เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1966

บทที่ 1966 เรื่องเกินคาด

………………..

บทที่ 1966 เรื่องเกินคาด

เงาสีโลหิตปรากฏขึ้นที่ก้นหุบเหวทัณฑ์หายนะ

สองมือไพล่หลัง มองลงไปยังประตูแห่งวันโลกาวินาศที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกล ๆ จากนั้นก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

“พลังสังสารวัฏปรากฏขึ้นจริง ๆ…. ดูท่ายุคนี้คือโอกาสสุดท้ายในการเข้าสู่มหาวิถีของราชันคนนี้แล้วสินะ…

“เช่นนี้ก็คงกล่าวว่าทำใกล้สำเร็จไม่ได้ นี่ก็เป็นโอกาสใหม่เช่นกัน น่าเสียดายที่เจ้าเด็กอาลูเย่นั่น….

“ตอนนี้คงได้แต่รอให้เกิดความวิบัติแห่งวันโลกาวินาศขึ้นแล้ว!”

เงาสีโลหิตพึมพำแล้วถอนหายใจออกมา

พริบตาต่อมา ร่างนั้นก็หายวับไป

ในวันนี้ ความมหาวิปโยคได้เข้าโจมตีแดนรวนเรลืมเลือน ท้องฟ้าถล่มลงมา ดวงดาราระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล

กลิ่นอายน่าเกรงขามแห่งการทำลายล้างเริ่มกระจายไปทั่วแดนรวนเรลืมเลือนดั่งบ้าคลั่ง คล้ายกับว่ามันกลายเป็นแดนนรกไปแล้ว

ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่อีก!

ด้านนอกแดนรวนเรลืมเลือน

วิ้ง!

บนฟากฟ้าเกิดแรงพลังผันผวนขึ้น ก่อนจะเห็นเป็นประตูหนึ่งเปิดออกมา จากนั้นคงโหยวหราน สืออวี๋ ฉินซินฮุย เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย เจียหนาน และจ้าวชิงเหยาก็โผล่ออกมาจากประตูนั้น

“พวกเจ้ากลับมาแล้ว” มหาเทพเต๋าเสวี่ยหลิงตำหนักเต๋าหนี่หวากำลังรออยู่ที่นั่น นางต้อนรับการกลับมาของคงโหยวหราน สืออวี๋ และฉินซินฮุย

จังหวะนั้นเอง มหาเทพเต๋าไฉ่หยาก็ต้อนรับการกลับมาของอวี้จิ่วหุยและเย่เฉินเช่นกัน

มีเพียงนายท่านใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์อู๋เซวี่ยฉาน นักบวชศักดิ์สิทธิ์นิกายอำนาจเทวะซูถัว และมหาเทพเต๋าเซวียนหมิงสำนักศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ชะงักไป

เพราะศิษย์สำนักตนเองไม่ได้กลับมาด้วย!

“เกิดอะไรขึ้น?” มหาเทพเต๋าซูถัวมีสีหน้าเยือกเย็นทันที ปลดปล่อยกลิ่นอายดุดันออกมา เขาหันไปมองเจียหนานกับจ้าวชิงเหยา

เจียหนานมีสีหน้านิ่งสงบ ยังคงท่าทางสุขุมไว้

จ้าวชิงเหยาลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาในที่สุด “นอกจากเฉินซีแล้ว คงจะ… เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับคนอื่น ๆ ไปแล้ว”

ว่าไงนะ!?

มหาเทพเต๋าซูถัวและมหาเทพเต๋าเซวียนหมิงหรี่ตาลงพร้อมกัน ก่อนปล่อยกลิ่นอายดุดันออกมา

มีเพียงนายท่านใหญ่อู๋เซวี่ยฉานเท่านั้นที่ชะงักไป ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง

“เส้นทางแตกสลายไปแล้ว ถึงพวกเขารอดก็คงกลับมาไม่ได้….” ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากเจ้าสำนักเต๋าหลิวเซินจี เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ทำลายกลิ่นอายกดดันของซูถัวกับเซวียนหมิงไปจนสิ้น

“เป็นไปไม่ได้!” นัยน์ตาขุ่นมัวของซูถัวเต็มไปด้วยความตกตะลึง ดูบ้าคลั่งดั่งอสูรร้ายที่กำลังโกรธเกรี้ยว

เขายอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ได้!

