บทที่ 1982 หม้อหยกผสานเต๋า
………………..
บทที่ 1982 หม้อหยกผสานเต๋า
การถูกเสวี่ยอวิ๋นตะคอกใส่ ทำให้สีหน้าของเสวี่ยอิ้งไห่ไม่น่าดูและแปรเปลี่ยนไปมา เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตามนางไป
“มีบางอย่างผิดปกติ….” เฉินซีพึมพำ
“เจ้าก็สังเกตเหมือนกันเหรอ?” หลีเหวินไท่เหลือบมองที่เฉินซี และกล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “แม้แต่คนแบบเจ้าก็ยังสามารถแยกแยะได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ”
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของหลีเหวินไท่ก็พุ่งปราดเข้าสู่โถงบวงสรวง
เฉินซีลูบจมูกและหัวเราะกับตัวเองไม่รู้จบ
แม้ว่าวาจาของหลีเหวินไท่จะไม่มีคำหยาบคายใด ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นทางอ้อมว่าเฉินซีเป็นเพียงคนไม่สำคัญในใจของเขา
ในท้ายที่สุด เฉินซีก็ส่ายหัวและเดินตามพวกเขาเข้าไป
…
โถงบวงสรวงที่บริสุทธิ์ราวกับหิมะนั้นถูกปกคลุมไปด้วยการตกแต่ง และเครื่องเรือนสีดำสนิท
ทางเดินสีดำสนิท เสาหินสีดำสนิท เก้าอี้สีดำสนิท…. การเดินภายในห้องโถงนี้ก็เหมือนกับการเดินจากกลางวันไปสู่กลางคืน และบรรยากาศอันเคร่งขรึมแฝงกลิ่นอายกดดันมหาศาล
เมื่อเฉินซีเดินเข้าไปในห้องโถงนี้ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือหม้อหยกใบหนึ่ง มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ สูงประมาณหนึ่งจั้ง ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางห้องโถง และดูขัดกับความมืดที่ปกคลุมโดยรอบให้มลายสิ้น
อักขระที่หนาแน่นและซับซ้อนถูกจารึกไว้บนพื้นผิวของหม้อหยก ซึ่งเฉินซีก็สามารถมองเห็นแผนภาพที่โบราณและลึกลับต่าง ๆ ได้จาง ๆ เช่น ดอกไม้ นก แมลง ปลา การขึ้นลงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ หรือภาพการถวายเครื่องบวงสรวงในสมัยโบราณ
หม้อหยกตั้งอยู่อย่างเงียบ ๆ แต่กลับแผ่กลิ่นอายที่ทิ่มแทงใบหน้าจนปวดแปลบ มันดูไม่เหมือนกับหม้อใบใหญ่ และดูเหมือนกลับเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่พิเศษอย่างไม่มีใครเทียบได้!
มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา!
เฉินซีมองเห็นได้ทันทีว่าต้นกำเนิดของมันจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อีกทั้งมันถึงขั้นที่ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และเหรียญทองแดงโปรยสมบัติที่เขาครอบครองได้!
ตระกูลที่อาศัยอยู่ในดาราจักรนางแอ่นสงัดมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้จริง ๆ สิ่งนี้ทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย
ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์หรือเหรียญทองแดงโปรยสมบัติ พวกมันล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของเขาเทพพยากรณ์และนิกายอำนาจเทวะ
อย่างไรก็ตาม หม้อหยกใบนี้ที่อยู่ภายในตระกูลเสวี่ย กลับมีพลังเทียบเท่าสมบัติทั้งสอง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามันไม่ธรรมดามาก
แต่เพียงชั่วพริบตา เฉินซีก็ไม่มีโอกาสได้ถอนหายใจ เพราะเขาสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศในห้องโถงนั้นแปลกไป!
โดยเฉพาะเมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องโถง เขาก็อดที่จะหรี่ตาลงไม่ได้
เสวี่ยอวิ๋นยืนอยู่ลำพังในห้องโถงที่ใหญ่และกว้างขวาง ขณะที่มีคนนั่งเป็นแถวอยู่ข้างหน้านาง
คนที่นั่งตรงกลางแถวเป็นชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าหรูหรา ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน ถือพัดขนนกสีขาวเหมือนหิมะอยู่ในมือ
ท่าทางอบอุ่นและประณีต มีรอยยิ้มประทับอยู่ที่มุมปากจาง ๆ แต่กลิ่นอายนั้นเหมือนกับเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังแผ่กลิ่นอายหยิ่งยโสอันสูงสุดออกมาแผ่วเบา
สิ่งที่ทำให้เฉินซีตกตะลึงก็คือ ชายผู้ประณีตคนนี้คือจ้าวเอกภพ!
