เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1964

บทที่ 1964 อักขระเต๋าแปลกประหลาด

………………..

บทที่ 1964 อักขระเต๋าแปลกประหลาด

เก้าเป็นจุดสิ้นสุดของตัวเลข?

สืออวี๋ตกตะลึง แล้วเขาเกือบสบถออกมา ช่างเป็นเหตุผลที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้?

อย่างไรก็ตาม เมื่อสืออวี๋สังเกตเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของเจียหนาน ซึ่งดูไม่เหมือนว่าเขากำลังล้อเล่น สืออวี๋ก็ระงับตัวเองอย่างแข็งขัน และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก

“แล้วเราควรทำอย่างไร? เราควรตามเฉินซีเข้าไป หรือออกไปตอนนี้?” ฉินซินฮุยเอ่ยถาม

นี่เป็นปัญหาแน่นอน ปัจจุบันกลุ่มของอาลูเย่ได้ถูกทำลายล้างไปแล้ว หากกล่าวตามเหตุผล มันเป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเขาที่จะหลบหนีจากหุบเหวทัณฑ์หายนะ

ทว่าในขณะนี้ ทุกอย่างตกอยู่ในความสับสนจากการกระทำที่กะทันหันของเฉินซี และมันทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“อยู่ที่นี่แหละ” ขณะที่กล่าว เจียหนานก็นั่งขัดสมาธิบนพื้น

“รอหรือ?” สืออวี๋และฉินซินฮุยสบสายตากัน ซึ่งทั้งคู่ก็ขมวดคิ้ว

“ยามนี้ แม้ว่ากลุ่มของอาลูเย่จะถูกทำลายล้างไปแล้ว แต่ก็ไม่มีทางที่เราจะออกจากหุบเหวทัณฑ์หายนะด้วยการพึ่งพาความแข็งแกร่งของเราเพียงลำพัง” ในไม่ช้า เจียหนานก็อธิบาย “ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่สามารถเข้าใกล้ประตูแห่งวันโลกาวินาศได้เช่นกัน พลังภายในนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถต้านทานได้”

ในขณะนี้ สืออวี๋และฉินซินฮุยก็ตระหนักได้ในที่สุด เช่นเดียวกับที่เจียหนานกล่าว ตอนนี้พวกทำได้เขาเพียงรอคอยเท่านั้น

ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้สืออวี๋จะเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขาก็ได้แต่เก็บคำถามไว้ในใจก่อน และเริ่มรออยู่ตรงนั้นเหมือนกับเจียหนาน

ในระหว่างนี้ สืออวี๋ได้ตรวจสอบอาการของคงโหยวหรานและคนอื่น ๆ และรู้สึกโล่งใจ เมื่อพบว่าพวกเขาค่อย ๆ ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

ก่อนหน้านี้ ขณะที่พวกเขาต่อสู้อยู่ในเขตแดนสัประยุทธ์จ้าววิญญาณ คงโหยวหราน เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และจ้าวชิงเหยาได้แพ้พ่ายจนถูกจับกุมไปทีละคน ซึ่งชะตากรรมของพวกเขายังไม่ทราบแน่ชัด สิ่งนี้ทำให้สืออวี๋และคนอื่น ๆ ต้องหลั่งเหงื่อเยียบเย็นออกมายกใหญ่

ตอนนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาทั้งหมดจะรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ คงโหยวหรานและคนอื่น ๆ ก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ผลลัพธ์ดังกล่าวจึงถือว่าไม่เลวร้ายนัก

ส่วนต้นตอของความกังวลอย่างเดียวสำหรับสืออวี๋ในตอนนี้ คือเฉินซีที่อยู่ห่างออกไป

เขาคิดจะทำอะไรถึงเข้าใกล้ประตูแห่งวันโลกาวินาศ?”

ตุบ! ตุบ!

เฉินซีก้าวผ่านความว่างเปล่าด้วยฝีเท้าที่ไม่เร็วหรือช้า ท่าทางของเขายังคงสุขุมอย่างสมบูรณ์ และไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใด ๆ ที่สามารถแยกแยะได้จากเขา

ในไม่ช้า เขาก็มาถึงหน้าประตูแห่งวันโลกาวินาศ

เมื่อเทียบกับประตูขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านขึ้นไปบนฟ้า เขากลับดูตัวเล็กเหมือนมด

เปรี้ยง!

ทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศสีเทาได้กลายเป็นมวลสายฟ้าหนาแน่นที่ไหลอย่างต่อเนื่องบนพื้นผิวของประตู และพวกมันก็เปล่งรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

เฉินซียืนอยู่ที่นั่น ซึ่งดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นอันตรายที่อยู่ตรงหน้าเลย ชายหนุ่มแค่จ้องไปที่ประตู และไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ในขณะนี้ เฉินซีดูผิดปกติเกินไปจริง ๆ ร่างอาบไปด้วยเลือด ร่างกายเกือบจะแตกเป็นชิ้นเสี่ยง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่อาจดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย

ท่าทางสงบอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าเปื้อนเลือดยังคงความเย็นชาและไม่แยแสอย่างสุดขั้ว

ฟึ่บ!

ทันใดนั้น พู่กันพิพากษามารก็ปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นเขาก็ถ่ายพลังผ่านฝ่ามือ ทำให้ปลายพู่กันเปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนดาบที่สามารถทะลวงฟ้า ขณะที่มันแทงลึกเข้าไปในทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศ

ในตอนนี้ หัวใจของสืออวี๋และคนอื่น ๆ ที่สังเกตเห็นเหตุการณ์นี้อดไม่ได้ที่จะบีบรัด พวกเขาล้วนกังวลว่าเฉินซีจะประสบคราวเคราะห์

ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศ ดังนั้นมันจะธรรมดาได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับต้องประหลาดใจ ทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศสีเทาที่หนาแน่นนั่นกลับถูกทะลวงผ่านได้อย่างง่ายดาย มันง่ายพอ ๆ กับการฉีกผืนผ้า และไม่อาจทำร้ายเฉินซีได้เลย

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เฉินซีรุกคืบต่อไป พู่กันพิพากษามารในมือนั่นเหมือนกับดาบแหลมคมที่ทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้า และฉีกทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศที่ปกคลุมประตูแห่งวันโลกาวินาศ ทำให้พวกมันแตกกระจายออกไปอย่างไม่รู้จบ

ท้ายที่สุด พื้นที่ประมาณสามจั้งก็เปิดบนพื้นผิวของประตู

“นั่นอะไร!?” ร่างของสืออวี๋และคนอื่น ๆ สั่นสะท้าน น่าประหลาดใจที่มีอักขระเต๋าแปลก ๆ เรียงกันเป็นแถวในบริเวณนั้น!

อักขระเต๋าเหล่านั้นดูเหมือนว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติ และลอยออกมาปรากฏบนพื้นผิวของประตู ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเผยให้เห็นแสงสีเทาขุ่นมัว ซึ่งดูเหมือนพวกมันจะก่อตัวขึ้นมาจากปราณโกลาหล อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันสูงสุดอย่างไม่อาจอธิบายได้

มันเป็นแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว มันเหมือนกับกฎสูงสุดที่สยบจักรวาล แต่ก็ดูเหมือนเป็นอักขระดั้งเดิมของแก่นแท้โกลาหล มันเผยให้เห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจอธิบายได้

ทันทีที่พวกเขามองไปยังแถวของอักขระเต๋าอันแปลกประหลาด สืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าได้เห็นการปรากฏตัวของเต๋าแห่งสวรรค์ที่แท้จริง จิตใจของพวกเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ในขณะที่ความเคารพที่ไม่อาจยับยั้งได้เกิดขึ้นในใจ ซึ่งพวกเขาไม่ได้สิ่งใดนอกไปจากคุกเขาลงเพื่อบูชามัน!

มันน่ากลัวเกินไป!

ท้ายที่สุดแล้ว สืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็เป็นจ้าวเอกภพแล้ว พวกเขาถือได้ว่าเป็นตัวตันระดับสูงสุดของทั่วทั้งแดนเทพโบราณ พวกเขาเป็นจ้าวเหนือเอกภพ

ทว่าตอนนี้ เพียงแต่จ้องมองไปที่แถวของอักขระเต๋าแปลก ๆ แถวนั้น พวกเขากลับไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกเคารพได้ ทั้งยังไม่มีพลังพอที่จะควบคิดจิตใจตนเอง มันจึงน่าตกใจอย่างยิ่ง

“พลังใด ๆ ที่ได้รับเพื่อมาโจมตีข้า จะต้องถูกทำลายล้าง ไม่ว่าใครก็ตามที่ฝ่าฝืนเจตจำนงข้า ในขณะที่พวกมันบ่มเพาะจะต้องถูกพิพากษา!”

“ข้าคือผู้สูงสุด ไม่มีที่สิ้นสุด และไร้ขอบเขต!

“ข้ามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!”

ทันใดนั้น เสื้อผ้าของเจียหนานปลิวสะบัด ในขณะที่แสงสว่างอันตกตะลึงก็ปะทุออกมาจากดวงตา และจ้องมองไปที่แถวของอักขระเต๋า ๆ พร้อมกับกล่าวออกมา

ทุกถ้อยคำที่เขากล่าวนั่นดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างที่สั่นคลอนหัวใจ และทำให้โลกตกอยู่ในความวุ่นวาย!

