เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1983

บทที่ 1983 ก้าวไปข้างหน้า

………………..

บทที่ 1983 ก้าวไปข้างหน้า

บรรยากาศในโถงบวงสรวงนั้นเงียบงันและกดดันอย่างยิ่ง

เสวี่ยอวิ๋นยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังด้วยสีหน้าเศร้าหมองแปรเปลี่ยนไปมาไม่รู้จบ เหม่อลอยดุจดวงวิญญาณหลุดลอย

ท่าทางของหลีเหวินไท่ดูขุ่นเคือง ดวงตาแทบถลนออกมาด้วยไฟโทสะ เขาแทบถูกครอบงำด้วยความโกรธ เกือบยั้งตนไม่อยู่

ไม่เพียงแต่เสวี่ยหยิงไห่จะไม่รู้สึกผิด แต่ยังกล่าวอย่างหมดความอดทนแทน “เสวี่ยอวิ๋น ในเมื่อมันมาถึงจุดนี้แล้ว รีบ ๆ ทำเถอะ อารองไม่อาจปกป้องเจ้าได้ หากเจ้ายังดึงดันเช่นนั้น”

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เหล่าจักรพรรดิจากตระกูลกงเหย่ต่างแสดงท่าทางเยาะเย้ย ดุจทุกสิ่งได้ตกอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว

ในขณะนี้ เสวี่ยอวิ๋นดูสุดอดกลั้น และสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง เรือนกายสั่นเทิ้ม ชี้นิ้วไปที่เสวี่ยอิ้งไห่ จากนั้นตวาดลั่น “เจ้าคนทรยศ! เจ้าไม่ใช่แค่ทรยศท่านพ่อ แต่เจ้าทรยศต่อทั้งตระกูลเสวี่ย! เจ้าจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน!”

นางก่นด่าอย่างไม่รู้จบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชัง

ใบหน้าของเสวี่ยอิ้งไห่มืดมนทันที และกล่าวเสียงเข้ม “บังอาจ! เสวี่ยอวิ๋น หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้ อย่าได้โทษอารองที่ไร้ความปรานี!”

“ถ้าแน่จริงก็ข้าฆ่าสิ!” เสวี่ยอวิ๋นหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นความบ้าคลั่งและความมุ่งมั่นก็พลุ่งพล่านในดวงตาที่สุกใสของนาง “ข้าจะไม่มีวันทรยศต่อตระกูลเด็ดขาด!”

เสวี่ยอิ้งไห่โกรธเกรี้ยว เขากำลังจะตวาด แต่กลับถูกคนจากตระกูลกงเหย่หยุดไว้ก่อน

คนผู้นั้นยิ้มอย่างอบอุ่น จากนั้นจึงกล่าวกับเสวี่ยอวิ๋นช้า ๆ “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ? อย่าลืมว่าคนตระกูลเสวี่ยของเจ้าทั้งหมดถูกขังอยู่ในแดนเทวาวิญญาณน้ำแข็ง หากเจ้าตาย พวกเขาอาจจะ… ไม่มีวันออกมาได้”

แม้จะกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่กลับแฝงเค้าคุกคามอย่างยิ่ง เขาใช้ชีวิตคนของตระกูลเสวี่ยมาเป็นตัวประกัน และมันก็เหมือนกับสว่านน้ำแข็งที่แทงเข้าไปในหัวใจของเสวี่ยอวิ๋นอย่างแรง นางพลันรู้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง ใบหน้าซีดเผือดอย่างน่าสยดสยองทันที

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย จงมอบปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ให้ข้าซะ และวางมือจากตระกูลเสวี่ยซะ ไม่เช่นนั้น….” เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ สีหน้าของชายผู้ประณีตก็กลายเป็นเฉยเมยและเย็นชา “ทั้งตระกูลของเจ้าจะตายไปพร้อมกับเจ้า!”

