เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1977

บทที่ 1977 ตัวแปรที่ยิ่งใหญ่

………………..

บทที่ 1977 ตัวแปรที่ยิ่งใหญ่

ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนั้นเปรียบดั่งดาบที่ทำร้ายเฉินซีจนห้วงจิตสำนึกของเขากำลังจะระเบิด

ตราประทับยุคสมัยทั้งแปดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั้น เหมือนกับอาชาป่าที่กำลังดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการ และพวกมันกำลังอาละวาดอยู่ภายในห้วงจิตสำนัก การกระแทกแต่ละครั้งทำให้เฉินซีเจ็บปวดอย่างสุดจะพรรณนา

อันตราย!

เฉินซีโคจรพลังภายในร่างอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัว เพื่อที่จะผนึกพลังของตราประทับยุคสมัยเหล่านี้ ก่อนที่แยกพวกมันออกจากห้วงจิตสำนึกของเขา

โอม!

ทว่าก่อนที่เขาได้จะลงมือทำ แผนภาพวารีหลากที่แต่เดิมเงียบกริบอยู่ในห้วงจิตสำนึกได้ชิงเคลื่อนไหวก่อนแล้ว!

มันปล่อยคลื่นพลังผันผวนที่คลุมเครือจนกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ห่อหุ้มตราประทับยุคสมัยทั้งแปดที่แตกต่างกันสิ้นเชิงในทันที

ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสในห้วงจิตสำนึกของเฉินซีลดลงอย่างรวดเร็ว และจิตสำนึกของเขาก็ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาด คือแผนภาพวารีหลากได้กลืนตราประทับยุคสมัยทั้งแปดหลังจากที่มันสะกดพวกมันไว้!

นี่มัน… จู่ ๆ เฉินซีก็ตัวแข็งทื่อทันที และเขาไม่ทันตั้งตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่า ตราประทับยุคสมัยทั้งแปดที่เขาได้รับมาด้วยความยากลำบากนั้น จะถูกแผนภาพวารีหลากกลืนหายไป!?

ท้ายที่สุด เขายังคงต้องขัดเกลาและดูดซับพวกมัน เพื่อที่จะค้นหาความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋า และค้นหาวิธีที่จะออกจากแดนวิปโยค!

โอม!

หลังจากที่มันกลืนตราประทับยุคสมัยเหล่านั้น แผนภาพวารีหลากไม่ได้กลับไปสู่ความเงียบงันทันที มันปลดปล่อยความผันผวนที่ลึกลับและรุนแรงยิ่งขึ้น

เฉินซีสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แผนภาพวารีหลากกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ในขณะนี้ มันกลายเป็นผลึก โปร่งแสง และเปล่งประกายยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น มันปกคลุมไปด้วยแสงที่พร่ามัวดุจแสงของมหาเต๋า และเผยให้เห็นกลิ่นอายอันลึกซึ้งที่ทำให้ดวงวิญญาณสั่นไหว

มันสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งส่งเสียงร้องคร่ำครวญดังชัด ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมา ทำให้เฉินซีลืมทุกสิ่งทุกอย่างในทันที จิตใจของเขาว่างเปล่า ไม่สามารถหลุดพ้นจากมันได้

มันลึกซึ้งเกินไป!

ลึกซึ้งเกินบรรยาย!

นี่เป็นพลังชนิดหนึ่งที่แล่นตรงไปที่หัวใจ ไม่สามารถอธิบายได้ เหมือนกับเต๋าสวรรค์ที่ไม่มีตัวตนอย่างยิ่ง

โครม!

