บทที่ 1988 ศพที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
………………..
บทที่ 1988 ศพที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อรู้ว่าเฉินซีกำลังเข้าใจผิด หัวใจของถูเมิ่งก็เต้นแรง ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวว่า “อาจารย์อา นี่คือสิ่งของที่ผู้นำตระกูลเสวี่ยยืนกรานที่จะมอบแก่ท่าน และข้าก็ไม่อาจปฏิเสธเขาได้ แม้จะพยายามหลายครั้งแล้วก็ตาม”
เฉินซีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้น?”
หม้อหยกผสานเต๋า เป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่พิเศษและหายาก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ ดังนั้นแม้ว่าเสวี่ยฉางคงจะต้องการขอบคุณ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมอบของขวัญที่มีค่าเช่นนี้แก่เขา
ถูเมิ่งกล่าวว่า “ตามที่เสวี่ยฉางคงกล่าว ส่วนที่มีค่าที่สุดของหม้อหยกผสานเต๋าคือปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์ที่ถูกผนึกอยู่ภายในนั้น ตามข่าวลือ มันเป็นสมบัติที่ถือกำเนิดภายในความโกลาหลและมันสามารถการใช้งานได้อย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อใช้มันเพื่อทะลวงขอบเขตมหาเทพเต๋า มันสามารถให้ผลที่มีประโยชน์มากมายเกินคณานับ!”
เมื่อกล่าวจบ เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ใช่แล้ว ถูเมิ่งรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด มันเป็นสมบัติที่มีประโยชน์สำหรับใช้เพื่อทะลวงสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า มันไม่ใช่แค่ล้ำค่าเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ได้รับมาโดยบุญวาสนาเท่านั้น!
เฉินซีรู้สึกตกตะลึงในใจ และกล่าวอย่างครุ่นคิด “หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตระกูลกงเหย่จะรวบรวมยอดฝีมือ โดยหวังยึดสมบัตินี้….”
เขาทราบดีว่าบางทีปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์อาจมีค่าอย่างมากสำหรับผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไป แต่มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเขาเลย อย่างไรก็ตาม มันเป็นสมบัติล้ำค่าและหายากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับผู้ที่ต้องการทะลวงสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า
ขอบเขตมหาเทพเต๋า!
พวกมันคือการดำรงอยู่บนยอดของแดนเทพโบราณ! มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถบรรลุระดับการบ่มเพาะนี้ได้!
ตัวอย่างเช่น เหตุผลที่มหาอำนาจของเอกภพจักรวรรดิสามารถครอบครองอำนาจอันมหาศาลได้ ก็เพราะพวกเขามีมหาเทพเต๋าอยู่ในกองกำลังของพวกเขา
ในทางกลับกัน มหาเทพเต๋ายังคงเป็นเสาหลักที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้ในห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ
มันไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกแล้ว เพราะระดับการบ่มเพาะดังกล่าวได้ทะลุผ่านเส้นทางการบ่มเพาะปกติแล้ว และพวกเขาก็เริ่มทำความเข้าใจต่อมหาเต๋าแห่งลิขิต!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นเรื่องยากเพียงใดที่กองกำลังต่าง ๆ จะครอบครองมหาเทพเต๋าในหมู่พวกเขา
แต่ปราณวิญญาณหิมะเจ็ดอัศจรรย์นั้นมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ และยังสามารถให้ผลประโยชน์มากมายเมื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่ามันมีค่าอย่างน่าตกใจเพียงใด
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตระกูลกงเหย่ได้ส่งจ้าวเอกภพและจักรพรรดิทั้งแปดคนมาก่อนหน้านี้ เพราะไม่ว่าใครก็ย่อมรู้สึกละโมบเมื่อทราบเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ เฉินซียังคงรู้สึกไม่เชื่อว่าเสวี่ยฉางคงจะมอบมันให้กับเขา…
“บางทีพวกเขาอาจตระหนักว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่สามารถปกป้องสมบัตินี้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นแทนที่จะต้องทนทุกข์กับชะตากรรมเช่นนี้ ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะมอบมันไปเพื่อแลกกับการอยู่รอดและความสงบสุข”