ใบหน้างดงามของเสวี่ยอวิ๋นซีดลง นางกัดริมฝีปากแน่น และรู้สึกถึงความทรมานในใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะนี้ นางไม่หวังอะไรนอกจากตายให้รู้แล้วรู้รอด

แต่นางรู้ว่า หากนางตาย มันจะไม่แค่ชีวิตของนางที่เสียไปเท่านั้น และมันจะเป็นความตายของทั้งตระกูลเสวี่ย…

ข้าควรทำอย่างไรดี? จิตใจของเสวี่ยอวิ๋นสับสนและว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง

“เสวี่ยอวิ๋น….” หลีเหวินไท่ตั้งใจจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ต้องตกตะลึงกับคำพูดไม่กี่คำของชายตรงหน้าอีกครั้ง

“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าเป็นประมุขของนิกายกระบี่ที่เรียกว่าสมุทรทมิฬ? หากไม่อยากให้นิกายของเจ้าถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า ก็หุบปากเสีย!”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้สีหน้าของหลีเหวินไท่แปรเปลี่ยนไปมาอย่างรุนแรง เขารู้สึกขัดแย้งในใจอย่างมาก และมั่นใจมากว่า ไอ้สารเลวจากตระกูลกงเหย่กล้าทำตามที่พวกมันพูดอย่างแน่นอน

ความสิ้นหวังถาโถมเข้าสู้ใจของเสวี่ยอวิ๋น สีหน้าของนางพลันมืดมนเต็มไปด้วยความหดหู่

ดูเหมือนนางจะตัดสินใจเลิกต่อต้านแล้ว

อันที่จริง หากใครมายืนอยู่จุดเดียวกับที่เสวี่ยอวิ๋นเผชิญอยู่ คนคนนั้นก็คงทำอะไรไม่ถูก และยอมจำนนอย่างไร้ทางเลือก

เสวี่ยอิ้งไห่สังเกตเค้าจำนนในตัวเสวี่ยอวิ๋นอย่างชัดเจน จึงรีบตีเหล็กตอนยังร้อน “เสวี่ยอวิ๋น ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว เมื่ออารองเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปทันทีแน่นอน”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหล่าคนของตระกูลกงเหย่ต่างเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจที่เรื่องทั้งหมดเป็นไปตามแผนของพวกตนโดยไม่ต้องเปลืองแรงใด ๆ

“ข้า….” เสวี่ยอวิ๋น กล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาและแหบแห้ง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้างุนงงและทำอะไรไม่ถูก ศัตรูของนางอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับไร้พลัง ไม่อาจทำอะไรได้เลย นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าตายทั้งเป็นไม่ใช่เหรอ?

ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังก้องไปทั่วห้องโถง “แม่นางเสวี่ยอวิ๋น เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เถอะ”

เสียงนี้ราบเรียบ แต่กลับดูเหมือนฟ้าร้องเมื่อดังก้องในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้ และมันดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องโถงได้ทันที

ฟึ่บ!

สายตาของชายผู้ประณีตและคนอื่น ๆ จากตระกูลกงเหย่ตวัดไปราวกับคมดาบ และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อเห็นว่าเป็นชายหนุ่มอ่อนแอที่พวกเขามองข้ามเหมือนมด

นอกจากนี้ยังมีบางคนที่เดือดดาลอย่างมาก เพราะมันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เสวี่ยอวิ๋นกำลังจะมอบปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ ทว่ามันกลับถูกขัดโดยตัวตนเล็กจ้อยเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าคนผู้นี้หาที่ตาย!

จักรพรรดิจากตระกูลกงเหย่ถามด้วยเสียงทุ้มลึก แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่พลุ่งพล่านดุจสายฟ้า “เขาเป็นใคร?”

เสวี่ยอิ้งไห่โกรธมาก และรีบอธิบายเมื่อได้ยินว่าจักรพรรดิถาม “ไอ้สารเลวนั่นชื่อเฉินซี….”

เฉินซี!?