คนอีกแปดคนนั่งอยู่ทั้งสองข้างของชายวัยคนกลางผู้สง่างาม มีทั้งชายและหญิงทุกวัย แม้จะมีรูปลักษณ์และลักษณะแตกต่างกันไป แต่กลิ่นอายแต่ละคนล้วนทรงพลังถึงขีดสุด เป็นจักรพรรดิทั้งแปดคน!
เฉินซีมั่นใจว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะเป็นคนของตระกูลเสวี่ย เพราะในขณะนี้ เสวี่ยอิ้งไห่ที่เข้ามาในห้องโถงก่อนหน้านี้ กำลังยืนก้มหน้าสำรวมเหมือนคนรับใช้อยู่ที่ด้านข้าง มือหย่อนแนบลำตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางสอพลอ
ในทางกลับกัน หลีเหวินไท่ก็ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าดูขุ่นเคือง ไม่อาจปกปิดความโกรธของตัวเองได้
ทั้งหมดนี้ฟังดูเหมือนนาน แต่เมื่อทันทีที่เฉินซีมาถึง บรรยากาศภายในห้องโถงก็ตกสู่สภาวะแปลก ๆ ทันที และหากไตร่ตรองดูแล้ว มันก็เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
ฟึ่บ!
เมื่อพวกเขาเห็นเฉินซี สายตาหลายคู่ก็จับจ้องมาเป็นตาเดียว ก่อนจะส่ายหัว และเบือนสายตาไป เมื่อสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้มีกลิ่นอายที่อ่อนแอ
มันเหมือนกับว่าได้เห็นมดเข้าในอาณาเขตของพวกเขา ไม่ควรค่าให้ใส่ใจ
หัวใจของเฉินซีดิ่งลง เขามั่นใจได้คร่าว ๆ ว่าตระกูลเสวี่ยไม่เพียงแต่ประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับปัญหาที่กำหนดความเป็นความตายของทั้งตระกูล
เฉินซีรู้สึกสงสัยว่า การหายตัวไปของเหล่าคนรับใช้และคนของตระกูลเสวี่ยนั้น อาจเกี่ยวข้องกับเหล่าคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง
ถึงขนาดที่อาการบาดเจ็บของผู้นำแห่งตระกูลเสวี่ย เสวี่ยฉางคงนั้นอาจเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้
ยิ่งไปกว่านั้น เสวี่ยอิ้งไห่ ผู้เป็นอาของเสวี่ยอวิ๋น อาจเป็น ‘สายลับ’ ให้ศัตรูมาโดยตลอด!
ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีถอนหายใจเล็กน้อย ตามที่คาดไว้ ทั้งหมดนี้ไม่ง่ายเลย ข้าเกรงว่าแม้แต่เสวี่ยอวิ๋นและหลีเหวินไท่ก็อาจไม่เคยคาดคิดว่าเหตุการณ์ที่น่าตกใจ และไม่คาดคิดเช่นนี้จะเกิดขึ้นในตระกูลเสวี่ยในขณะที่พวกเขาไม่อยู่
“เหตุใดพี่ชายของข้าจึงสามารถดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้? ข้าไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย แต่เขากลับได้เป็นผู้นำตระกูล ไม่ใช่ข้า!”
เสวี่ยอิ้งไห่ระเบิดความคับข้องใจและตะโกนเสียงดัง “บอกข้าทีว่านี่มันยุติธรรมแล้วหรือ?”
