เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1981

บทที่ 1981 โถงบวงสรวง

………………..

บทที่ 1981 โถงบวงสรวง

ยามเฉินซีเดินออกจากรถม้า เขาก็เห็นเสวี่ยอวิ๋นเสวนากับชายชุดทองผู้หนึ่งซึ่งดูมีสง่าราศี โดดเด่นไม่ธรรมดา

ชายชุดทองผู้นี้น่าจะเป็นอารองของเสวี่ยอวิ๋น

“จักรพรรดิสองดารา ทรัพยากรและกำลังของตระกูลเสวี่ยมิใช่สิ่งที่กองกำลังทั่วไปจะเทียบได้เลย” เฉินซีทราบความแข็งแกร่งของชายชุดทองในแรกชำเลือง

“เจ้าพบหญ้ามังสามังกรหยกต้นหนึ่ง?” ชายชุดทองกล่าวอย่างประหลาดใจ เผยเค้าความตื่นเต้น “เร็วเข้า! เอาออกมา! ขอข้าพินิจสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นั้นหน่อย!”

เสวี่ยอวิ๋นพยักหน้าอย่างปรีดา

ทว่าทันใดนั้น หลีเหวินไท่พลันปฏิเสธเสียงเรียบ “ไม่แนะนำให้ทำ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกผนึกไว้แล้ว ยังไม่ถึงกาลปลดผนึกมัน ไว้ค่อยพินิจยามกลับตระกูลไปพบพี่ฉางคงแล้วก็ไม่สาย”

เสียงของเขาแข็งกร้าวเล็กน้อย แต่ไม่อาจโต้เถียง

สีหน้าของชายชุดทองชะงักทันใด ท้ายที่สุด ครู่ต่อมา เขาจึงแย้มยิ้ม “พี่เหวินไท่พูดถูก ข้าตื่นเต้นไปหน่อย เลยกระทำการไม่ทันคิด”

เสวี่ยอวิ๋นคลับคล้ายชำเลืองหลีเหวินไท่อย่างประหลาดใจ เหมือนงุนงงว่าเหตุใดเขาจึงแสดงท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น

แต่ความสนใจของนางก็ถูกเบนไปยามชายชุดทองหันมามองเฉินซีแล้วถามขึ้น “ท่านนี้คือ?”

“อารอง เขาคือเฉินซี” เสวี่ยอวิ๋นรีบอธิบาย ก่อนจะกล่าวกับเฉินซี “เฉินซี ท่านนี้คืออารองของข้า เสวี่ยอิ้งไห่”

เฉินซี!? ม่านตาของเสวี่ยอิ้งไห่หดตัว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยยามได้ยินนามนี้ ดูผงะจังงังเล็กน้อย

หลีเหวินไท่เห็นแล้วก็อดขำในใจมิได้ ยามข้าได้ยินนามนี้ครั้งแรก สีหน้าก็คงไม่ต่างกันกระมัง

ขณะเดียวกัน เสวี่ยอวิ๋นก็รู้ว่าอารองของนางเข้าใจผิด คิดไปว่าเฉินซีผู้นี้เป็นศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์

นางรีบร้อนอธิบาย บอกเขาไปว่านางช่วยเฉินซีได้โดยบังเอิญ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเสวี่ยอิ้งไห่ก็คืนสู่ความสงบ

โดยเฉพาะเมื่อสังเกตพบปราณอันอ่อนแอของเฉินซี เขาก็แน่ใจว่าไม่มีทางที่คนผู้นี้จะเป็นศิษย์ในตำนานของเขาเทพพยากรณ์ไปได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสวี่ยอิ้งไห่ก็ไม่คิดสนใจอีก เพราะเฉินซีเป็นเพียงชายหนุ่มผู้บาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังช่วยชีวิตได้โดยบังเอิญ เขาจึงรู้สึกว่าเฉินซีหาควรค่าให้สนใจไม่

เขาจึงทำเพียงพยักหน้าส่ง ๆ ก่อนจะหันไปสนใจเสวี่ยอวิ๋นต่อ

ขณะเดียวกัน เฉินซีที่เห็นเรื่องทั้งหมดอดรู้สึกจนใจเล็กน้อยมิได้ ต่อให้ข้าไม่ใช่เฉินซี ยามเผชิญเหตุเช่นนี้ก็คงรู้สึกอับอายยิ่งกระมัง?

หากกลับกัน เสวี่ยอิ้งไห่รู้ว่าเขาคือเฉินซีจากเขาเทพพยากรณ์คนนั้น มีหรือจะกล้าปฏิบัติอย่างขอไปทีเช่นนี้?