ก่อนที่เสวี่ยอิ้งไห่จะกล่าวจบ ดวงตาของพวกเขาก็หรี่ลงพร้อมกัน หัวใจสั่นไหวอย่างไม่อาจยับยั้ง

ชื่อนี้ไม่แปลกหูต่อพวกเขาอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของตระกูล ผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลกงเหย่นั่นต้องทนทุกข์ทรมานกับความตายอย่างน่าสังเวชด้วยน้ำมือของเฉินซี

แล้วพวกเขาจะไม่รู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เฉินซีกลับไม่เห็นด้วย เขาถอนหายใจ ก้าวไปข้างหน้า แล้วจ้องมองที่หลีเหวินไท่ “เจ้าแค่ดูแลความปลอดภัยของเสวี่ยอวิ๋น ส่วนที่เหลือข้าจัดการเอง”

หลีเหวินไท่รู้สึกประหลาดใจ และแทบไม่กล้าเชื่อหูของตัวเอง “เด็กคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? หรือไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่?”

ในขณะนี้ แม้ว่าหลีเหวินไท่จะเสียใจและไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่เขาก็ยังมึนงงเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ และได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาจะแทบไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ผ่าหัวของเฉินซีออกดูความคิดที่อยู่ข้างใน เพราะเขารู้สึกว่าเฉินซีนั้น…เสียสติ!

แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางที่จริงจังและเคร่งขรึมของเฉินซี รวมถึงประกายเย็นชาลึกล้ำในแววตาของเฉินซี หัวใจของหลีเหวินไท่ก็รู้สึกหนาวเย็นอย่างไม่อาจเข้าใจได้

เขารู้สึกถึงความกดดันที่อธิบายไม่ได้จริง ๆ ซึ่งทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก และมันเหมือนกับว่าเขายืนอึ้งอยู่ในจุดนั้น เขาปฏิบัติตามคำแนะนำของเฉินซีอย่างเชื่อฟัง และยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ เสวี่ยอวิ๋น

“อาหลี เฉินซี พวกเจ้าสองคนคิดทำอันใด! พวกเจ้าสองคนคิดจะเอาชีวิตไปทิ้งหรือ!?”

เสวี่ยอวิ๋นรู้สึกสับสนและโมโหกับเหตุการณ์นี้ ทั้งยังรู้สึกวิตกกังวลและสิ้นหวังจนแทบหลั่งน้ำตา เวลาแบบนี้ ยังทำตัวบุ่มบ่ามเช่นนี้!

ไม่ใช่แค่เสวี่ยอวิ๋น แต่เหล่าของคนตระกูลกงเหย่ก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน เจ้ามดตัวนี้ตั้งใจจะทำอันใดกันแน่?

เรื่องที่กำลังจะจบอย่างไร้ที่ติ กลับถูกเจ้าสารเลวนี้ทำพัง พวกเขาได้อดกลั้นต่อเขามาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าคนผู้นี้ไม่รู้ว่าควรจะหยุดเมื่อใด มิหนำซ้ำยังได้คืบจะเอาศอก!

นี่มันเหลือทนแล้ว!

ทันใดนั้น จักรพรรดิจากตระกูลกงเหย่ก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง และตั้งใจที่จะสังหารเฉินซี

“ตายซะเถอะ!” อย่างไรก็ตาม มีคนที่เร็วกว่าพวกเขา และก็คือเสวี่ยอิ้งไห่ เขารู้สึกเดือดดาลเมื่อเห็นเฉินซีหาที่ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วตอนนี้เขาจะควบคุมตัวเองได้อย่างไร?

โครม!

มันดูเหมือนใช้เวลานานในการอธิบาย แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา ฝ่ามือของเสวี่ยอิ้งไห่พุ่งไปในอากาศขณะที่มันฟาดไปที่เฉินซี และมันแฝงด้วยพลังมหาศาลของจักรพรรดิ

“ไม่!!” เสวี่ยอวิ๋นกรีดร้อง จิตใจของนางว่างเปล่า ไม่เคยคิดเลยว่า เฉินซีจะต้องมาเสียชีวิตเพียงเพราะเรื่องภายในของตระกูลนาง!

เฉินซีดูเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นเลย ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อ

เหตุนี้ทำให้คนของตระกูลกงเหย่อดไม่ได้ที่จะแผดเสียงหัวเราะ “ไอ้สารเลวจ้อยร่อยตัวนี้… ช่างโง่เขลาจริง ๆ!

แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว เสียงหัวเราะของพวกเขาก็หยุดลงทันที ดวงตาเบิกตากว้างราวกับเห็นภูตผี

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]