เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2000

บทที่ 2,000 ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์

………………..

บทที่ 2,000 ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์

อู๋เซวี่ยฉานไม่ตอบ หันไปให้คำแนะนำกับถูเมิ่ง ก่อนจะพาเฉินซีออกจากห้องโถงไป

อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งระหว่างทาง จากนั้นเขาก็ยกยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจำสิ่งที่ข้าสัญญากับเจ้าเมื่อเจ้าออกจากเขาเทพพยากรณ์เพื่อเข้าร่วมการถกวิถีเต๋าได้หรือไม่”

เฉินซีตกตะลึง และทันใดนั้นก็จำได้ว่า เขาตั้งใจจะถามศิษย์พี่ใหญ่เกี่ยวกับบิดามารดาของตน หากอู๋เซวี่ยฉานไม่พูด เฉินซีก็เกือบจะลืมไปแล้ว

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านได้เบาะแสของบิดามารดาข้าแล้วหรือ?”

อู๋เซวี่ยฉานพยักหน้า “อันที่จริง ข้ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ดังนั้นข้าจึงปกปิดมันไว้”

เฉินซีตกตะลึง ศิษย์พี่ใหญ่รู้มานานแล้วเหรอ? แล้วถึงยังบอกไม่ได้?

“ศิษย์น้องเล็ก ตั้งแต่ตอนที่เจ้าอยู่ในสามภพ เจ้าเองก็คงสังเกตเห็นว่าตัวตนของบิดาเจ้านั้นพิเศษมาก” อู๋เซวี่ยฉานถอนหายใจ และดูเหมือนจะหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต

เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็พยักหน้าและระงับความสงสัยในใจอย่างแข็งขัน

เฉินซีตระหนักดีว่า ตัวตนของบิดานั่นเขาพิเศษมาก และเป็นเพราะบิดาของเขามีมากกว่าหนึ่งตัวตน!

เท่าที่เฉินซีทราบ เฉินหลิงจวินได้กลับชาติมาเกิดใหม่ในสามภพมากกว่าหนึ่งครั้ง ในชาติแรก เขาคือเฉินไท่หลิง เป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์นิกายอำนาจเทวะ เขามีอำนาจมหาศาลในเวลานั้น และอาจกล่าวได้ว่า ภายในนิกายอำนาจเทวะทั้งหมด เขาอยู่ภายใต้คนเพียงคนเดียว

ในการกลับชาติมาเกิดครั้งที่สอง เฉินหลิงจวินกลับชาติมาเกิดเป็นศิษย์คนที่สองของฝูซี คือนักพรตเต๋าเซิ่งจี ตอนนั้นชื่อจริงของเขาคือเฉินจี และเขาก็มีสถานะที่สูงส่งเช่นกัน

ในการกลับชาติมาเกิดครั้งที่สาม เฉินหลิงจวินกลับชาติมาเกิดเป็นอวิ๋นฝูเซิง เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ผู้มีความสำเร็จในเต๋าแห่งกระบี่ที่ไม่ธรรมดา

ในการกลับชาติมาเกิดครั้งที่สี่ ในที่สุด บิดาของเขากลายเป็นเฉินหลิงจวิน ลูกหลานของตระกูลเฉินแห่งเมืองหมอกสน ซึ่งเป็นบิดาของเฉินซีและเฉินฮ่าว

มันคงจะดีถ้าเป็นแค่นั้น แต่ประเด็นสำคัญคือ เมื่อเฉินซีมุ่งหน้าไปยังคุกเนตรเซียนเพื่อช่วยเหลือมารดาของเขา จั่วชิวเสวี่ย เขาพบว่าบิดาที่กลับชาติมาเกิดในสามภพนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่คนของสามภพ!