ศิษย์ห้าคนจากนิกายอำนาจเทวะเข้าแดนรวนเรลืมเลือนไปในครั้งนี้ กระทั่งศิษย์ฝีมือดีอย่างเหลิ่งซิงหุนเองก็เป็นคนนำกลุ่มไปด้วย จะไม่รอดมาสักคนเลยได้อย่างไรกัน?

ไม่ใช่เพียงซูถัว กระทั่งสีหน้าของเซวียนหมิงก็ยังขรึมลงเมื่อรู้เช่นนี้ ภาพตงหวงอิ่นเซวียน จูเชี่ยนอวี้ กงซุนมู่ และคนอื่น ๆ ปรากฏขึ้นในจิตใจ ตอนนี้เขาทั้งตกใจ ทั้งโกรธ และไม่อยากเชื่อ

อู๋เซวี่ยฉานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ถามจ้าวชิงเหยาว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

จ้าวชิงเหยาคิดเล็กน้อย จากนั้นส่ายหน้ากล่าวว่า “เรื่องคนอื่นข้าไม่รู้ พี่รู้ก็คือตัวตนที่แท้จริงของหวังจงคือพวกจ้าววิญญาณโบราณจากยุคก่อน….”

จากนั้นนางก็อธิบายทุกเรื่องเกี่ยวกับหวังจงให้ทุกคนฟัง ทั้งยังเล่าอันตรายที่พบเจอในหุบเหวทัณฑ์หายนะให้ฟังอีกด้วย

แน่นอนว่า จ้าวชิงเหยาไม่ได้เล่าเรื่องพลังสังสารวัฏของเฉินซี

ยุคก่อน! จ้าววิญญาณโบราณ!

แผนการที่วางไว้นานแล้ว! อู๋เซวี่ยฉานมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาเมื่อได้ยินดังนี้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความคิดลุ่มลึกบางอย่าง

กระทั่งซูถัวกับเซวียนหมิงที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ยังต้องมุ่นคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนผันไปเล็กน้อย เงียบไปเช่นกัน

ก็เขาก็ไม่คิดว่าในแดนรวนเรลืมเลือนจะมีอันตรายอยู่มากมายขนาดนั้นได้ ถึงกับมีเรื่องจ้าววิญญาณโบราณแห่งยุคก่อนเข้ามาเกี่ยว!

เรื่องนี้ผิดปกติ

เพราะอย่างไรเหตุผลที่พวกเขาร่วมมือกันส่งศิษย์ทั้งหลายเข้าแดนรวนเรลืมเลือนไปก็ไม่ใช่อะไร เพียงแค่อยากให้ศิษย์ได้สร้างเอกภพขึ้นใหม่ ทำความเข้าใจพลังเอกภพ และขึ้นเป็นจ้าวเอกภพเท่านั้นเอง

ส่วนอีกเหตุผลก็คือการตามหาพื้นที่ลึกลับภายในแดนรวนเรลืมเลือน ดูว่าความลับมหาวิถีแห่งเต๋ามีอยู่จริงหรือไม่

แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าสถานการณ์จะเกินคาดเหนือจินตนาการเช่นนี้ได้!

“เดี๋ยวก่อน! มีบางอย่างผิดปกติ!” ทันใดนั้นซูถัวก็จ้องจ้าวชิงเหยาด้วยสายตาเย็นชา “จากที่เจ้าว่ามา ว่าอาลูเย่มีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าจ้าวเอกภพเก้าดารา แล้วทำไมสุดท้ายถึงแพ้เด็กเฉินซีนั่นได้?”

จ้าวชิงเหยาค้างไป

“เจ้าโกหก!” ซูถัวไม่ให้จ้าวชิงเหยาได้มีจังหวะตอบกลับ ตะโกนดังลั่นด้วยน้ำเสียงเคล้าจิตสังหาร ทำให้ร่างจ้าวชิงเหยาสั่นสะท้าน ใบหน้างามซีดเผือด

เขาเป็นมหาเทพเต๋า มีหรือจ้าวชิงเหยาที่เพิ่งขึ้นเป็นจ้าวเอกภพจะทนอำนาจเขาไหว?

