เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1986

บทที่ 1986 อันตรายซึ่งยังแฝงเร้น

………………..

บทที่ 1986 อันตรายซึ่งยังแฝงเร้น

เป็นไปตามเฉินซีวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิตหนุ่มผู้นั้นหรือแปดจักรพรรดิ พวกเขาไม่อาจเทียบชั้นถูเมิ่งได้ทั้งด้านความแข็งแกร่งและความสามารถ

ประการแรก ถูเมิ่งเป็นศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ หนึ่งในห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ เขาบ่มเพาะในเขาเทพพยากรณ์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นสภาพกายหรือความสามารถโดยกำเนิดย่อมเลิศล้ำห่างไกลผู้เลิศล้ำทั่วไป

เรื่องนี้เห็นได้ชัดมากจากการถกวิถีเต๋าที่จัดขึ้นโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ ศิษย์แต่ละคนที่เข้าร่วมประชันในครั้งนั้นล้วนเป็นอัจฉริยะไม่ธรรมดา เหนือชั้นเกินยอดยุทธ์ผู้ใดในโลกหล้า นอกจากนั้น ในเมื่อถูเมิ่งโดดเด่นติดสามสิบอันดับสูงสุดได้ มันก็แสดงชัดว่าสภาพกายและความสามารถโดยกำเนิดของเขาล้ำเลิศเพียงไร

ประการที่สอง ถูเมิ่งได้แปรสภาพดูดซับแก่นแท้เอกภพของหนึ่งเอกภพในแดนรวนเรลืมเลือน เพียงเรื่องนี้ลำพังก็เพียงพอให้จ้าวเอกภพมากมายในแดนเทพโบราณรู้สึกละอายด้อยกว่าได้แล้ว

เพราะถึงอย่างไร กระทั่งจักรพรรดินีอวี้เชอยังไม่อาจแปรสภาพดูดซับแก่นแท้เอกภพอันไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อนได้ นอกจากนั้น เหตุผลที่พวกเฉินซีบากบั่นยอมเสี่ยงเข้าไปในแดนรวนเรลืมเลือนอันลึกลับก็เพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งเกินธรรมดายามพัฒนาขึ้นเป็นจ้าวเอกภพ

ด้วยเหตุเช่นนี้ ประกอบกับมรดกสูงสุดของเขาเทพพยากรณ์ที่ถูเมิ่งมี จึงเป็นที่ชัดเจนว่าอำนาจต่อสู้ของถูเมิ่งน่าสะพรึงกลัวเพียงไร

ขณะเดียวกัน แม้กลุ่มจากตระกูลกงเหย่จะได้เปรียบเรื่องจำนวน อำนาจเฉลี่ยของพวกเขาไม่อาจเทียบชั้นถูเมิ่งได้เลย

ดังนั้นผลลัพธ์ของเรื่องนี้จึงถูกลิขิตไว้นับแต่ศึกเริ่ม

ขณะนี้ เมื่อเขาฟังคำวิเคราะห์ศึกของเฉินซีจบ หลีเหวินไท่ก็แน่ใจว่าคนผู้นี้คือศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์ไม่ผิดแน่!

เพราะความที่เขาสามารถวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดเป็นข้อพิสูจน์ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีสูงล้ำเกินคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย มิเช่นนั้น เขาไม่มีทางทำเช่นนี้ได้เลย

แต่หลีเหวินไท่ก็สุดฉงนใจ เพราะปราณของเฉินซีแผ่วบางสุดอ่อนแอเสียจนเหมือนการโจมตีเดียวก็ยังรับไม่ได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“เฉินซี แล้วเจ้าเล่า?” เห็นได้ชัดว่าเสวี่ยอวิ๋นก็งุนงงเช่นกัน และอดถามไม่ได้

“ข้า?” เฉินซีนิ่งไป ก่อนจะตระหนักถึงความนัยของเสวี่ยอวิ๋น อดไหวไหล่กล่าวอย่างจนใจมิได้ “ข้าเผชิญอุบัติเหตุมา แต่ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้”

“เช่นนั้น หากเจ้าสมบูรณ์พร้อม จะสามารถจัดการเจ้าพวกสมควรตายทั้งหมดได้หรือไม่?” เสวี่ยอวิ๋นถามอีกคำถาม ดวงตากระจ่างเรืองรองโรจน์รุ่ง

“อืม” เฉินซีพยักหน้า แต่ไม่ขยายความ เพราะนั่นจะทำให้ดูเหมือนอวดสรรพคุณตัวเอง เขาแน่ใจว่าหากตนเป็นผู้ไปสู้แทน ศึกจะจบลงในเวลาแสนสั้น ไม่ต้องพิรี้พิไรทุ่มเทกำลังเช่นถูเมิ่งเลย

