บทที่ 1976 อนุมานอารยธรรม
………………..
บทที่ 1976 อนุมานอารยธรรม
ร่างของเต๋ากระตุกและสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน เขาเป็นเหมือนลูกหนังที่ถูกเจาะจนเป็นรูโหว่ และพลังงานภายในร่างกายก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง
บัดนี้ดูเหมือนเขาจะหวาดกลัวและกระวนกระวายใจอย่างมาก จนกรีดร้องสุดเสียง “สังสารวัฏ! นี่คือสังสารวัฏใช่หรือไม่?”
เฉินซีพยักหน้า “ใช่แล้ว”
หลังจากที่เขาค้นหาผ่านความทรงจำของจ้าววิญญาณและยุทธ์ เฉินซีก็ตระหนักดีว่าพลังของสังสารวัฏนั่นไม่มีอยู่ในแปดยุคที่ผ่านมาเลย
ดังนั้นท่าทางที่หวาดกลัวและกระวนกระวายใจของเต๋าจึงเป็นความพรั่นพรึงจากก้นบึ้งของหัวใจ
เต๋าคำรามด้วยเสียงสั่นเทา “แต่… เจ้าทำมันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อเจ้าเอาสมบัติเหล่านั้นของข้าไป”
เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น “แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้แตะพู่กันพิพากษามารกับระเบียนแดนมรณะ แต่เจ้าก็ถูกครอบงำด้วยความโลภและแย่งชิงสมบัติทั้งหมดของข้าไป ซึ่งข้าได้ผนึกพลังของสังสารวัฏไว้ในสมบัติเหล่านั้นก่อนที่ข้าจะมาที่นี่”
ในทันที เต๋าก็เข้าใจทั้งหมด นับตั้งแต่พริบตาที่สังหารเฉินซี แผนการที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก็สัมฤทธิผล!
อย่างไรก็ตาม จนถึงบัดนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพลังงานของสังสารวัฏถึงน่ากลัวขนาดนี้! หรือเหตุใดพลังนี้ถึงยอมให้ผู้ที่อ่อนแอซึ่งไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว กลับสามารถพลิกสถานการณ์ได้!
สังสารวัฏ!
มันคืออะไรกันแน่?
เต๋าไม่ทราบคำตอบสำหรับคำถามนั้น และคงไม่มีวันได้รู้คำตอบ เขาสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายถูกกัดกร่อนและอ่อนแอลง ซึ่งอีกไม่นาน พลังของเขาจะเหือดแห้ง และเขาจะต้องตาย!
“ก่อนที่ข้าจะตาย เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่า เหตุใดสังสารวัฏถึงทรงพลังถึงเพียงนี้?”
ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง แต่ใบหน้ากลับบิดเบี้ยวจากความกลัว เผยให้เห็นการอ้อนวอนที่หาได้ยาก
ดูเหมือนเขาจะตระหนักดีว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงภัยนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่หวังว่าเฉินซีจะเมตตา เขาแค่ไม่เต็มใจที่จะตายเช่นนี้
เพียงแค่แผนภาพวารีหลากและพลังสังสารวัฏก็บดขยี้บุคคลที่ไร้ผู้เปรียบเช่นเขาได้อย่างสมบูรณ์ แล้วเขาจะไม่เสียใจได้อย่างไร?
แม้จะต้องตาย เขาก็คงตายตาไม่หลับไปชั่วนิรันดร์!
เฉินซียังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาจ้องมองเต๋าที่อ่อนแอและแก่ชราลงอย่างไม่หยุดยั้งต่อหน้าเขา จากนั้นจึงส่ายศีรษะและกล่าวว่า “แม้แต่ข้าก็ไม่อาจอธิบายได้”
เขาเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใดพลังสังสารวัฏถึงทรงพลัง มันไม่ใช่การก้าวข้ามขอบเขตเพื่อฆ่าคู่ต่อสู้เท่านั้น จึงสามารถอธิบายได้เพียงคำสั้น ๆ ว่ามันทรงพลังมาก!
อย่างไรก็ตาม เฉินซีมั่นใจว่าหากอยู่ในโลกภายนอก พลังสังสารวัฏจะไม่มีความสามารถในการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้อย่างแน่นอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังสังสารวัฏจะสามารถสำแดงพลังที่แท้จริงได้ ก็ต่อเมื่ออยู่ภายในประตูแห่งวันโลกาวินาศ หรือในแดนวิปโยคที่ลึกลับและเงียบงันแห่งนี้เท่านั้น!