“นานมาแล้ว ข้าเคยคาดเดากับสหายมาก่อน เราลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เกินคาดขึ้นในแดนเทพโบราณแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดขึ้นในแดนรวนเรลืมเลือน….” หลิวเซินจีมีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ “โชค ชะตา ชะตากรรม ชะตาแห่งเต๋า… ทุกอย่างเกิดความเกินคาดขึ้นได้เสมอ จากวันนี้ต่อไป แดนเทพโบราณคงเกิดเรื่องร้ายขึ้นแน่ ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่”

พูดจบ มหาเทพเต๋าทั้งหลายก็เผยแววตกตะลึง

“เช่นนั้นข้าขอถามผู้อาวุโสสักหน่อย หากมันเกิดขึ้นในแดนเทพโบราณ จะเกิดตรงจุดไหนก่อน?” เสวี่ยหลิงอดถามขึ้นมาไม่ได้

หลิวเซินจีเงียบไปหลายอึดใจ ก่อนตอบเสียงเบา “ภูเขาผนึกเทพ ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์!”

คำไม่กี่คำแต่กลับมีอำนาจทำให้ทุกคนเงียบลงได้หลายชั่วขณะ

ผ่านไปหลายอึดใจ หลิวเซินจีจึงส่ายหน้ากล่าว “เราหาญท้าชะตาไม่ได้ อย่างไรก็ไม่อาจหยั่งถึงเรื่องเกินความคาดฝัน…. อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

เขาหยุดไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า “ไปเถอะ อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว”

รอบกายเงียบไปอีกครั้ง ไม่ว่าทุกคนจะทั้งสับสนทั้งมึนงงและไม่ยินยอมอย่างไร แต่สุดท้ายก็ต้องจากไปเท่านั้น

ต้องไปจากที่นี่

ใช่ ถึงเวลาที่พวกเขาต้องจากไปแล้ว

ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับประตูแห่งวันโลกาวินาศ แดนเทพโบราณ ราชันศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเกินคาดฝัน…. ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องน่าตกตะลึงเกินไป พวกเขาต้องกลับสำนักกลับนิกายเพื่อไปเตรียมการและเตรียมพร้อมไว้ก่อน

ส่วนเฉินซีนั้น….

อู๋เซวี่ยฉานได้แต่หวังว่าศิษย์น้องเล็กจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย

เพราะเมื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น กระทั่งมหาเทพเต๋าอย่างอู๋เซวี่ยฉานยังทำได้แต่รอ ไม่อาจลงมือทำอะไรได้อีก….

แต่เขาก็ไม่สามารถรั้งรออยู่ที่นี่ได้เช่นกัน

เพราะซูถัวกับเซวียนหมิงจ้องมาด้วยสายตากินเลือดกินเนื้ออยู่เช่นนี้ ถึงขั้นที่เขาคิดว่าเจ้านิกายอำนาจเทวะอาจตามมาล้างแค้นได้หากเขายังรั้งอยู่ที่นี่ต่อ!

เพราะอย่างไรเขาก็กำจัดมหาเทพเต๋ามั่วหลินมาจากนิกายอำนาจเทวะ ทำให้ทั้งนิกายอำนาจเทวะโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง

สุดท้ายแล้ว อู๋เซวี่ยฉานก็ยังคงสีหน้าเคร่งขรึมไว้ พาเอาใจอันหนักหน่วงของตนเดินทางจากไป

ไม่เพียงอู๋เซวี่ยฉานเท่านั้น คนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกัน ถึงในใจอาจมีความคิดแตกต่างหลากหลาย แต่ความรู้สึกกดดันในใจที่ปัดเป่าอย่างไรก็ไม่หายยังคงอยู่

อย่างซูถัวกับเซวียนหมิงนั้นก็ทั้งขุ่นทั้งข้องและหมองใจ ทั้งยังโกรธและสงสัยเกี่ยวกับการตายของเหล่าศิษย์ตนไม่หาย

ถึงจะผ่านเรื่องหนึ่งไปได้ แต่ก็ยังคลายใจไม่ได้เมื่อคิดว่าเด็กเฉินซีนั่นเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้

หลังจากเวลาผ่านไปสิบสามปี การเดินทางสู่แดนรวนเรลืมเลือนก็จบลงในที่สุด ศิษย์ที่เข้าร่วมสามสิบคนกลับมาได้เพียงเจ็ดคนเท่านั้น!

ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ตายก็หายสาบสูญสิ้น….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]