เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1970

บทที่ 1970 ผนึกจ้าววิญญาณ

………………..

บทที่ 1970 ผนึกจ้าววิญญาณ

น่าเวทนาเหรอ?

เฉินซีไม่สนใจ เขากำลังคิดถึงคำพูดของจ้าววิญญาณ “ข้าจะได้รับความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋า โดยผ่านการขัดเกลาและดูดซับตราประทับของผู้ช่วงชิงคนอื่น ๆ หรือ?”

นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ?

“ไม่มีเต๋าสวรรค์หรือกฎใด ๆ ในแดนวิปโยค มีเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าเท่านั้น…”

ทันใดนั้นจ้าววิญญาณก็พึมพำด้วยสีหน้ามึนงง “ในอนาคต เจ้าจะพบว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นั่นน่าเบื่อ โดดเดี่ยว และน่าสังเวชเพียงใด แต่เจ้าทำได้แค่อดทนเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น…”

เฉินซีขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดจังหวะจ้าววิญญาณ

“น่าเสียดาย แม้ข้าจะมีความสามารถมากมาย แต่ข้าก็ทำได้เพียงถูกเนรเทศอยู่ที่นี่เหมือนนักโทษที่ไม่สามารถหลบหนีออกจากกรงได้ ทั้งยังเป็นเรื่องยากที่จะหาคนพูดคุยด้วยซ้ำ”

เสียงของจ้าววิญญาณนั้นต่ำ เยือกเย็น และเต็มไปด้วยโศกเศร้าอย่างอธิบายไม่ได้ “หากข้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น… ข้าคงยอมพินาศไปพร้อมกับยุคนั้น มากกว่ามาที่นี่”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ จ้าววิญญาณก็ไปมองที่เฉินซี และทันใดนั้น เขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “บางทีเจ้าอาจไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ แต่เจ้าจะเข้าในมันในภายภาคหน้า ซึ่งข้าก็มั่นใจว่าจะต้องทุกข์ทรมานอย่างเราไปตลอดกาลแน่”

เราหรือ?

“ยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่อีกเหรอ?”

จ้าววิญญาณพยักหน้า “แน่นอน นี่เจ้าไม่รู้หรือว่า นับตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงบัดนี้ มีทั้งหมดแปดยุคที่ล่มสลายไปในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนาน?”

การล่มสลายของยุคทั้งแปดนั้น หมายความว่ามีผู้ช่วงชิงแปดคนที่เข้ามาภายในประตูแห่งวันโลกาวินาศ!

แน่นอนว่าเฉินซีทราบเรื่องนี้ดี

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจ้าคือผู้ช่วงชิงคนที่เก้าที่มายังที่แห่งนี้” เสียงของจ้าววิญญาณเต็มไปด้วยความสงสารเล็กน้อย ในขณะที่เขากล่าวคำเหล่านี้

เฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะถามโดยตรง “แล้วคนอื่น ๆ อยู่ที่ไหนกัน?”

“ผู้ช่วงทุกคนล้วนมีอาณาเขตของตนเอง และในสถานการณ์ปกติพวกเขาจะไม่ออกจากอาณาเขตของตนแน่นอน” เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ จ้าววิญญาณก็ชี้ไปที่บ่อโคลน “ดูสิ นั่นคืออาณาเขตของเจ้า และอาณาเขตของข้าก็อยู่นอกบ่อนั้น”

เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “อาณาเขตถูกแบ่งอย่างไร”

จ้าววิญญาณเงียบไปทันที

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินซีดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “ดูเหมือนว่าต้องใช้ความแข็งแกร่งเพื่อครอบครองอาณาเขตที่ใหญ่ขึ้น”

แท้จริงแล้ว แดนวิปโยคนั้นลึกลับเกินไป แม้แต่จ้าววิญญาณก็ไม่รู้ต้นกำเนิดของมัน และเรียกมันว่าแดนวิปโยคเท่านั้น

ในเวลาเดียวกัน สถานที่แห่งนี้ไม่มีเต๋าสวรรค์หรือกฎใด ๆ มันเหมือนกับสถานที่รกร้าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่มันไม่มีกฎใด ๆ

เนื่องจากไม่มีกฎ ดังนั้นความแข็งแกร่งจึงเข้ามาแทนที่กฎ!

