เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1991

บทที่ 1991 กวาดล้างต่อเนื่อง

………………..

บทที่ 1991 กวาดล้างต่อเนื่อง

ฟ้าดินทั่วทิศลั่นสะท้าน สมบัติศักดิ์สิทธิ์โผนทะยาน ทั่วหล้าโคลงคลอน สรรพวิชาโปรยปราย ดูประหนึ่งดวงตะวันแผดผลาญระเบิดตามกันเป็นลูกโซ่ ส่งมวลวายุอัดกระแทกท่ามกลางศึกสงคราม

สถานที่พำนักตระกูลเสวี่ยกลายเป็นซากในเฉียบพลัน บรรยากาศรกร้างวังเวง

วูบ!

สมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปร่างเหมือนกระสวยสีดำสนิทชิ้นหนึ่งทะยานเข้าใกล้ แผ่กฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์คมกริบดุดันฉีกกระชากมิติ แทงทะลวงเข้าใส่คอของเฉินซีอย่างรุนแรง

เฉินซีสะบัดแขนเสื้อปัดการโจมตีนี้ออกไป จากนั้นจึงรุดหน้าเข้าหาลั่วเชียนฉื่อ เพราะก่อนหน้านี้ลั่วเชียนฉื่อบาดเจ็บสาหัส อำนาจต่อสู้จึงลดลงเล็กน้อย ดังนั้นหากไม่ฉวยโอกาสนี้ฆ่าเสีย กระทั่งเฉินซียังต้องรู้สึกเสียดาย

“ตาย!” ทันใดนั้น สมบัติศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้นซึ่งดูคล้ายจานก็ทะยานสู่เวหา เรืองรัศมีฟุ้งกระจายเช่นหมอก แฝงอำนาจกัดกร่อนวิญญาณ

“ไสหัวไป!” เสียงของเฉินซีฟังเยี่ยงอัสนียามวสันต์ เลื่อนลั่นฟาดจานใบนั้นกระเด็นไปเช่นมังกรคำรน ส่งเสียงโหยไห้ก้องระรัว

เขาเผยฤทธาร้ายกาจ ร่างทะยานสุญญะ เรืองอำนาจสูงส่งไร้ขอบเขต

บัณฑิตหนุ่มและคณะทั้งตะลึงและเดือดดาล ต่างคนต่างงัดไพ่ตาย ทุ่มสุดฝีมือเพื่อล้อมโจมตีเฉินซี มิกล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย

พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีท้าทายสวรรค์เกินไป คงไร้ผู้ใดสยบเขาได้ในภายหน้าหากไม่ฆ่าเสียวันนี้!

ครืน!

ศึกยิ่งทวีความดุเดือดเข้มข้นขึ้นทุกขณะ แดนดินทั่วทิศปั่นป่วน เต็มไปด้วยความวินาศรวนเร

ขณะนี้ ถูเมิ่งทำได้เพียงต้องพาคนตระกูลเสวี่ยถอยร่นเลี่ยงลูกหลงจากสงครามอย่างไม่ลดละ

“สหายเต๋าถูเมิ่ง ไยไม่ฉวยโอกาสนี้เข้าช่วยเหลือสหายเต๋าเฉินซีหน่อยเล่า? ส่วนเรื่องที่นี่ ให้ข้าจัดการเอง” ทันใดนั้น เสวี่ยฉางคงก็ส่งกระแสปราณหาถูเมิ่ง เขาไม่สงสัยว่าอำนาจต่อสู้ของเฉินซีร้ายกาจเพียงไร แต่เขาเป็นห่วงสถานการณ์ของเฉินซีอยู่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือการร่วมมือของจ้าวเอกภพสิบสองคน ผลที่ตามมาหากเกิดเรื่องผิดพลาดย่อมเกินคาดเดา

เท่าที่เขาทราบ อำนาจต่อสู้ของถูเมิ่งร้ายกาจจริงแท้ เพราะถูเมิ่งลำพังก็ทำให้บัณฑิตหนุ่มหนีกระเจิงเพราะความกลัวได้ และขณะนั้น เขากระทั่งบดขยี้จักรพรรดิแปดคนของตระกูลกงเหย่ลงด้วย

ดังนั้น การให้ถูเมิ่งอยู่คุ้มกันพวกเขาในยามนี้จึงน่าเสียดายฝีมือเขาอยู่นิดหน่อย

“ไม่ต้องหรอก” ถูเมิ่งลังเลเล็กน้อย ก่อนที่สุดท้ายจะตอบปฏิเสธ เขาย่อมอยากไปช่วยอาจารย์อาของเขาต่อสู้อยู่แน่แท้ แต่เขาตระหนักดีว่าหน้าที่ของตนคือต้องปกป้องสมาชิกตระกูลเสวี่ย นี่คือคำสั่งอาจารย์อา เขาไม่อาจบิดพลิ้วได้

“เจ้าไม่กังวลหรือ?” เสวี่ยฉางคงนิ่งไป และอดถามออกมามิได้

“กังวลสิ” ถูเมิ่งตอบอย่างไร้ความลังเล “แต่ข้าเชื่อว่า ในเมื่ออาจารย์อาของข้ากล้าทำเช่นนี้ เขาก็ต้องมั่นใจเต็มที่แน่นอนว่าจะชนะศึกได้!”