ถูเมิ่งกล่าวตามการวิเคราะห์ของตนเอง “ดังที่กล่าวไว้ว่า ความมั่งคั่งจะนำมาซึ่งภัยพิบัติ เนื่องจากพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องสมบัตินี้ได้ ดังนั้นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดคือมอบมันให้กับผู้อื่น”
“ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถตอบแทนเราด้วยการทำเช่นนี้ พวกเขายังจะมีความเกี่ยวข้องทางอ้อมกับเขาเทพพยากรณ์อีกด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างแน่นอน”
เฉินซีเหลือบมองถูเมิ่งด้วยความประหลาดใจทันที หลังจากที่เขาฟังการวิเคราะห์ของถู่เหมิงจบ จากนั้นเขาก็ชมว่า “การวิเคราะห์ของเจ้าไม่เลวเลย”
ถูเมิ่งเกาศีรษะ ก่อนจะเผยยิ้มอย่างโง่งม
หลังจากนั้น เขาก็ถอนหายใจ “แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เราช่วยเหลือพวกเขาโดยเห็นแก่มิตรภาพกับแม่นางเสวี่ยอวิ๋น และเราไม่ได้ต้องการสมบัติใด ๆ จากพวกเขาเลย การกระทำของพวกเขาทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย”
เฉินซีครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องไปสนใจเรื่องเหล่านั้น เสวี่ยฉางคงได้ไตร่ตรองก่อนที่จะทำเช่นนี้ ในฐานะผู้นำตระกูลเสวี่ย เป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูล เจ้าควรตระหนักว่าเมื่อสิ่งใดก็ตามเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และทรัพย์สมบัติ มันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
เฉินซีหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องคิดมาก เรามาช่วยเสวี่ยอวิ๋นกันเถอะ”
ถูเมิ่งพยักหน้า
…
ในคืนนั้นเอง ผู้นำตระกูลเสวี่ย เสวี่ยฉางคงได้จัดงานเลี้ยงให้กับเฉินซีเป็นพิเศษ เมื่อทราบว่าเฉินซีได้ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ
โถงหยกประกาย
โถงรับรองแขกของตระกูลเสวี่ยนั้นก็สว่างไสวไปด้วยแสงจากโคมไฟ
เหล่าบุคคลสำคัญทั้งหมดของตระกูลเสวี่ยล้วนนั่งอยู่ที่นี่ ในขณะที่เฉินซี เสวี่ยฉางคง เสวี่ยเวิ่นชิง เสวี่ยอวิ๋น ถูเมิ่ง และอีกสองสามคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงกลาง
สำหรับคนธรรมดาของตระกูลเสวี่ย พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งที่นี่ และนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามาตรฐานของการปฏิบัติที่เฉินซีได้รับนั้นสูงเพียงใด
หลังจากที่พวกเขากินและดื่มจนอิ่มแล้ว บรรยากาศก็คึกคักรื่นเริง
อาการบาดเจ็บของเสวี่ยฉางคงเพิ่งทุเลา ดังนั้นเขาจึงมีกำลังใจที่ดี ดื่มอวยพรให้แก่เฉินซีซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น และมีอัธยาศัยดีมาก
เฉินซีไม่อาจทนที่จะปฏิเสธความตั้งใจดีของเสวี่ยฉางคง ดังนั้นเขาจึงไม่เคยปฏิเสธสุราแม้แต่จอกเดียว และมันทำให้คนตระกูลเสวี่ยที่อยู่ที่นี่รู้สึกเคารพเฉินซีมากขึ้น
ในฐานะศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์ เฉินซีวางตัวอย่างสำรวมสุภาพ ไร้ท่าทีจองหองหรือหยิ่งผยอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะมีความประทับใจที่ดีต่อเขา
ต่อมา เสวี่ยอวิ๋นก็เริ่มดื่มอวยพรให้กับเฉินซี วันนี้นางจงใจแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ผิวขาวยิ่งกว่าหิมะ ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและงดงามแดงระเรื่อเล็กน้อย หลังจากดื่มสุราไปสองสามจอก ทำให้นางดูบอบบาง โดดเด่น และสง่างาม
เสวี่ยอวิ๋นดื่มสุราอีกจอก ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวเริ่มพร่ามัว ดูมึนเมาเล็กน้อย ขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความโศกเศร้า “เฉินซี ขอบคุณเจ้ามาก ข้ากังวลมาตลอดว่าเจ้าจะไม่… ถือว่าเป็นสหายของเจ้าในวันข้างหน้า…”
ทันใดนั้น จู่ ๆ ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาและสะดุดเข้าไปในห้องโถง จากนั้นก็โวยวายอย่างหวาดกลัว “ศัตรูอยู่ที่นี่! ศัตรูอยู่ที่นี่!”
