บทที่ 1974 จู่โจมเฉียบพลัน
………………..
บทที่ 1974 จู่โจมเฉียบพลัน
เต๋านั้นหมายถึงยุคแรกสุด อารยธรรมแห่งเต๋า
เต๋าที่กล่าวถึงที่นี่มิใช่เต๋าแห่งโลกหล้า มันเป็นระบบการบ่มเพาะ หนึ่งยุคสมัยอันผนวกเต๋ากับสรรพสิ่ง
ขณะเดียวกัน เพียงคำว่า ‘เต๋า’ ลำพังก็แสดงชัดว่าผู้บ่มเพาะในยุคสมัยนั้นแข็งแกร่งเพียงไร เพราะพวกเขากล้าเรียกตนเองว่า ‘ผู้ครองเต๋า’ เป็นการกระทำเกินจินตนาการนัก
ในฐานะผู้ช่วงชิงในยุคสมัยนั้น จึงคาดคิดได้ว่าความแข็งแกร่งของ ‘เต๋า’ สูงส่งเพียงใด
ดังนั้นแม้เขาจะมีเจตนากำจัดและช่วงชิงตราประทับยุคสมัยจากเต๋า เฉินซีก็มิกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย
เฉินซีกระทั่งไม่กล้าแน่ใจชัดเจนว่าตนจะชนะ หากอิงเพียงความแข็งแกร่งของสังสารวัฏและชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก
เขาไม่กลัวศึก และมิได้ระวังตัวเกินเหตุ นั่นเป็นเพราะเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อศัตรู เขาจึงสามารถประยุกต์ใช้ยุทธการอันถูกต้องได้
เท่าที่เฉินซีทราบ บางทีคงมีเพียงยุทธการอันผิดปกติเท่านั้น จึงก่อให้เกิดผลเกินคาดคิดยามเผชิญศัตรูไม่ธรรมดาเช่นนี้
…
วูบ! วูบ!
เฉินซีเคลื่อนย้ายมิติอย่างไม่จบสิ้น วูบไหวผ่านโลกหล้าอันหมองหม่น
เขาไม่เห็นทิวทัศน์ใดมาตลอดสามเดือน ทั่วทิศหมองหม่นท่ามกลางม่านหมอก ไร้สำเนียงใด ๆ รอบกาย ชวนให้รู้สึกอ้างว้างเล็กน้อยอย่างเกินห้าม
ราวเขาทะยานท่ามกลางโลกหล้าหมองมัวอย่างไม่รู้จุดเริ่มจุดจบ
ในที่สุดเฉินซีก็ตระหนักซึ้ง ว่าเหตุใดทั้งจ้าววิญญาณและยุทธ์จึงอ้างว้างเดียวดายกันนัก ทุกสิ่งในแดนวิปโยคเวิ้งว้างเงียบสงัดเพียงนี้ ยิ่งกาลเวลาผันผ่านก็ยิ่งมิอาจเลี่ยงที่จะหลงวนเวียนท่ามกลางบรรยากาศรอบทิศ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงไร
พวกเขาเป็นเช่นสัตว์ร้ายในกรง แม้จะไม่มีตรวนใดพันธนาการให้เห็นได้ แต่โลกหล้านี้ก็คือพันธนาการอันเกินสะบั้นในตัวมันเอง
ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าแดนวิปโยคถูกสร้างขึ้นอย่างไร และเหตุใดจึงคงอยู่จนบัดนี้
แค่การที่มันอยู่ยืนยงท่ามกลางการพังทลายและก่อเกิดของเก้ายุคสมัยจนบัดนี้ได้ ก็เกินคาดคิดยิ่งแล้ว
เฉินซีไม่อาจคาดคิด และไม่อาจคิดมากไปกว่านี้ได้ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสืบความลับของแดนวิปโยค เขาต้องการเพียงออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด แล้วไม่กลับเข้ามาอีก!