เสวี่ยฉางคงนิ่งไป มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?

ระหว่างศึก แรงกดดันที่เฉินซีเผชิญเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่เขาไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย กลับกัน เขากลับยิ่งหาญกล้ายามศึกดำเนิน ดวงตาซึ่งเดิมสงบเงียบวาวโรจน์ด้วยจิตสงครามผลาญแผด

จำนงต่อสู้ของเขากำลังลุกโชน!

นี่คือศึกแรกนับแต่เขากลับมายังแดนเทพโบราณจากแดนรวนเรลืมเลือน และยังเป็นศึกแรกนับแต่เขาเป็นจ้าวเอกภพสามดาราด้วย

ในสายตาเขา บัณฑิตหนุ่มและคณะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่เป็นหินลับมีด และบังเอิญปรากฏตัวได้จังหวะ ทำให้ได้โอกาสทดสอบขีดจำกัดความแข็งแกร่งของตัวเองพอดิบพอดี!

เพราะถึงอย่างไร ทุกขอบเขตการบ่มเพาะหมายถึงอำนาจอันใหม่เอี่ยม มิต้องพูดถึงเรื่องที่เฉินซีแปรสภาพแก่นแท้เอกภพถึงเก้าแห่งก่อนจะบรรลุเป็นจ้าวเอกภพ! กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน ฝีมือของเขาลึกล้ำเสียจนคงไร้ผู้ใดในโลกหล้าเทียบชั้นได้

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เฉินซีไม่ใช่จ้าวเอกภพหนึ่งดาราแล้ว แต่เป็นจ้าวเอกภพสามดารา! แม้จะเป็นความต่างชั้นเพียงสองระดับ แต่ระยะห่างระหว่างความแข็งแกร่งที่เขามีนั้นกว้างใหญ่เช่นสวรรค์กับโลก

กล่าวคือ ความแข็งแกร่งของเขาทะยานสูงเกินผู้ใด แม้เทียบกับจ้าวเอกภพสามดาราด้วยกัน เขาจึงต้องการศึกอันคู่ควรเพื่อวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของตนอย่างเร่งด่วน

การทำเช่นนั้น มิเพียงเขาจะสามารถทำความเข้าใจอำนาจต่อสู้ของตนได้ลึกซึ้งขึ้น การใช้ศึกขัดเกลายังจะทำให้เขาคุ้นเคย และควบคุมอำนาจใหม่เอี่ยมนี้ของตนได้สมบูรณ์ขึ้นอีก!

ดังนั้นศึกตรงหน้าเขานี้จึงมีบทบาทเป็นหินลับมีดอย่างไร้กังขา ทำให้เฉินซีสามารถวิเคราะห์ตัวเองระหว่างการต่อสู้ไปพร้อม ๆ กับทำความคุ้นชินกับอำนาจในมือ ฤทธาที่เขาแสดงจึงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

การเปลี่ยนแปลงทีละน้อยของเฉินซีในศึกนี้ทำให้แรงกดดันต่อบัณฑิตหนุ่มและคณะค่อย ๆ เพิ่มสูง เดิมทีนี่คือศึกอันสมน้ำสมเนื้อ แต่ยามนี้ความได้เปรียบเริ่มเอนเอียงไปทางเฉินซีแล้ว

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของบัณฑิตหนุ่มและคณะยิ่งเคร่งขรึม กระทั่งยากทนมอง ไม่ว่าพวกเขาจะเค้นสมองคิดเพียงไร ก็ไม่อาจคิดออกว่าเหตุใดอำนาจต่อสู้ของเฉินซีจึงท้าทายสวรรค์จนค่อย ๆ พลิกสถานการณ์ศึกได้เพียงนี้ ชวนสิ้นหวังจริงแท้!

“แค้นนัก!” ทันใดนั้น ชายชราผู้หนึ่งก็เกินทานทน เขาแผดเสียงสนั่นลั่น ดึงม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่อันเก่าแก่และเรียบง่ายออกมา มันกางออกบดบังท้องนภาไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่อักขระเต๋าลึกล้ำนับไม่ถ้วนจะโปรยปรายออกมา ผนวกลักษณ์เป็นอัสนีฟาดเปรี้ยงลงใส่เฉินซี!

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันแข็งแกร่งสุดยอด แผลงฤทธาโดดเด่นเหนือธรรมดาทันทีที่ถูกใช้

ปิ๊ง! ปิ๊ง! ปิ๊ง!