“ยายหนูซื่อบื้อ เจ้าไม่ได้ยินสหายเต๋าถูเมิ่งเรียกสหายเต๋าเฉินซีว่าอาจารย์อาหรือ? ความแข็งแกร่งของสหายเต๋าเฉินซีย่อมสูงกว่ามากเป็นธรรมดา” หลีเหวินไท่ทอดถอนใจจากด้านข้าง แต่ในใจขื่นขมอย่างยิ่ง

เขายังจำได้ว่า ทั้งเฉินซีและถูเมิ่งเป็นเพียงตัวตนสูงสุดในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลในการถกวิถีเต๋าเมื่อหลายปีก่อน

แต่ยามนี้ เวลาผ่านไปไม่กี่ร้อยปี ทั้งสองก็เติบโตจนถึงเพียงนี้ ถึงขนาดที่จักรพรรดิอย่างเขายังรู้สึกอับอายอ่อนด้อย เกินคาดคิดอย่างยิ่ง

บางทีนี่อาจเป็นแสนยานุภาพของเขาเทพพยากรณ์ ในฐานะศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ พวกเขาย่อมมิใช่ผู้ที่สามารถใช้เกณฑ์ทั่วไปมาวัดหยั่ง

หลีเหวินไท่เหม่อมองไปเบื้องหน้า

“อ๊าก!!” ทันใดนั้น หนึ่งเสียงแผดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น

จักรพรรดิผู้หนึ่งจากตระกูลกงเหย่ถูกขวานของถูเมิ่งสับเป็นสองเสี่ยง สาดโลหิตกระจายรอบทิศ เป็นภาพการตายอันสุดสยองพองขน

พริบตานั้น หลีเหวินไท่และเสวี่ยอวิ๋นต่างผงะ โหดร้ายแท้!

ความตายของจักรพรรดิผู้นี้เป็นเช่นชนวนเหตุ ไม่นานจากนั้น ศัตรูของเขาก็ตายตกตามกันอย่างน่าเวทนา

หากมิใช่ถูกสะบั้นหัว วิญญาณถูกยันต์เทวะขยี้แหลก ก็กระดูกในกายสลายเป็นชิ้นเสี่ยง….

สมรภูมิเต็มไปด้วยโลหิต ฉาบย้อมแดงฉาน เสียงแผดร้องน่าเวทนากึกก้องระงมทั่ว

ขณะเดียวกัน ถูเมิ่งดูประหนึ่งมารร้ายกระหายเลือดอันอาบชุ่มด้วยโลหิตศัตรู และนั่นทำให้ฤทธายิ่งใหญ่ยิ่งโอ่อ่า เย็นเยียบ ร้ายกาจน่าสะพรึงกลัว

“ฆ่า!” ถูเมิ่งแผดเสียงลั่น จิตต่อสู้พรั่งพรูทั่วกาย ต่อสู้ทั้งร่างโชกเลือด เหวี่ยงขวานฟาดฟันประหนึ่งจะสับแยกโลกา ทำลายสรรพสิ่ง

ชายผู้ดูเหมือนบัณฑิตและคณะกู่ก้อง ทว่าเสียงกลับเต็มไปด้วยโทสะและความแค้น ถึงขนาดที่เจือความกลัวและลนลานอยู่บางส่วน

ในศึกขณะนี้ พวกเขาหรือจะยังไม่รู้ว่าฝีมือตนไม่อาจเทียบชั้นเจ้าคนดุร้ายป่าเถื่อนนี้ได้!

โดยเฉพาะเมื่อสหายถูกสังหารไปตาม ๆ กัน ความต่างชั้นระหว่างสองฝ่ายก็ยิ่งห่างไกล….

เปรี้ยง!

ไม่ทันไร จักรพรรดิคนที่เจ็ดก็ถูกหนึ่งลูกเตะจากถูเมิ่งขยี้อกแหลก โลหิตสาดย้อมเวหา ตกตายโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะแผดร้อง

ขณะนี้เหลือเพียงบัณฑิตหนุ่มและจักรพรรดิอีกหนึ่งคน พวกเขาสิ้นหวังไม่เหลือดี!

ความหวาดหวั่นไร้ขอบเขตเริ่มคืบคลานไปทั่วกายเช่นสายธาร ทำให้พวกเขารู้สึกราวตกอยู่ในโพรงน้ำแข็ง วิญญาณเจียนหลุดลอยจากร่าง!

ขณะนี้ พวกเขาลืมเรื่องฆ่าเฉินซี ขยี้ถูเมิ่งไปสิ้นเชิง เพราะแค่รักษาชีวิตก็ยังมิใช่เรื่องแน่นอน

“แค้นนัก!!” บัณฑิตหนุ่มสีหน้าบูดเบี้ยว แผดเสียงอย่างแค้นเคือง ไม่คิดไม่ฝันว่าโอกาสงามในการกำจัดเฉินซีจะพังทลายไปเพราะถูเมิ่ง!