ผ่านไปอีกสองสามเดือน
ในที่สุด เค้าโครงสิ่งปลูกสร้างหลังหนึ่งก็ปรากฏเลือนรางอยู่ไกล ๆ ทำให้เฉินซีซึ่งระแวดระวังตัวอยู่แต่แรกยิ่งทวีความระวัง
อารามเต๋า! ยามเขาเข้าไปใกล้ ท้ายที่สุดเฉินซีก็เห็นชัดเจนว่ามันคืออารามเต๋าโบราณอันด่างดำด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา
มันยืนตระหง่านในโลกหล้าเทาทึบราวอยู่มาแต่ยามเริ่มบังเกิดโลกหล้า แผ่บรรยากาศเก่าแก่ เรียบง่าย และงดงามโดยธรรมชาติ
นี่คือที่พำนักของเต๋า!
นับแต่เขากำจัดสี่ผู้ช่วงชิงและไม่อาจแปรสภาพดูดซับตราประทับยุคสมัยของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ เต๋าก็ไม่เคยออกจากอารามเต๋า สิ่งนี้ทำให้เขาดูลึกลับเกินคาดหยั่งอย่างยิ่ง
เฮือก!
เฉินซีสูดหายใจลึก พลังสังสารวัฏเริ่มหมุนเวียนอย่างเงียบงัน ขณะที่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากละล่องในห้วงจิตสำนึก แม้แผนภาพวารีหลากจะไร้ปฏิกิริยา เฉินซีก็ยังตระหนักดีว่า ขอเพียงเขาเข้าสู่การต่อสู้ สัมผัสปราณของผู้ช่วงชิง แผนภาพวารีหลากก็จะทำงานเอง
“สหายน้อย ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว” นี่เป็นวาทะแรกที่เฉินซีได้ยินจากเต๋ายามเขามาถึงที่นี่ เขายังไม่ทันเข้าใกล้อารามเต๋าด้วยซ้ำ
เสียงของเต๋าอบอุ่นเช่นหยก ไพเราะเช่นลำนำขลุ่ย กังวานเช่นระฆัง ประหนึ่งสายลมวสันต์พัดผ่าน ให้ความรู้สึกราวสหายเก่าอันห่างหายหวนพบหน้า ประโลมใจให้ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ทว่าทันใดนั้น เฉินซีพลันหรี่ตา หัวใจเต้นระรัวอย่างพรั่นพรึงเกินนิยาม นี่คือความรู้สึกของอันตรายสุดขั้ว!
ดุจกระบี่มายาจ่ออยู่ที่ลำคอ เส้นขนทั่วกายลุกชันอย่างเกินระงับ
เปรี้ยง!
เฉินซีไม่แม้แต่จะทันตั้งตัว ทัศนียภาพพลันดับวูบ ร่างเหมือนถูกหัตถ์ไร้ลักษณ์มหึมาตะครุบกำ ระเบิดออกเป็นเสี่ยง!
พริบตานั้น โลหิตพร่างพรม ย้อมโลกหล้าทั่วทิศแดงฉาน
นับแต่เฉินซีหมดสติในสระน้ำโคลนจนหลายปีมานี้ ชายหนุ่มเผชิญอันตรายมามากกว่าหน มีกระทั่งยามที่ร่างระเบิดแหลกเหลือเพียงศีรษะ
แต่สุดท้าย เขาก็ฟื้นกลับมาได้อย่างสมบูรณ์
ทว่าขณะนี้ เขาเพิ่งมาถึงในบริเวณใกล้อารามเต๋า เพิ่งได้ยินเสียงของเต๋า เฉินซีก็ร่างระเบิดเป็นพิรุณโลหิตโดยไม้แม้แต่จะมีเวลาไหวตัว เหตุเกินคาดฝันนี้กะทันหันเสียจนกระทั่งเฉินซียังไม่เคยคาดคิด
มันกะทันหันเกินไป!
เฉินซีเผชิญหายนะโดยไม่มีโอกาสไหวตัวใด ๆ!
“สหายน้อย ข้าสงสารเจ้านัก แต่ข้าไม่เคยคิดให้โอกาสเจ้านับแต่ยามสังเกตเห็นการมาของเจ้าแล้ว”
“ข้าใช้เวลาหลายชั่วยุคสมัย ยังหลอมรวมได้เพียงตราประทับยุคสมัยแห่งพุทธและขงจื่อ เกือบธาตุไฟเข้าแทรกตกตายระหว่างหลอมรวมกับตราประทับยุคสมัยแห่งมาร แม้ยามนี้เจ้าจะยังมีชีวิต ฝีมือน้อยนิดของเจ้าจะทำได้ไฉน?”