เสียงครึกครื้นในห้องโถงพลันหายไปหมดสิ้น ทุกคนหยุดทุกสิ่งที่กระทำ ก่อนจะจ้องมองไปยังร่างที่พุ่งเข้ามาพร้อม ๆ กัน พวกเขาจำได้ว่าร่างนั้นเป็นคนรับใช้ของตระกูล ซึ่งพวกเขาเองก็ประหลาดใจและสับสนทันทีเช่นกัน
บรรยากาศกลายเป็นเงียบสนิท
“เกิดอะไรขึ้น?” เสวี่ยฉางคงขมวดคิ้วและตำหนิด้วยเสียงทุ้มลึก
คนรับใช้กล่าวตะกุกตะกักว่า “ศะ…. ศัตรูได้บุกเข้ามา และพวกมันมากันเยอะมาก!”
ศัตรู!
ดวงตาของคนตระกูลเสวี่ยหรี่ลง “หรือว่าตระกูลกงเหย่จะมาเพื่อล้างแค้น?”
“เอาละ ออกไปดูกันเถอะ!” เสวี่ยฉางคงยืนขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน และก้าวยาว ๆ ออกจากห้องโถงไป
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น คนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นยืนและพุ่งตามหลังเขาไป งานเลี้ยงที่คึกคักแต่เดิมถูกขัดจังหวะด้วยเหตุการณ์ไม่คาดคิดทันที
“ไปดูกันเถอะ” เฉินซีลุกขึ้นยืน ดวงตาสีดำสนิทดุจเหวลึกนั่นเต็มประกายอันเยียบเย็นดุจเหวลึก ในใจกลับหวังว่าศัตรูที่บุกมาคือกองกำลังที่ตระกูลกงเหย่ส่งมา
“ตกลง!” ถูเมิ่งระเบิดเสียงหัวเราะ รอยยิ้มอันดุร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยาบกร้านของเขา ดูสุดแสนตื่นเต้น
“ข้าก็ไปด้วยคน” ด้วยความตกใจ นางถึงกับสร่างทันที และเดินตามเฉินซีออกจากห้องโถงเช่นกัน
บริเวณด้านนอกห้องโถง ดวงจันทร์เย็นยะเยือกที่เปล่งแสงเย็นเฉียบก็ลอยเด่นอยู่เหนือท้องฟ้า
เหล่าคนของตระกูลเสวี่ยได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว
โครม!
ทันทีที่เฉินซีเพิ่งเดินออกจากห้องโถง จู่ ๆ เงาสีดำก็ตกลงมาจากท้องฟ้า และมันกระแทกลงบนพื้นเหมือนกระสอบทราย
มันเป็นศพเละเทะรุ่งริ่ง และดูเหมือนจะเสียชีวิตนานแล้ว
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของศพนี้อย่างชัดเจน ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงทันที
เพราะมันคือหลีเหวินไท่!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...