ทว่าขณะเดียวกันนั้นเอง เหรียญทองแดงสีทองโรจน์เรืองสามเหรียญก็ถูกดีดออกจากมือเฉินซี ส่งเสียงกังวานใสสนั่นฟ้าดิน สกัดม้วนคัมภีร์ไม้ไผ่นั้นได้ทันที!

“แย่แล้ว!” สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยน เขารู้ว่านั่นคือเหรียญทองแดงโปรยสมบัติ

แต่เกินคาด เฉินซีไม่ได้ฉวยโอกาสนี้โจมตีชายชรา ร่างของเขาวูบไหวพุ่งไปด้านข้างเสียแทน

เพียงพริบตา ทั่วทิศก็สงัดงัน สรรพสิ่งสิ้นสามารถเปล่งวจีใด ความรู้สึกหวาดผวาสุดขั้วแผ่ซ่านเกาะกุมทุกดวงใจ ทำให้สีหน้าทุกคนล้วนแปรเปลี่ยน วิญญาณเจียนหลุดลอย

นี่มันการโจมตีอะไรกัน?

แข็งแกร่งเสียจนไม่อาจนิยาม เผยอำนาจเต๋าแห่งกระบี่คมกริบหมายชีวิตสุดขีดจำกัด เรืองฤทธิ์แข็งกล้าไม่อาจหยุดยั้ง

ขณะเดียวกัน การโจมตีนี้ก็ดูเหมือนคมเคียวยมราชในสายตาบัณฑิตหนุ่มและคณะ ฟาดฟันลงหมายเกี่ยวชีวิตพวกเขาไป!

ความแข็งแกร่งของพวกเขาถูกโคจรอย่างถึงขีดสุดโดยสัญชาตญาณ แผลงวิชาไม้ตายสูงสุดอย่างไม่กล้าออมมือ

เปรี้ยง!

หนึ่งพื้นที่ว่างโล่งปรากฏขึ้นในแดนดิน สรรพสิ่งภายในนั้นถูกบดขยี้สิ้นสูญ เนื่องด้วยปราณกระบี่นี้คมกริบทรงพลังเกินไป

แม้พวกบัณฑิตหนุ่มจะหลบกันได้ แต่พวกเขาก็ยังสะบักสะบอมเหลือแสน สีหน้าของพวกเขาซับซ้อน ดุร้ายและรวนเร

การโจมตีนี้ร้ายกาจเกินไป ยามมองพื้นที่ว่างเปล่านั้น ความกลัวอันแรงกล้าก็ยังอ้อยอิ่งไม่สิ้นจากใจ

เปรี้ยง!

ก่อนพวกเขาจะทันไหวตัว เฉินซีก็ลงมือโจมตีเข้ามาอีก เจตจำนงกระบี่พุ่งทะลวงทั่วทิศในโลกหล้า เผยความลึกล้ำไว้ขอบเขตสาดส่องโลกา

ปราณกระบี่ทะยานเป็นระลอกติดต่อ คลื่นลูกหลังรุนแรงยิ่งกว่าลูกก่อน ทำให้บัณฑิตหนุ่มและคณะไร้ทางเลือกนอกจากต้องหลบอย่างไม่หยุดหย่อน ตกอยู่ในสภาวะน่าเวทนา มิกล้าเผชิญการโจมตีเหล่านี้ตรง ๆ แม้แต่น้อย

พรวด!

ทว่าชายชราผู้หนึ่งก็หลบไม่พ้น ถูกหนึ่งในปราณกระบี่ไพศาลไร้ขอบเขตฟาดฟัน พริบตานั้น ร่างของเขาระเบิดเป็นเสี่ยง แปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงไปทันที!

พิรุณโลหิตพร่างพรม เสียงแผดร้องโหยหวนยามตกตายกึกก้องทั่วโลกา สะท้านสะเทือนทุกดวงใจ พวกเขาตายไปอีกคนแล้ว!

“ไม่!!” บัณฑิตหนุ่มและพวกร้องลั่นด้วยโทสะและความเศร้า พวกเขารู้สึกยากยอมรับกับผลลัพธ์เช่นนี้ยิ่งนัก ยามก่อนที่พวกเขามาประกาศโทษเฉินซี มีหรือจะคิดว่าเหตุเกินคาดฝันเช่นนี้จะเกิดแม้พวกตนจะเตรียมการมาพร้อมสรรพ?

เพลิงโทสะและความไม่ยินยอมสุดขั้วผลาญแผดในใจทุกดวง ดวงตาเหลือกเจียนถลน พวกเขาแต่ละคนกรุ่นเดือดด้วยความโมโห ใบหน้าบูดเบี้ยวบึ้งตึงถึงขีดสุด

แต่เฉินซีกลับดูเหมือนไม่รับรู้ สีหน้าของเขาสุขุมเฉยชาไร้อารมณ์ใด ๆ และลงมือจู่โจมอย่างดุเดือดอีกครั้งหลังสังหารชายชราผู้นั้นไป

นับแต่ยามนี้ในศึก เฉินซีก็ไม่คิดปล่อยผู้ใดรอดไปอีก!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]