แน่นอน เฉินซีไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ มันเป็นแค่เพราะการเปลี่ยนกิริยาของเสวี่ยอิ้งไห่รวดเร็วมาก และอีกฝ่ายกระทำตัวอย่างขอไปที เฉินซีจึงอดส่ายหัวมิได้ โลกหล้าไม่ขาดพวกดูแคลนคนอื่นอย่างเจ้านี่จริง ๆ

เสวี่ยอิ้งไห่รอต้อนรับกลุ่มของเสวี่ยอวิ๋นกลับมาที่นี่ตลอด เมื่อยามพบหน้า พวกเขาจึงไม่ชักช้าอยู่ต่อ

ไม่นาน พวกเขาก็เดินทาง ทะยานสู่ที่ตั้งตระกูลเสวี่ย

ระหว่างทาง เฉินซีนั่งในรถม้าสมบัติ เปิดม่านออกมองทะเลดาราระหว่างทางอย่างเหม่อลอย ไม่ได้เข้าร่วมพัวพันกับเรื่องในตระกูลของเสวี่ยอวิ๋น

เมื่อเทียบกับพวกเสวี่ยอวิ๋นแล้ว สุดท้ายเฉินซีก็คือคนนอก โดยเฉพาะในความคิดของเสวี่ยอิ้งไห่ เขาถูกจัดให้เป็นตัวตนเล็กจ้อยไร้ค่า

ด้วยเหตุนี้ เฉินซีย่อมไม่หาเรื่องใส่ตัว

แต่บทสนทนาระหว่างเสวี่ยอวิ๋นและเสวี่ยอิ้งไห่ที่เฉินซีฟังมาตลอดทางก็ยังดึงความสนใจของเขาได้

“เจ้าถูกไล่ล่าระหว่างทาง?”

“เจ้าค่ะ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขามาจากขุมกำลังใด?”

“มิทราบ”

“แล้ว… เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”

“ตายหมดแล้ว”

“ตาย?”

“เจ้าค่ะ พวกเขาตายอย่างไม่อาจเข้าใจ ยามนั้น อาหลีเดิมทีตั้งใจสู้ตายกับพวกเขา แต่เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ประหลาดยิ่งนัก”

“มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ? เจ้า… ไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หรือ?”

“อารองคิดว่าข้าโกหกอยู่หรือ?”

“เอ่อ ข้าแค่ตกใจไปหน่อยน่ะ มันชวนสับสนอยู่นิด ๆ”

บทสนทนานี้ดูไร้ความโดดเด่น แต่เฉินซีก็สังเกตได้ชัดเจนว่าเหมือนเสวี่ยอวิ๋นจะระมัดระวังตัวยามอยู่กับเสวี่ยอิ้งไห่

เพราะถึงอย่างไร เมื่อสองสามวันก่อน เสวี่ยอวิ๋นก็บอก ‘คนนอก’ อย่างเขาว่ากองกำลังที่ไล่ล่าพวกนางมาน่าจะเป็นตระกูลกงเหย่

แต่ยามนี้ เสวี่ยอวิ๋นไม่ได้พูดเช่นนั้นกับเสวี่ยอิ้งไห่ นับเป็นเรื่องผิดปกติเล็กน้อยแล้ว

โถงบวงสรวงสูงพันจั้ง สร้างจากน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มทั้งหลัง สูงตระหง่านเก่าแก่ เรืองประกายอ่อนโยนเรืองรองทั่วฟ้าดิน ปกคลุมโลกหล้าด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์

นับแต่ผู้นำตระกูลเสวี่ย เสวี่ยฉางคงบาดเจ็บและหมดสติไปอย่างไม่คาดฝัน เขาก็ถูกดูแลปกป้องอยู่ในโถงบวงสรวงตลอดมา

ขณะเดียวกัน โถงบวงสรวงก็เป็นสถานที่หวงห้ามสำคัญของตระกูลเสวี่ย มีเพียงตัวตนสูงศักดิ์มากอำนาจเท่านั้นที่เหยียบย่างเข้าไปได้

แน่นอน คนนอกหมดสิทธิ์เข้าไป

“เฉินซี เจ้ารอที่นี่ก่อนนะ ข้าจะให้บริวารมาพาเจ้าไปพัก… จริงสิ เหตุใดวันนี้จึงรู้สึกพิกลนิด ๆ กันหนอ?” เดิมที เสวี่ยอวิ๋นตั้งใจจัดเตรียมที่พักให้เฉินซีก่อน เพราะถึงอย่างไร ที่นี่ก็คือโถงบวงสรวง สถานที่สำคัญและเขตหวงห้ามในตระกูลนาง จึงไม่เหมาะสมหากจะให้เฉินซีเข้าไป

แต่นางพลันสังเกตพบว่า ระหว่างทางนางไม่เห็นบริวารแม้เพียงคน ถึงขนาดกระทั่งคนในตระกูลสักคนก็ล้วนหายหน้า!

