายเป็นคนแปลกหน้าไปเพราะสังสารวัฏ

เปรี้ยง!

ครู่ต่อมา ทั่วทั้งเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณก็สั่นสะท้าน แหลกสลายไปทีละน้อยราวแก้วแตกร้าว ก่อนจะสลายสิ้นเป็นผุยผง

เพียงพริบตา เฉินซีและคณะก็ปรากฏตัวขึ้น ณ ส่วนลึกของหุบเหวทัณฑ์หายนะอีกครั้ง

“เจ้านั่นทำอะไรของเขา?” สีหน้าของสืออวี๋แปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขาคิดเรียกเฉินซี แต่ก็ถูกเจียหนานซึ่งสังเกตเห็นการกระทำของเฉินซีแล้วหยุดไว้

“อย่าหยุดเขา” ขณะนี้ สีหน้าของเจียหนานพิกลเล็กน้อย สายตาคมปลาบเช่นอัสนี จับจ้องเฉินซีราวกำลังรอคอยบางสิ่ง

“ทำไม? หากเจ้าเฉินซีเปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศขึ้นมาเล่า? สรรพสิ่งไม่จบสิ้นหรือไร?” สืออวี๋ขมวดคิ้ว เขารู้สึกร้อนใจ เกิดสังหรณ์ร้ายในอก

นับแต่เฉินซีใช้พลังสังสารวัฏออกมา สืออวี๋ก็สังเกตว่าเฉินซีเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ยามนี้เมื่อเห็นเฉินซีเดินเข้าหาประตูแห่งวันโลกาวินาศอย่างไม่พูดจา เขาก็ตระหนักหนึ่งปัญหาอันสุดร้ายแรง

ก่อนหน้านี้ อาลูเย่บอกไว้ว่าทั่วโลกา มีเพียงเฉินซีลำพังที่เปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศได้

เพราะเฉินซีถือครองแผนภาพวารีหลาก เป็นผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากคนที่เก้าในยุคสมัยนี้ นอกจากนั้น เฉินซียังควรค่าแก่สมญา ‘ผู้ช่วงชิง’!

ในแปดยุคเก่าก่อน เพราะตัวตนอย่างเฉินซีเปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศออกครั้งแล้วครั้งเล่า ยุคสมัยทั้งแปดจึงถูกทำลายลง

นอกจากนั้น ทั้งหมดนี้ยังเป็นเหตุที่พวกอาลูเย่อดทนมาจนยามนี้ และยังเป็นเหตุผลที่พวกเขาเลือกลงมือกันในปัจจุบัน

อาลูเย่อยากชิงชะตาของเฉินซี แทนที่เฉินซีเป็นผู้ช่วงชิงแห่งยุคสมัยนี้ และเปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศ!

เพราะความเข้าใจนี้เอง พวกสืออวี๋จึงมีปฏิกิริยารุนแรงยามเห็นเฉินซีเดินเข้าไปใกล้ประตูแห่งวันโลกาวินาศมากขึ้นเรื่อย ๆ

สืออวี๋สงสัยว่าสติรู้คิดของเฉินซีจะถูกกดไว้จนสิ้น ร่างถูกอำนาจประหลาดควบคุม คิดเปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศ

“อย่าลืมข่าวลือเกี่ยวกับประตูแห่งวันโลกาวินาศสิ นอกจากมันจะนำหายนะสู่โลกหล้า ปริศนาแท้จริงแห่งมหาวิถีก็น่าจะซ่อนอยู่ในนั้นด้วย!” สืออวี๋อดผงะไปไม่ได้ยามเจียหนานกล่าวเช่นนั้น

“หมายความว่า เฉินซีตั้งใจแสวงปริศนาแท้จริงแห่งมหาวิถีหรือ?” สืออวี๋ยังสุดกังวล “แต่หากทำเช่นนั้น ก็มิใช่ก่อหายนะโลกาวินาศขึ้นทางอ้อมหรือ แล้ว… แล้ว… เราควรทำเช่นไร?”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็อดหันไปถามเจียหนานมิได้ “เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่เป็นไรจริง ๆ?”

เจียหนานครุ่นคิดหนักอยู่เนิ่นนาน จึงกล่าวว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่ายุคสมัยที่เราอยู่คือยุคสมัยใด?”

“ยุคที่เก้า” สืออวี๋ตอบโดยไม่คิด

ก่อนหน้านี้ เขาหาตระหนักถึงมันไม่ แต่หลังจากได้ยินคำพูดอาลูเย่เมื่อกาลก่อน เขาจึงเข้าใจว่าแปดยุคสมัยได้ปลาสนาการไปก่อนปัจจุบัน

เจียหนานกล่าวต่อ “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเฉินซีในยุคสมัยนี้เป็นผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากลำดับเท่าไหร่?”

สืออวี๋ก็ยังคงตอบอย่างไม่หยุดคิด “เก้า”

“เก้าคือเลขแห่งจุดจบ” เจียหนานกล่าวแผ่วเบา ทว่าความหมายในนั้นดูสุดแสนเกินเข้าใจ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]