ในขณะที่เขาตกอยู่ภายใต้สภาวะที่แปลกประหลาดนี้ เฉินซีไม่ได้สังเกตเลยว่า มีคลื่นเสียงที่ดังกึกก้องอยู่ในโลกสีเทาที่ขุ่นมัวนี้

ต่อมา ทั่วทั้งแดนวิปโยคก็เกิดเสียงดังกึกก้อง โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาพุ่งลงมาจากท้องฟ้ามากมาย ดุจทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศ ส่ายสะบัดร่ายรำไปทั่วโลก พร้อมกับปลดปล่อยพลังที่สามารถทำลายล้างโลกได้

ในเวลานั้น พายุโหมกระหน่ำ เมฆฝนดำทะมึนเคลื่อนตัวไปทั่วโลกสีเทาอันมัวหมอง โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาร่ายรำอย่างดุเดือดราวกับสายฟ้า คล้ายจุดจบของโลกได้ลงมายังแดนวิปโยค และทำลายล้างทุกสิ่ง

ทว่าเฉินซีกลับดูเหมือนจะไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

มีเพียงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเท่านั้นที่ยังสั่นไหวในห้วงจิตสำนึกอย่างไม่หยุดยั้ง พวกมันเปล่งประกาย กลายเป็นผลึกที่บริสุทธิ์มากขึ้น เปี่ยมล้นด้วยกลิ่นอายของเต๋า และแสงสว่างอันลึกลับหลั่งไหลผ่านพวกมัน

เพล้ง!

โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาฉีกผ่านท้องฟ้าราวกับดาบ และฟันลงไปที่เฉินซีอย่างดุเดือด

มันน่าสะพรึงกลัวมาก กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากมันทำให้ดูเหมือนว่าเต๋าสวรรค์ที่แท้จริงกำลังจุติลงมาด้วยความตั้งใจที่นำการทำลายล้างมาสู่ทุกสิ่ง!

ไม่ต้องกล่าวถึงเฉินซี แม้แต่มหาเทพเต๋าที่แท้จริงก็อาจจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้และไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน

แต่ที่อันตรายที่สุด คือเฉินซียังดูเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นมัน และเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเลย!

โอม!

ในช่วงเวลาที่คับขันนี้ กระแสวังวนก็ปรากฏขึ้นเหนือเฉินซี ก่อนที่โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจะฟันลงมา

ทันทีที่ปรากฏ มันก็ปล่อยพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจต้านทานได้ พัดพาเฉินซี เข้าสู่ส่วนลึกของมันทันที เฉินซีหายตัวไปภายในนั้นอย่างรวดเร็ว

โครม!

ในช่วงเวลาเดียวกับที่เฉินซีหายตัวไป โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ลงมาและบดขยี้กระแสวังวนจนเป็นผุยผง นอกจากนี้ บริเวณแถบนั้นยังได้รับผลกระทบจากการโจมตีครั้งนี้ด้วย ทำให้ผืนดินระเบิดเป็นเสี่ยง สุญตาแตกสลายเป็นธุลี ทุกสิ่งล้วนถูกทำลายล้าง และกลายเป็นความว่างเปล่า!

ถ้าเฉินซีได้เห็นเหตุน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งนี้ เขาคงไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

น่าเสียดายที่เฉินซีไม่อาจเห็นทั้งหมดนี้ได้ หลังจากที่เขาถูกดูดเข้าไปในกระแสวังวนลึกลับใน

อวกาศ….

ที่ด้านล่างของหุบเหวทัณฑ์หายนะ

กระดูกและโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนถูกกองรวมกันอยู่ที่นี่ราวกับมหาสมุทรที่ไร้ขอบเขต

ประตูแห่งวันโลกาวินาศตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางกระดูกและโครงกระดูกเหล่านี้

ในขณะนี้ จู่ ๆ ประตูแห่งวันโลกาวินาศก็สั่นสะเทือน จากนั้นทัณฑ์สายฟ้าวันโลกาวินาศสีเทาบนพื้นผิวก็ส่งเสียงกึกก้องและพลุ่งพล่าน ก่อนที่จะเผยให้เห็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งมากมาย

ฟึ่บ!

ในขณะนี้ อวกาศก็แยกออกจากกัน จากนั้นร่างสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้น

เขาเอามือไพล่หลังไว้ ดวงตาที่สุกใสราวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็จดจ้องไปที่ประตูแห่งวันโลกาวินาศอย่างรวดเร็ว แล้วแสงอันน่าทึ่งก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในประตูแห่งวันโลกาวินาศก็ค่อย ๆ หายไป และมันตกสู่ความเงียบอีกครั้ง ในทางกลับกัน ร่างสีแดงเลือดดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด และยังคงเงียบอยู่นาน

“ตัวแปร…. มันเป็นตัวแปรที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ…. น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นได้….

“อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนั้นอาจหนีไปได้แล้ว… บางทีมันอาจได้รับความลับที่แท้จริงของมหาวิถีสู่เต๋าแล้ว?

เสียงถอนหายใจดังก้องข้างหูของเฉินซี “คุณหนู ในความเห็นของข้า ดูเหมือนว่ามีโอกาสแปดส่วนที่เขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย กลิ่นอายมา ๆ หาย ๆ เป็นระยะ อีกทั้งยังอ่อนแอมาก ไม่ว่าเราจะป้อนโอสถวิญญาณและสมุนไพรใด ๆ ให้เขาก็ไม่เป็นผล เราไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเขาได้จริง ๆ”

หลังจากนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

“อาหลี ทำไมเราไม่รออีกสักหน่อยล่ะ? ตั้งแต่เราพบเขา เราก็ทิ้งเขาไว้ที่นี่ไม่ได้” เสียงอันอ่อนโยนและไพเราะดังขึ้น

“คุณหนู เราไม่มีเวลามากแล้ว หากเราไม่สามารถกลับไปที่ตระกูลได้ทันเวลา ข้าก็เกรงว่า….”

“งั้นก็พาเขาไปด้วย”

“แต่…. เรามีปัญหามากพอแล้ว…”

“อาหลี ทำตามที่ข้าบอกเถอะ ไม่ว่าเราจะเจอปัญหามากมายเพียงใด การเพิ่มมาอีกหนึ่งก็ไม่สร้างความแตกต่างอันใด”

“ตกลง”

เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อฟังมาถึงจุดนี้ แม้ว่าเขาไม่มีพละกำลังพอที่จะลืมตา แต่อย่างน้อยก็ระบุได้ว่า เขาได้ออกจากแดนวิปโยคแล้ว!

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกยินดีทันที เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีประสบการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้จริง ๆ

บึงสยบมารเหรอ?

ที่นี่คือที่ไหนกัน?

เฉินซีครุ่นคิดในใจอย่างเงียบ ๆ เขาตัดสินใจว่าตราบใดที่เขาตื่นขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาจะตอบแทนคนที่ช่วยชีวิตเขาในครั้งนี้อย่างแน่นอน

โครม

ก่อนที่เฉินซีจะได้คิดต่อ ความรู้สึกอ่อนล้าที่คุ้นเคยก็แล่นเข้าสู่จิตใจอีกครั้ง

“มารดามัน…” เฉินซีสบถออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนที่จิตสำนึกจะตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง

หลังจากไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด เฉินซีซึ่งมีสติค่อนข้างงุนงงก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นไหว จากนั้นเขาก็รวบรวมพละกำลังเพื่อลืมตาขึ้น

เมื่อทัศนวิสัยชัดเจนขึ้น เฉินซีสังเกตเห็นว่าตนกำลังนอนอยู่ในรถม้าสมบัติเพียงลำพัง รถม้าสมบัตินี้ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายและประณีต หรูหรา สะดวกสบาย และอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นที่ทำให้หัวใจเบิกบาน

เฉินซีพิจารณาเรื่องนี้ได้ทันที จากนั้นเขาก็นึกถึงเสียงอันไพเราะและอ่อนโยนที่เขาได้ยินในวันนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ถูกทั้งสองทอดทิ้งเมื่อออกจาก ‘บึงสยบมาร’

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

เสียงหวีดหวิวเสียดหูดังขึ้น และทำให้เฉินซีสามารถระบุได้ว่ารถม้าสมบัติกำลังพุ่งผ่านอวกาศด้วยความเร็วเต็มพิกัด แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้กำลังเดินทาง และดูเหมือนว่ากำลังหลบหนีแทน เพราะการเคลื่อนไหวของพวกเขามีกลิ่นอายประหม่า

พวกเขากำลังหนีเหรอ? เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น

ในขณะนี้ จิตสำนึกของเขาฟื้นคืนสู่สภาวะที่ชัดเจนอย่างสมบูรณ์ น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย และยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]