เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1980

บทที่ 1980 ชุดเหตุการณ์ต่อเนื่อง

………………..

บทที่ 1980 ชุดเหตุการณ์ต่อเนื่อง

วูบ!

เสียงของเฉินซียังคงไม่สร่างสิ้น ขณะที่คลื่นพลังแผ่วบางสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่มุมรถม้า ก่อนจะก่อร่างเป็นคนผู้หนึ่ง

ร่างนั้นสูงใหญ่กำยำเช่นขุนเขา รูปลักษณ์หยาบกร้าน หน้าผากกว้าง ให้บรรยากาศดุดันนิ่งงันเช่นศิลา ปรากฏว่านั่นคือถูเมิ่ง!

เมื่อได้ยินเสียงเฉินซี ถูเมิ่งก็รีบร้อนกล่าว “อาจารย์อา นี่เป็นหน้าที่ข้า ท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลยขอรับ”

เฉินซีแย้มยิ้ม ก่อนจะมองไปที่ม่านรถม้า

“อาจารย์อาอย่าห่วงเลย ข้าวางข้อจำกัดไว้ในรถม้านี้ ผู้ใดภายนอกไม่มีทางได้ยินบทสนทนาของเราขอรับ” ถูเมิ่งรับรู้ความคิดของเฉินซีทันที เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็ถามด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย “อาจารย์อา เหตุใดท่านจึงยังปกปิดตัวตนขอรับ?”

เฉินซีกล่าวอย่างจนใจ “ข้าสภาพเป็นเช่นนี้ แล้วหากข้าไม่ปกปิดตัวตน ผู้ใดจะเชื่อข้า?”

ถูเมิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “อาจารย์อา เราช่วยพวกเขาสลายอันตรายถึงตายนั่นไปแล้ว เหตุใดไม่ฉวยโอกาสนี้แยกตัว ให้ข้าพาท่านกลับสำนักกันขอรับ?”

เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการกับศัตรูของเสวี่ยอวิ๋นคือถูเมิ่ง!

เขาบรรลุเป็นจ้าวเอกภพในแดนรวนเรลืมเลือน และเฉินซีก็ซ่อนเขาไว้ในระเบียนแดนมรณะด้วยกันกับกู่เยี่ยนและอาเหลียง

ไม่กี่วันมานี้ เฉินซีฟื้นพลังได้เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แม้จะยังไม่อาจขยับตัว เขาก็สามารถใช้งานระเบียนแดนมรณะได้แล้ว จึงเชิญถูเมิ่งออกมาพิทักษ์ข้างกาย ก่อนหน้านี้ ยามสังเกตพบอันตรายมุ่งหน้าเข้าใกล้ เฉินซีก็ส่งถูเมิ่งออกไปจัดการกับอันตรายถึงตายที่เสวี่ยอวิ๋นเผชิญทันที

ขณะนี้ เมื่อเห็นสภาพอ่อนแอของเฉินซี ถูเมิ่งก็อดรู้สึกสุดแสนเป็นกังวลมิได้ จึงเผยเจตนาว่าจะรีบพาเฉินซีกลับสำนักเพื่อฟื้นตัว

ทว่าเฉินซีปฏิเสธคำเสนออย่างเด็ดเดี่ยว “ยามนี้ยังไม่ถึงเวลา”

ถูเมิ่งผงะไป ก่อนจะเกาหัวพูดด้วยสีหน้ามึนงง “อาจารย์อา หรือท่านนึกชอบแม่หนูนั่นขึ้นมาขอรับ?”

เฉินซีหัวเราะแล้วปรามาส “ไสหัวไป! ปากเจ้านี่ไม่มีอะไรดีเลย”

ถูเมิ่งหัวเราะคิกคัก

“เสวี่ยอวิ๋นช่วยเหลือข้าไว้มาก ไม่ต่างจากช่วยชีวิตข้าเลย บุญคุณนี้ใหญ่หลวง ข้าจึงต้องตอบแทนอย่างดีที่สุด หาไม่ ในใจข้าจะนึกเสียใจไปชั่วชีวิต” เฉินซีสูดหายใจลึก ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม

นี่คือการประพฤติตนของเฉินซี หากผู้ใดดีต่อเขา เขาจะตอบแทนสิบเท่า!