“เจ้าคิดจะยึดดินแดนข้าเหรอ?” จ้าววิญญาณเงยหน้าถาม ดูกังวลเล็กน้อย

“ไม่ ข้าไม่คิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไป” เฉินซีส่ายหัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถ้อยคำเหล่านี้เข้าหูของจ้าววิญญาณ มันกลับทำให้เขาหัวเราะเยาะ “ไม่มีทาง พวกเราทั้งแปดต้องทนอยู่ที่นี่มานานเกินนับ และค้นหาทุกซุกทุกมุมของสถานที่ผีสางนี้ ทว่ากลับไร้หนทางหลบหนี แล้วคิดว่าตัวเจ้าจะมีโอกาสออกไปได้หรือ?”

คำพูดของเขาแฝงด้วยการเยาะเย้ย

“แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร หากยังไม่ได้ลอง?” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

“แล้วเจ้าคิดทำสิ่งใด?” การเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขายิ่งชัดเจนขึ้น ราวกำลังรอหัวเราะใส่หน้าเฉินซีเต็มแก่

“ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก” เฉินซีจ้องมองจ้าววิญญาณด้วยสีหน้าสงบ และดูเหมือนว่าเขาจะปราศจากอารมณ์ใด ๆ

“ข้าบอกอะไร?” จ้าววิญญาณตกตะลึง จากนั้นดูเหมือนเขาจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

โครม!

ก่อนที่เขาจะทันตอบสนอง ร่างกายก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงสีม่วงทองอันน่าสะพรึงกลัว

“ไม่!!! ทำไม!!! ทำไม!!!” จ้าววิญญาณส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช ซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ในท้ายที่สุด ร่างของเขาก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นมันก็กลายเป็นตัวอักษรที่ลึกลับอย่างยิ่ง มันคือคำว่า ‘巫’ ที่หมายถึงจ้าววิญญาณ แต่ลายเส้นของมันนั่นหนาแน่นมาก ราวกับมีความลึกซึ้งที่ไร้ขอบเขต และมีกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์

ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ เฉินซียังคงนิ่งเงียบอยู่เสมอ และสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย

จนกระทั่งถึงตอนที่เขาเห็นตัวอักษร ‘巫’ อันลึกลับนี้ ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็เปิดปากและกลืนมันลงไป

โครม!

ทันใดนั้น มันรู้สึกเหมือนกับความลับของมรดกอันยิ่งใหญ่ได้ปะทุอยู่ภายในตัว และพุ่งเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึก จากนั้นก็กลายเป็นความเข้าใจมากมายที่แล่นเข้าสู่หัวใจ

มันเหมือนกับว่าเขาได้เห็นยุคที่ยิ่งใหญ่ และมันคือยุคแห่งจ้าววิญญาณ!

ในช่วงเวลานั้น สิ่งมีชีวิตมากมายในยุคนั้น ได้รับการฝึกฝนใน ‘เต๋าแห่งจ้าววิญญาณ’ และพวกเขาก็แสวงหาวิธีที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์

พวกเขาถูกเรียกว่า จ้าววิญญาณนักรบ จ้าววิญญาณมนตรา ปรมาจารย์จ้าววิญญาณ มหาปรมาจารย์จ้าววิญญาณ ปราชญ์จ้าววิญญาณ จ้าววิญญาณศักดิ์สิทธิ์ จ้าววิญญาณพิสุทธิ์ ราชันจ้าววิญญาณ….

มันเป็นอารยธรรมที่เป็นของ ‘จ้าววิญญาณ’ โดยสมบูรณ์ พวกเขาขัดเกลาร่างกายและพลังชีวิต โดยที่เข้าสู่เส้นทางแห่งความเป็นอมตะผ่านทางร่างกาย!