“นี่แหละจำนงสวรรค์!”
“พวกเจ้าผู้ช่วงชิงทั้งแปด คือวาสนาที่ฟ้าประทานแก่ข้า ขอเพียงข้าแปรสภาพดูดซับทุกสิ่งที่พวกเจ้าแต่ละคนครอบครอง ข้าก็จะได้เป็นตัวตนอนันตกาล เหยียบย่ำเหนือเต๋าสวรรค์สมควรตายนั่น!” ว่าแล้ว เต๋าก็เผยสีหน้าสุดแสนเย่อหยิ่งเหิมเกริม
เขาอ้างว้างเกินไปตราบกาลแสนนานจริงแท้ อัดอั้นเหี่ยวเฉา เหงาหงอยมาเต็มอก จนสุดท้ายก็ทำสำเร็จจนได้ เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?
จริงอยู่ที่การบ่มเพาะและความสามารถของเขาไม่ธรรมดา แต่ในแดนวิปโยคนี้ เขาก็ไร้สิ้นหนทางนอกจากอดทนความอ้างว้างฝ่ายเดียวเช่นกัน
เขาจึงสุดแสนตื่นเต้น ลิงโลด และเหิมเกริมในยามนี้นัก!
วิ้ง!
คลื่นพลังประหลาดสายหนึ่งส่งวจี ทำให้เต๋าสงบลงเล็กน้อย เขาเพิ่งสังเกตยามนี้เองว่าตราประทับยุคสมัยของเฉินซีเริ่มก่อตัวขึ้น
แต่ยามเห็นมันชัดเจน เต๋าก็ยังอดผงะไปมิได้ เพราะปราณในตราประทับยุคสมัยนี้ผิดปกตินัก!
มันมีปราณของอารยธรรมแห่งเต๋าและพุทธ กระทั่งหากสัมผัสดี ๆ ก็สามารถตรวจพบปราณอารยธรรมแห่งมาร ขงจื่อ ภูต ยุทธ์ จ้าววิญญาณและมายาได้!
เป็นไปได้อย่างไร? ม่านตาของเต๋าหดตัววูบ รู้สึกไม่อยากเชื่อ
ตราประทับยุคสมัยแต่ละชิ้นสื่อถึงมรดกของหนึ่งยุคสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีทางเหมือนกับยุคสมัยในอดีตได้ แล้วเหตุใดตราประทับยุคสมัยนี้จึงมีปราณของอารยธรรมต่าง ๆ มากมายเพียงนี้?
วิ้ง!
ในที่สุด ตราประทับยุคสมัยของเฉินซีก็ก่อตัว มันพลันปล่อยคลื่นพลังอันลึกลับและคลุมเครือสุดขีดไปทั่วทิศ!
ครืน!
เสียงเลื่อนลั่นกึกก้องในฟ้าดินดุจเต๋าเคลื่อนสะท้าน
ขณะนี้ พิรุณโลหิตจากร่างอันแหลกสลายของเฉินซีพลันเคลื่อนย้อนกลับ เหมือนพวกมันมีความฉลาดเป็นของตน เคลื่อนกลับเส้นทางเดิมยามระเบิดพรม หลอมรวมกลับเป็นหนึ่งอีกครั้ง
ภาพอันเกินเข้าใจนี้ทำให้หัวใจของเต๋าสะท้านรุนแรง เขาตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ไม่โสภา จึงไม่หยุดคิดและลงมือหยุดเรื่องทั้งหมดนี้โดยสัญชาตญาณ
ทว่าหนึ่งเหตุการณ์อันทำให้เขาตกตะลึงสุดขั้วก็บังเกิด
ขณะนี้ เขาไม่อาจควบคุมตนเองได้เลย ถึงขนาดที่แค่ปลดปล่อยกำลังแม้เพียงเสี้ยวยังทำไม่ได้!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...