“อืม เช่นนั้นข้าก็จะติดตามอาจารย์อาจนจบเอง” ถูเมิ่งพยักหน้า เชื่อฟังการตัดสินใจของเฉินซีอย่างไร้เงื่อนไข

“จากนี้ ให้เจ้ารับหน้าที่ปกป้องพวกเขาอย่างลับ ๆ ส่วนข้าจะทำสมาธิ เร่งฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด” หลังตัดสินใจแล้ว เฉินซีก็ไม่เสียเวลา หลับตาเข้าสู่ภวังค์สมาธิลึกล้ำทันที

ขณะเดียวกัน ร่างของถูเมิ่งวูบไหว แปรเปลี่ยนเป็นเงามายาซ่อนในเงาของรถม้าสมบัติทันที

จ๊อก~ จ๊อก~

กระแสปราณชักนำพลังชีวิตในกายเฉินซีโคจรทั่วทั้งร่างเขาเช่นสายธารรินอย่างไม่หยุดหย่อน

สองสามวันมานี้ ในที่สุดเฉินซีก็สามารถขยับพลังชีวิตบ่มเพาะได้ แต่พลังชีวิตของเขายังคงอ่อนแอเกินไป พลังที่นำโคจรได้ก็เล็กจ้อยเสียจนน่าสงสาร

หากเขาฟื้นตัวด้วยความเร็วเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสองเดือนกว่าที่จะโคจรเอกภพในกาย ใช้อำนาจของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬได้

แต่เฉินซีก็มิได้ถอดใจ นอกจากบ่มเพาะ เขาก็จับตามองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในห้วงจิตสำนึกเป็นระยะ ๆ

เขาจำได้แม่นยำว่า ยามเขาอยู่ในแดนวิปโยค แผนภาพวารีหลากกระทำการเกินคาดคิด กลืนกินตราประทับยุคสมัยทั้งแปดที่อาละวาดอยู่ในกายเขาเข้าไป

เพราะเหตุไม่คาดฝันนี้เอง สติสัมปชัญญะจึงเข้าสู่สภาวะประหลาด ท้ายที่สุด เขาก็ไม่อาจจับต้นชนปลายได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวหอบออกจากแดนวิปโยคไปด้วยวิธีการอันประหลาดพิศวง

แม้เฉินซีจะยังไม่อาจคาดคิดถึงเหตุผลที่แน่ชัดได้จนบัดนี้ เขาก็ตัดสินคร่าว ๆ ได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขาสุดแสนอ่อนแอยามนี้ก็น่าจะเป็นแผนภาพวารีหลาก!

มันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?

นั่นคือคำถามที่เฉินซีคิดไม่ตกที่สุดในขณะนี้!

นับแต่เขาเข้าไปสู่แดนวิปโยค ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็เหมือนเปลี่ยนท่าที กระทำการเกินคาดคิดหลายต่อหลายครั้งติดกันเป็นลูกโซ่ สุดแสนผิดปกติ ทำให้เฉินซีรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย และต้องการเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้อย่างเร่งด่วน

น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะพยายามเช่นไร เขาก็ไม่อาจได้ข้อมูลอะไรจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเลย

มันนิ่งงันดุจจำศีลไปอีกครั้ง และเฉินซีก็ไม่อาจกระตุ้นกระเตื้องอะไรมันได้

ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากแปดชิ้น กลืนตราประทับยุคสมัยแปดชิ้นเข้าไป นี่มันบังเอิญหรือมีความเชื่อมโยงอะไรต่อกัน? บางทีหากข้าหาชิ้นส่วนสุดท้ายพบ ข้าก็อาจคลี่คลายปริศนานี้ได้กระมัง?