กลิ่นอายของยุคจ้าววิญญาณถูกประทับด้วยตัวอักษร ‘巫’ อันลึกลับ

ดังนั้นหากการอนุมานของเฉินซีไม่ผิดพลาด นั่นคือสาเหตุที่แผนภาพวารีหลากได้รับการสืบทอดมาถึงเก้ายุคสมัยแล้ว!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลับกลายเป็นว่าเขาได้นำแผนภาพวารีหลากติดตัวเข้าสู่ประตูแห่งวันโลกาวินาศด้วย จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่ง

หรือเป็นเพราะแผนภาพวารีหลากของข้าไม่สมบูรณ์?

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในใจของเฉินซีโดยไม่ได้ตั้งใจ

แผนภาพวารีหลากที่เขาครอบครองอยู่ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์ เขายังขาดมันอีกชิ้นเพื่อจะทำให้มันสมบูรณ์

แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วแผนภาพวารีหลากที่ไม่สมบูรณ์จะเปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศได้อย่างไร?

หรืออาจเป็นเพราะสังสารวัฏ? ดวงตาของเฉินซีทอประกายเจิดจ้า

จนถึงบัดนี้ เขายังไม่สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เขาแน่ใจว่าเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเขา จะต้องเกี่ยวข้องกับพลังแห่งสังสารวัฏที่เขาครอบครองอย่างแน่นอน

ลองคิดดู ผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลาก ซึ่งมีแผนภาพวารีหลากที่ไม่สมบูรณ์และพลังแห่งสังสารวัฏ เพียงแค่นี้ก็ดูน่าตกใจและผิดปกติอย่างยิ่ง

บางทีอาจเป็นเพราะความผิดปกตินี้เอง ที่ทำให้เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเฉินซี

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ลุกยืนขึ้น แล้วกำหนดทิศทาง จากนั้นก็พุ่งไปยังโลกสีเทาขุ่นมัวที่อยู่ไกลออกไป

จ้าววิญญาณผู้นั้นกล่าวว่า ตราบใดที่เขาขัดเกลาและดูดซับผนึกจ้าววิญญาณของผู้อื่น ก็มีโอกาสที่เขาจะเข้าใจความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋า

บัดนี้แม้ว่าเฉินซีจะสังหารจ้าววิญญาณผู้นั้น และได้รับผนึกจ้าววิญญาณแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้

อย่างไรก็ต้องลองดูก่อน

เขาไม่เพียงแค่ทำเพื่อความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋าเท่านั้น เขายังทำเพื่อออกจากสถานที่แห่งนี้ด้วย!

เจ็ดวันต่อมา..

เมืองที่ยิ่งใหญ่ สูงส่ง และดูไร้ขอบเขต ได้ปรากฏขึ้นในโลกสีเทาขุ่นมัวที่อยู่ไกลออกไป มันเหมือนกับคุนเผิงถูกฝังอยู่ที่นั่น ซึ่งแผ่กลิ่นอายมหาศาลออกมา

เมืองหรือ? เฉินซีหรี่ตาลง และเขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ

หลังจากที่ได้รับผนึกจ้าววิญญาณแล้ว เฉินซีก็ได้รับความทรงจำของจ้าววิญญาณเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงจำเมืองอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้ในพริบตาแรก

มันเป็นเมืองของจักรพรรดิแห่งการต่อสู้!

นี่คือโลกที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ช่วงชิงคนที่เจ็ด!

การเข้าไปในเมืองก็ไม่ต่างอะไรจากการเข้าไปในอาณาเขตที่ถูกควบคุมโดยผู้ช่วงชิงคนที่เจ็ด และเขาอาจจะต้องทุกข์ทรมานจากการโจมตีอย่างไร้ความปรานีจากผู้ช่วงชิงคนที่เจ็ด ซึ่งแม้แต่เขาก็อาจเอาชีวิตไม่รอด!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]