ทั้งตระกูลว่างเปล่าวังเวง มันผิดปกติอย่างยิ่ง

เพราะถึงอย่างไร ตระกูลเสวี่ยนั้นเดิมทีคึกคักอย่างยิ่ง มีวงศาคณาญาตินับหมื่น ๆ คน เพียงบริวารก็มีไม่ต่ำกว่าแสนแล้ว!

แต่ยามนี้ ทั้งเครือญาติและบริวารล้วนดูเหมือนปลาสนาการหายสิ้น

ยามนี้ หลีเหวินไท่ก็เหมือนสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลแล้วเช่นกัน ดวงตาพลันหรี่ลง ระมัดระวังตัวขึ้นมา ก่อนหน้านี้ เขาไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เพราะร้อนใจอยากช่วยเสวี่ยฉางคง

เฉินซีเห็นเช่นนี้ก็อดรำพึงในใจมิได้ ว่าแล้วเชียว มีเรื่องผิดปกติอยู่จริง ๆ!

นับแต่เข้ามาในตระกูลเสวี่ย เขาก็สังเกตแล้วว่าบรรยากาศดูไม่เข้าที เดิมทีเขาตั้งใจจะเตือนเสวี่ยอวิ๋น แต่เมื่อคิดว่านี่คือตระกูลเสวี่ย เขาจึงรู้สึกว่านี่อาจเป็นเรื่องปกติ ประกอบกับเรื่องที่ทั้งเสวี่ยอวิ๋นและหลีเหวินไท่ไม่พูดไม่จา เขาจึงทำได้เพียงซ่อนความคิดเหล่านี้ไว้ในใจ

แต่มิคาดเลยว่ายามนี้ ตระกูลเสวี่ยจะผิดปกติอยู่จริง ๆ!

“อารอง มันเกิดอะไรขึ้น?” เสวี่ยอวิ๋นพลันหันไปถามเสวี่ยอิ้งไห่ ดวงตาเรืองประกายเย็นเยียบ “หรือเหตุไม่คาดฝันบางอย่างจะเกิดในช่วงที่ข้าไม่อยู่?”

เสวี่ยอิ้งไห่มองเหม่อไปครู่หนึ่ง จึงอธิบายว่า “ตระกูลระส่ำระสาย มีข่าวลือแพร่งพรายไปทั่วเพราะพี่ใหญ่บาดเจ็บหนัก ลือกันกระทั่งว่าจะมีศัตรูร้ายแทรกซึมตระกูลเสวี่ย”

“ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ผู้อาวุโสทั้งหลายและข้าจึงหารือกัน และตัดสินใจย้ายคนในตระกูลไปที่แดนเทวาวิญญาณน้ำแข็งเป็นการชั่วคราว เราทำเช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของตระกูล อย่าได้คิดมากไปเลย”

คำอธิบายเช่นนี้ฟังขึ้น แต่ขณะนี้เฉินซีกลับรู้สึกราวการกระทำของเสวี่ยอิ้งไห่มีสิ่งผิดปกติ แต่ก็ไม่อาจสรุปเจาะจง

“แดนเทวาวิญญาณน้ำแข็ง!” เสวี่ยอวิ๋นพลันมีปฏิกิริยารุนแรง “นั่นคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเรา ห้ามเปิดหากไร้คำสั่งบิดาข้า! พวกเจ้าทำเช่นนั้น… ได้อย่างไร!?”

“เสวี่ยอวิ๋น!” สีหน้าของเสวี่ยอิ้งไห่ย่ำแย่ลงทันทีเมื่อถูกตั้งคำถาม ตำหนิขึ้นว่า “ป่านนี้แล้ว เจ้ายังคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้อีกหรือ? หากบิดาเจ้าเห็นการกระทำของเจ้ายามนี้ คงผิดหวังยิ่งแน่แท้!”

ว่าแล้ว เสียงของเขาก็อ่อนลง เกลี้ยกล่อมว่า “รีบเข้าไปสิ พวกผู้อาวุโสรอเจ้าอยู่ในโถงบวงสรวงแล้วนะ”

อกของเสวี่ยอวิ๋นกระเพื่อมขึ้นลง สูดหายใจลึก ๆ สองสามหนก่อนจะสะกดโทสะในใจได้ นางเขม่นมองเสวี่ยอิ้งไห่อยู่เนิ่นนาน จึงสะบัดแขนเสื้อหันกายเดินไปที่โถง

“อารอง บิดาข้าตื่นยามใด เราจะได้เห็นกันว่าเจ้าจะรับมือสถานการณ์ทุกสิ่งเช่นไร!” เสียงของนางเย็นเยียบ เฉยชาไร้อารมณ์

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]