ที่แท้ ผู้นำตระกูลเสวี่ย เสวี่ยฉางคงซึ่งเป็นบิดาของเสวี่ยอวิ๋นประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บหนักเมื่อครึ่งปีก่อน วิญญาณถูกตรึงไว้ ทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะหมดสติ ทั่วตระกูลเสวี่ยเดือดร้อนลนลาน

เพราะเสวี่ยฉางคงคือผู้นำตระกูลเสวี่ย หากเขามีอันเป็นไป ก็ไม่ต่างจากแผ่นดินไหวสะท้านรุนแรงไปทั่วตระกูล

เพื่อคลี่คลายหายนะนี้ เสวี่ยอวิ๋นจึงเลือกมุ่งหน้าไปยังบึงสยบมารกับหลีเหวินไท่ ตั้งใจมองหาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นามหญ้ามังสามังกรหยก เพราะสมุนไพรนี้มีสรรพคุณที่ใช้เยียวยาบาดแผลของเสวี่ยฉางคงได้

แล้วนางก็ช่วยเฉินซีออกมาจากบึงสยบมารนี้เอง

โชคไม่ดี ใครบางคนแพร่งพรายข่าวการเดินทางของนาง ทำให้กลุ่มของเสวี่ยอวิ๋นถูกศัตรูไล่ล่าระหว่างกลับจากบึงสยบมาร

เมื่อเขาทราบเรื่องทั้งหมดนี้ เฉินซีพลันประจักษ์แจ้ง อดถามมิได้ว่า “แม่นางเสวี่ยอวิ๋น รู้หรือไม่ว่าศัตรูเจ้าคือผู้ใด?”

เสวี่ยอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กล่าวว่า “น่าจะเป็นตระกูลกงเหย่จากเอกภพสหัสมายา แต่สหายเต๋า เจ้าห้ามบอกคนอื่นเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะ”

เฉินซีพยักหน้า ขณะที่จิตสังหารเยียบเย็นบังเกิดขึ้นในใจเขา ตระกูลกงเหย่? ช่างบังเอิญเสียนี่กระไร! กาลก่อน ตระกูลกงเหย่นี่แหละที่ทำให้เจิ้นหลิวชิงถูกกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราเกือบสิ้นใจ เฉินซียังไม่ได้ไล่ล้างชำระแค้นนี้เลย!

บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่ข้าจะไปเยือนตระกูลกงเหย่หลังฟื้นตัว….

“สหายเต๋าเฉินซี?” เสวี่ยอวิ๋นเห็นเขาเงียบไปนาน ก็อดเรียกขึ้นมิได้

เฉินซีพลันฟื้นจากความคิดอันรวนเร “จริงสิ เจ้าคิดว่าบาดแผลของบิดาเจ้าเป็นฝีมือตระกูลกงเหย่หรือไม่?”

สีหน้าของเสวี่ยอวิ๋นดำคล้ำเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันตอบ “น่าจะเกี่ยวข้องกัน”

“พวกเขาทำเช่นนี้ไปเพราะอะไรกันแน่?” เฉินซีแน่ใจมากว่าตระกูลกงเหย่ไม่มีทางลงมือกับเสวี่ยฉางคงอย่างไร้เหคุผล พวกเขาต้องกำลังแสวงหาบางสิ่งอยู่เป็นแน่

“เรื่องนั้น….” เสวี่ยอวิ๋นลังเล

“พี่หลี! จากไปหลายเดือน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา!” ขณะนั้นเอง หนึ่งเสียงอันเบิกบานหาญกล้าก็กระหึ่มจากนอกรถม้า

“อารอง? เขามาทำอะไรที่นี่?” เสวี่ยอวิ๋นนิ่งไป คิ้วงามขมวดเข้าหากัน แต่สุดท้ายก็รีบลุกขึ้นเดินออกนอกรถม้า

ทิ้งเฉินซีผู้เหม่อมองไปเบื้องหน้าในรถม้าไว้ลำพัง

ครู่ต่อมา เขาก็กล่าวขึ้นขณะดูเหมือนจมในภวังค์ความคิด “เรื่องนี้ชักน่าสนใจขึ้นแล้วสิ…”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]