ไม่เคยคาดคิดว่าจ้าวเอกภพหนึ่งดาราอย่างถูเมิ่งจะมีอำนาจต่อสู้ดุร้ายมหาศาลเช่นนี้!

โถงบวงสรวงของตระกูลเสวี่ยถูกทำลาย กระทั่งอาคารในรัศมีหมื่นลี้ยังถูกป่นเป็นผง แดนดินระแหงเละเทะ

เฉินซีนั่งบนศิลาแตกก้อนหนึ่ง ครุ่นคิดเงียบ ๆ ลำพัง ขณะที่ถูเมิ่งยืนอารักขาเขาอยู่ข้าง ๆ

เสวี่ยอวิ๋นและหลีเหวินไท่มุ่งหน้าไปยังแดนเทวาวิญญาณน้ำแข็งเพื่อช่วยเหลือคนในตระกูลของเสวี่ยอวิ๋น เฉินซีย่อมไม่เสนอหน้าเข้าแทรกแซง เพราะนั่นเป็นเรื่องภายในของตระกูลเสวี่ย

ต้นตอแท้จริงแห่งความกังวลของเขานั้นคือ หลังแพ้พ่ายเช่นนี้ ตระกูลกงเหย่ไม่มีทางรามือ ต่อให้ไม่กล้าเล่นงานตน พวกเขาก็จะระบายโทสะกับตระกูลเสวี่ยแน่นอน

“ยุ่งยากเสียจริง” เฉินซีรำพึง

“อาจารย์อา เมื่อครู่ข้าเลินเล่อไปจริง ๆ” ถูเมิ่งกล่าวเสียงเบา

เฉินซีโบกมือ “ไม่ใช่ความผิดเจ้า ต่อให้เจ้าฆ่าเจ้านั่นไป อีกไม่นาน ตระกูลกงเหย่ก็จะหันมาเพ่งเล็งสนใจกันอยู่ดี”

ถูเมิ่งขมวดคิ้ว “เช่นนั้น เราควรทำเช่นไรขอรับ?”

“เราไร้หนทางนอกจากต้องอยู่ต่อที่นี่สักเดี๋ยว ข้าจะฉวยโอกาสนี้ฟื้นตัวให้สมบูรณ์” เฉินซีครุ่นคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาเช่นนี้ เขาไม่ได้จากไปทั้งเช่นนี้เพราะผลลัพธ์ของมันยามตระกูลกงเหย่มาคิดบัญชีตระกูลเสวี่ยจะเกินคาดคิดแน่ทีเดียว

เท่าที่เฉินซีรู้ ในเมื่อเขาช่วยเสวี่ยอวิ๋นแล้ว เขาย่อมไม่ช่วยนางแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ให้เป็นปัญหา

เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ และพูดเสียงสุขุม “แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ข้าจะมุ่งหน้าสู่ตระกูลกงเหย่เองยามฟื้นกำลังสมบูรณ์ และจะจัดการกับอันตรายที่ยังแฝงเร้นเสีย”

เขาไม่ได้ตัดสินใจเช่นนี้เพียงเพื่อจะช่วยตระกูลเสวี่ย แต่ยังเป็นการสะสางหนี้แค้นระหว่างเขาและตระกูลกงเหย่ตลอดหลายปีด้วย

ขณะนั้น เจิ้นหลิวชิงเกือบตกตายเพราะกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราที่กงเหย่เจ๋อฟูใช้กับนาง นอกจากนั้น กระทั่งอาจารย์ของนาง นักพรตเต๋าเซวี่ยยังถูกตระกูลกงเหย่สังหาร

เฉินซีไม่มีทางลืมเรื่องนี้!

ขณะเดียวกัน หนึ่งเสียงเอะอะพลันกระหึ่มมาจากไกล ๆ ปลุกเฉินซีขึ้นจากภวังค์ครุ่นคิด

“อาจารย์อา คนตระกูลเสวี่ยทั้งหลายน่าจะถูกช่วยออกมาได้แล้วขอรับ” ถูเมิ่งกล่าว

เฉินซีสั่งอย่างเรียบเฉย “เจ้าไปพบคนตระกูลเสวี่ยพวกนั้น จำไว้ว่า เจ้าต้องบอกพวกเขาว่าห้ามเปิดเผยข่าวที่เราอยู่ในตระกูลเสวี่ยเด็ดขาดนะ”

ถูเมิ่งอดถามมิได้ “อาจารย์อา แล้วท่านเล่า?”

“ข้า?” เฉินซีแย้มยิ้มพลางลุกขึ้น “ย่อมต้องไปทำสมาธิบ่มเพาะสักพัก จริงสิ ขอข้าใช้เอกภพในกายเจ้าหน่อย….”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]