แม้แต่เฉินซีก็ไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม ตามการอนุมานของเขา อาจมีเหตุผลอยู่สองประการ ประการแรกเป็นเพราะแดนวิปโยคนั่นไม่ปกติ และมันทำให้พลังสังสารวัฏมีอานุภาพสังหารที่ทรงพลังอย่างแท้จริง
ประการที่สอง คือพลังสังสารวัฏจะสำแดงพลังที่แท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อมันถูกใช้กับผู้ช่วงชิงเท่านั้น
ถึงขั้นที่เหตุผลทั้งสองมีความเป็นไปได้ ที่ทำให้พลังสังสารวัฏทรงพลังมาก
ไม่ใช่แค่สังสารวัฏเท่านั้น ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็เหมือนกัน พวกมันทำให้เฉินซีกลายเป็นเจ้าเหนือหัวที่สามารถตัดสินชะตากรรมของผู้อื่น และครองความเป็นใหญ่เหนือแดนวิปโยคได้
แน่นอนว่าเฉินซีจะไม่อธิบายการอนุมานทั้งหมดนี้อย่างแน่นอน
“แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้…. ฮ่า ฮ่า!! ฮ่า ฮ่า!! จริง ๆ แล้วเจ้าก็ไม่รู้เหมือนกัน….” ในขณะนี้ เต๋าคำรามด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และดูเหมือนว่าเขาจะเสียสติไปแล้ว ความบ้าคลั่งได้ปกคลุมใบหน้าบิดเบี้ยว ซึ่งเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ไอ้สารเลวน้อยที่ไม่รู้อะไรเลย กลับสามารถนำแผนภาพวารีหลากเข้ามาในประตูแห่งวันโลกาวินาศได้ และยังคว้าพลังลึกลับที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างสังสารวัฏ…. นี่เป็นวิธีที่สวรรค์เล่นตลกกับพวกเราทุกคนหรือ?”
“สวรรค์ระยำ! ถ้าข้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ข้าคงไม่ก้าวเข้ามาที่นี่แน่! เก้ายุค! ข้าต้องอดทนกับความเหงาและความทุกข์มาเก้ายุคอย่างขมขื่น แต่นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับ พวกเจ้าทุกคน… สมควรตาย!”
เสียงที่บ้าคลั่งก้องฟ้าสะเทือนโลกหล้า มันเต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียดชัง ความสิ้นหวัง ความคับข้องใจ และความไม่พอใจอย่างที่สุด
โครม!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของเต๋าก็แตกสลาย เนื้อหนังและโลหิตกลายเป็นสุญตา สิ้นชีพลง ณ จุดนั้น
ในขณะนี้ เฉินซีโล่งอกจนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว
เต๋าได้ตายแล้ว
นั่นหมายความว่ามีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในแดนวิปโยค และไม่มีกองกำลังใดที่จะคุกคามเขาได้อีก
โอม!
สัญลักษณ์ลึกลับมากมายปรากฏขึ้นในอากาศ และทุก ๆ สัญลักษณ์นั้นเปล่งกลิ่นอายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างมาก
น่าแปลกที่พวกมันล้วนเป็นตราประทับยุคสมัย และเป็นตัวแทนของผนึกเต๋า ผนึกพุทธ ผนึกขงจื่อ ผนึกมาร ผนึกภูต ผนึกมายา ผนึกยุทธ์ และผนึกจ้าววิญญาณ
มีทั้งหมดแปดยุค และเป็นตัวแทนของมรดกทั้งแปดยุค!
เฉินซีจึงอดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเห็นพวกมันปรากฏตรงหน้า
ไม่ว่าจะเป็นความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋า หรือหนทางออกจากแดนวิปโยคเพื่อกลับไปยังแดนเทพโบราณ ทั้งสองอย่างก็ขึ้นอยู่กับตราประทับยุคสมัยทั้งแปดนี้!
…
เฉินซีเก็บรวบรวมสมบัติที่ถูกแย่งชิงไปกลับมาก่อน จากนั้นเขาก็ซ่อนระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารไว้ภายในร่าง
“อักขระยันต์สามารถได้มาจากอักขระ
“คัมภีร์สามารถจัดให้อยู่ในรูปของอักขระยันต์ และพวกมันถูกเรียกว่าคัมภีร์ยันต์
“แม้ว่าอารยธรรมจะแตกต่างกัน แต่เต๋าก็ทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง และสามารถเปลี่ยนเป็นอักขระที่สร้างยันต์อักขระได้ ดังนั้นยันต์อักขระจึงสามารถแทนที่พวกมันได้!