“เขาเข้าไปแล้ว….” เจียหนานเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เขาจะหายใจเข้าลึก ๆ เสียงแฝงร่องรอยของความสับสนที่หาได้ยาก

สืออวี๋ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอย่างขมขื่น “แต่ข้าจำได้ชัดเจนว่าเห็นแถวของอักขระเต๋าที่ลึกลับและแปลกประหลาดแน่ ๆ แล้วทำไมข้าถึงจำมันไม่ได้เลย?”

“ใช่แล้ว ข้าก็เห็นมันเหมือนกัน แต่… แต่… ข้าลืมความหมายของอักขระเต๋าเหล่านั้นแล้ว นี้….” ฉินซินฮุยรู้สึกกังวลและสับสนยิ่งขึ้น นางจึงกล่าวตะกุกตะกักด้วยเหตุนี้

“ประสกทั้งสองจำไม่ได้เหมือนกันหรือ?” เจียหนานถอนหายใจ จากนั้นก็จ้องมองไปที่ประตูแห่งวันโลกาวินาศ พลางพึมพำ “ความทรงจำของเราอาจถูกลบออกไป”

ใช่ แม้แต่เขาก็ลืมมัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยกล่าวคำเหล่านั้นเลย

อย่างไรก็ตาม เจียหนานตระหนักดีว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตา และเป็นเพราะพลังลึกลับได้ลบความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับมันออกไปจากใจของเขาทั้งหมด!

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?

ในขณะนี้ เขาตกอยู่ในสภาวะมึนงงและตกใจอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นปริศนาที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ และมันทำให้เขารู้สึกไร้พลังอย่างมาก

“บางทีมันอาจเป็นสิ่งต้องห้าม และไม่ใช่สิ่งที่เราจะสอดรู้ได้ สุดท้ายก็เป็นเพราะพวกเราด้อยฝีมือเกินไป…” เจียหนานฟื้นความสงบและกล่าวเสียงเบา “ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้ อย่างน้อยเราก็ยืนได้ว่าเฉินซีได้เข้าสู่ประตูแห่งวันโลกาวินาศแล้ว และสิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือ รอ!”

สืออวี๋และฉินซินฮุยเงียบลง ในขณะที่ความรู้สึกของทั้งสองนั่นสับสนถึงขีดสุด แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเขาได้แต่ทำตามที่เจียหนานกล่าว และรออย่างเงียบ ๆ

พวกเขาได้แต่รอให้เฉินซีกลับมาจากภายในประตูแห่งวันโลกาวินาศเท่านั้น….

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า แม้จะผ่านไปหนึ่งปีเต็มแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววของเฉินซีเลย

ในช่วงปีนี้ หุบเหวทัณฑ์หายนะเงียบกริบ และไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก แม้แต่ประตูแห่งวันโลกาวินาศที่สูงตระหง่าน ก็ยังตั้งอยู่ที่นั่น และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

ในปีที่สอง คงโหยวหราน เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และจ้าวชิงเหยาได้ฟื้นตัวและตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เฉินซีก็ยังไม่กลับมา….

ในปีที่สาม สืออวี๋และคนอื่น ๆ ไม่อาจสงบจิตใจได้อีกต่อไป เพราะปีนี้เป็นเป็นที่สิบ นับตั้งแต่พวกเขาเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน!

ตามข้อตกลงระหว่างห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ พวกเขาจะร่วมมือกันสร้างทางเดินไปที่นำไปสู่แดนรวนเรลืมเลือนจากโลกภายนอก เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับไปยังแดนเทพโบราณ

แต่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของเฉินซี….

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?

“หรือว่าเฉินซีจะประสบเหตุที่ไม่คาคคิดบางอย่างในประตูแห่งวันโลกาวินาศ?

ความกังวลเสี้ยวเล็ก ๆ ได้กลืนกินไปทั่วหัวใจของพวกเขา

โครม!

หลายเดือนต่อมา รอยแยกขนาดมหึมาก็ถูกฉีกเปิดออกในแดนรวนเรลืมเลือน หลังจากนั้น ทางเดินอันเจิดจ้าก็ถูกสร้างขึ้นผ่านรอยแยกทอดยาวลงมา….

ทางเดินนั้นราวกับมีสติปัญญา เพราะมันทอดมาถึงท้องฟ้าเหนือหุบเหวทัณฑ์หายนะพอดิบพอดี!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]