ท่าทางของหลีเหวินไท่โกรธสุดขีด พูดสิ่งใดไม่ออก เขาพบว่าเสวี่ยอิ้งไห่เป็นเพียงคนไร้ยางอาย เพื่อที่จะยึดตำแหน่งผู้นำตระกูล
“ดังนั้นเจ้าจึงทำให้ท่านพ่อตกอยู่ในอันตรายเพียงเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล? เจ้าทรยศตระกูลของตัวเอง แล้วขังพวกเขาไว้ในแดนเทวาวิญญาณน้ำแข็ง เพียงเพื่อความช่วยเหลือจากตระกูลกงเหย่?” ท่าทางของเสวี่ยอวิ๋นสงบอย่างน่าประหลาดใจ เสียงของนางเย็นชาดุจน้ำแข็ง และปราศจากอารมณ์โดยสิ้นเชิง
ขณะที่กล่าว นางก็จ้องมองไปที่คนของตระกูลกงเหย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นและชมการแสดง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เสวี่ยอิ้งไห่ผู้ทรยศคนนี้ได้ตกลงที่จะมอบสมบัติล้ำค่าสูงสุดของตระกูลเสวี่ยของข้า นั่นคือปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ เพื่อแลกกับการสนับสนุนของพวกเจ้าสินะ”
แปะ! แปะ! แปะ!
ชายผู้ประณีตซึ่งนั่งตรงกลางปรบมือและกล่าวชมเชย “ช่างเป็นหญิงสาวที่ฉลาดจริง ๆ เจ้ากล่าวถูกแล้ว”
เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ “อันที่จริงนั้น บิดาของเจ้าคงไม่เป็นเช่นนี้ หากเขาตกลงที่จะมอบปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ให้กับข้า แต่น่าเสียดายที่เขาดันดื้อรั้น และยอมตายมากกว่ายอมทำตาม แต่ดีที่ยังมีคนที่มีหัวคิดอย่างอารองของเจ้า”
เฉินซีเคยเห็นคนไร้ยางอายมาหลายคน แต่เขาไม่เคยเห็นคนเช่นนี้มาก่อน ชายผู้นี้ตั้งใจที่จะยึดสมบัติของตระกูลเสวี่ย แต่เขากลับพูดราวกับกำลังคิดในนามของตระกูลเสวี่ย คนเช่นนี้น่ารังเกียจและชั่วร้ายถึงขีดสุด
ในขณะเดียวกัน ชายผู้ประณีตก็เผยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กดดันและสง่างาม “คุณหนู เรามาเข้าประเด็นกันดีกว่า ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจสถานการณ์แล้ว ตระกูลของเจ้าทั้งหมดถูกขังอยู่ในแดนเทวาวิญญาณน้ำแข็ง จงมอบปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์มาซะ หากเจ้าต้องการให้พวกเขากลับมาอย่างมีชีวิต!
เขาหยุดครู่หนึ่ง และชี้ไปที่หม้อหยกที่อยู่ตรงกลางห้องโถง “ดูสิ แม้แต่อารองของเจ้าก็ยังมอบหม้อหยกผสานเต๋าให้ข้าด้วยซ้ำ ดังนั้นหากเจ้ายังดึงดันปฏิเสธต่อไป ต่อให้ต้องใช้เวลาอีกสิบปีเพื่อทำให้หม้อนี้เป็นของข้า! เมื่อถึงเวลานั้น อย่างไรปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ก็ต้องตกเป็นของข้าอยู่ดี!”
สีหน้าของเสวี่ยอวิ๋นเปลี่ยนไปมาอย่างรุนแรง นางทั้งโกรธแค้นและโศกเศร้า ทั้งยังอึ้งจนจิตใจว่างเปล่า
แม้ว่านางจะมีการบ่มเพาะในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล แต่นางจะเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้หรือ?
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าคู่ต่อสู้ของนางเป็นจ้าวเอกภพที่น่าสะพรึงกลัว และจักรพรรดิทั้งแปดคนจากตระกูลกงเหย่!
เฉินซีเฝ้าดูทั้งหมดนี้จากด้านข้าง และเขาตัดสินใจได้คร่าว ๆ ว่า ปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์นั้นเกี่ยวข้องกับสมบัติที่อยู่ตรงกลางห้องโถง ซึ่งพวกเขาเรียกว่า หม้อหยกผสานเต๋าอย่างแน่นอน
ในทางกลับกัน แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ผู้นำตระกูลเสวี่ยฉางคงซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดมัน แต่คือบุตรสาวของเขา เสวี่ยอวิ๋น!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายของเฉินซีเล็กน้อย
แต่สิ่งที่เฉินซีสงสัยมากที่สุดก็คือ ปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์นั่นคืออะไรกันแน่? เพราะมันทำให้ตระกูลกงเหย่ถึงขั้นระดมผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตมหาราชเทวาจำนวนมากมา!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...