“แม้ว่าพลังของพวกมันจะขัดแย้งกัน แต่ก็สามารถอธิบายได้ในรูปแบบของคัมภีร์ ดังนั้นจึงสามารถแทนที่กันได้!
“ดังนั้นความลับของอารยธรรมจึงสามารถแสดงผ่านยันต์อักขระได้!
เสียงพึมพำดังขึ้นเรื่อย ๆ มันชัดเจนและชัดเจนยิ่งขึ้น ท้ายที่สุด มันก็เหมือนกับเสียงของระฆังขนาดใหญ่ที่ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
ในทางกลับกัน เฉินซีดูเหมือนราวกับว่ารู้แจ้งเต๋า ความกระจ่างประทับอยู่ที่กลางหว่างคิ้วเขา อีกทั้งร่างกายของเขาก็ดูสง่างาม ชัดเจน และเคร่งขรึม
“ทั้งหมดสามารถเรียกได้ว่าเป็นอักขระเต๋า อักขระอสูร อักขระขงจื่อ อักขระพุทธ อักขระภูต อักขระมายา อักขระยุทธ์ และอักขระจ้าววิญญาณ!
“ทั้งหมดสามารถรวมกันเป็นคัมภีร์เต๋า คัมภีร์อสูร คัมภีร์ขงจื่อ คัมภีร์พุทธ คัมภีร์ภูต คัมภีร์มายา คัมภีร์ยุทธ์ และคัมภีร์จ้าววิญญาณ!
“ทั้งหมดสามารถรวมกันได้ผ่านยันต์อักขระ!”
ทันทีที่กล่าวจบ เฉินซีก็อ้าปากและกลืนตราประทับยุคสมัยที่เหลืออยู่ทั้งหมดที่ลอยอยู่กลางอากาศ
โครม!
พลังมรดกที่ขัดแย้งและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เปรียบเสมือนพายุที่พุ่งเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึกของเฉินซีอย่างฉับพลัน
พลังดังกล่าวน่ากลัวมาก แม้ว่าเฉินซีจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั่วร่างกายและจิตใจแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง!
ไม่ได้การ! แม้ว่าข้าจะเข้าใจหลักการแล้ว แต่ข้าก็ไม่มีพลังพอที่จะควบคุมตราประทับยุคสมัยทั้งแปดนี้ ข้าเกรงว่าห้วงจิตสำนึกของข้าจะถูกทำลาย ซึ่งอาจธาตุไฟเข้าแทรกเมื่อข้าพยายามกลั่นกรองและดูดซับพวกมัน!
ทันใดนั้น สีหน้าของเฉินซีก็เปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนเขาจะตระหนักถึงบางอย่าง และร่างกายก็แข็งทื่อ ไม่ว่าเขาจะเตรียมตัวอย่างไรมาก่อนหน้านี้ เขาก็ยังคงมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป
เขามองข้ามไปว่า ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ไม่สามารถกลั่นกรองและดูดซับมรดกภายในตราประทับยุคสมัยทั้งแปดในเวลาเดียวกัน!
หัวใจของเฉินซีจมลงสู่ก้นบึ้ง ความเจ็บปวดอันแหลมคมที่แผ่ขยายในห้วงจิตสำนึกของเขาอย่างไม่หยุดยั้งได้เตือนเขาว่า หากไม่สามารถหยุดสิ่งนี้ได้ในทันที ผลที่ตามมาคงยากที่จะจินตนาการได้อย่างแน่นอน!
…
คำอธิบายเพิ่มเติมจากผู้เขียน
ภาพรวมของช่วงนี้ คือมีทั้งหมดเก้ายุคสมัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ และในแต่ละยุคก็จะมีผู้ช่วงชิงเก้าคน แต่มีเพียงผู้ช่วงชิงคนที่เก้าในแต่ละยุคเท่านั้น ที่จะสามารถเปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศและเข้าสู่แดนวิปโยคได้
ตัวอย่างเช่น ฝูซีและเซวียนเป็นผู้ช่วงชิงในยุคที่เก้า และพวกเขาเป็นผู้ช่วงชิงคนที่เจ็ดและคนที่แปดของยุคที่เก้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปในประตูแห่งวันโลกาวินาศ
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...