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เฉินหลิงจวินหายตัวไปพร้อมกับจั่วชิวเสวี่ยในเวลานั้น และมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทพโบราณ

เฉินซียังจำได้ว่าบิดาได้ทิ้งแผ่นหยกไว้ให้ ก่อนจะออกจากสามภพไปพร้อมกับมารดา ซึ่งเฉินหลิงจวินขอให้เฉินซีดูแลชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากให้ดี และพวกเขาจะได้พบกันอย่างแน่นอนเมื่อมาถึงแดนเทพโบราณ

แต่จนถึงตอนนี้ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตระหนัก ว่าในขณะที่เขาสร้างวีรกรรมที่เลื่องระบือไปทั่วแดนเทพโบราณ แต่ยังไร้ร่องรอยของบิดามารดา เขาไม่เคยได้ยินแม้แต่เบาะแสเกี่ยวกับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ

นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก

หากพวกเขาอยู่ในแดนเทพโบราณจริง ๆ พวกเขาย่อมต้องเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเฉินซีอย่างแน่นอน ทว่าพวกเขากลับไม่ติดต่อมาเลยสักหน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่ง

บางครั้งเฉินซียังสงสัยว่า บิดามารดาอาจประสบเหตุร้ายที่ไม่คาดคิดหรือไม่…

แน่นอนว่าเขาแค่สงสัยเท่านั้น เขายอมพบพวกเขาช้า ดีกว่าให้พวกเขาต้องประสบเหตุร้ายใด ๆ

“เป็นเพราะตัวตนของเขาพิเศษเกินไป ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกปิดมันจากเจ้า แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะอธิบายทั้งหมดให้เจ้าฟัง” อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานาน ก่อนที่จะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”

ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือ? ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง พลางส่ายหัวอย่างไม่รู้จบ

“ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเทพโดยกำเนิดที่ถือกำเนิดจากภายในความโกลาหล พวกเขาเป็นตระกูลของเทพที่แท้จริง ทันทีที่ลูกหลานของพวกเขาถือกำเนิด ก็ถือเป็นเทพโดยกำเนิดเช่นกัน อีกทั้งยังครอบครองพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ สายเลือดสูงส่งจนมีเอกลักษณ์ไปทั่วทั้งแดนเทพโบราณ”

ภูเขาผนึกเทพ!

ทันใดนั้น เฉินซีก็นึกถึงภูเขาที่เขาเคยเห็นเมื่อตอนที่เข้าสู่เอกภพจักรวรรดิเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนในทันที

ภูเขาลูกนั้นดูเหมือนไกลเกินเอื้อม และตั้งตระหง่านอยู่ในส่วนลึกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ มันถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายที่สง่างามและสูงสุด ซึ่งทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว เต็มไปด้วยความเคารพ

นั่นคือภูเขาผนึกเทพ!

ในเวลานั้น เยี่ยเหยียนที่เดินทางไปกับเฉินซีไปยังเอกภพจักรวรรดิได้บอกเขาว่า ภูเขาผนึกเทพมีอยู่ก่อนการกำเนิดของแดนเทพเจ้าโบราณ และเทวาคารบรรลุเทพก็ตั้งตระหง่านอยู่บนนั้น ตามข่าวลือ เทียบอันดับเทวาถูกซ่อนอยู่บนภูเขาผนึกเทพ อีกทั้งพลังของมันก็ถูกหลอมรวมภายในเต๋าแห่งสวรรค์สูงสุด ซึ่งปกคลุมแดนเทพโบราณทั้งหมด!

ตั้งแต่สมัยโบราณ ภูเขาผนึกเทพนั้นเป็นแดนต้องห้าม มันแสดงถึงศักดิ์ศรีของเต๋าแห่งสวรรค์ และมีเพียงมหาเทพเต๋าเท่านั้นที่สามารถก้าวไปที่นั่นเพื่อทำความเข้าใจต่อความลับที่แท้จริงของเต๋าแห่งสวรรค์

เฉินซียังจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนที่เขามองไปที่ภูเขาผนึกเทพเป็นครั้งแรก ร่องรอยของความผันผวนเกิดขึ้นจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่อยู่ในห้วงลึกภายในห้วงจิตสำนึก ดูเหมือนมันจะรู้สึกเกลียดชังและต่อต้านพลังบางอย่าง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เฉินซีมั่นใจมากขึ้นว่า เทียบอันดับเทวานั้นอยู่บนภูเขาผนึกเทพอย่างแน่นอน

หัวใจของเฉินซีสั่นไหว ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า กองกำลังของกลุ่มผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ช่างน่ากลัวจริง ๆ!

“ข้าแค่จะไปพบบิดาของข้าเท่านั้น และไม่ได้จะไปเป็นศัตรูกับพวก…”

อู๋เซวี่ยฉานขัดจังหวะ “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เจ้าจะต้องประสบเภทภัยอย่างแน่นอน หากมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฉิน!”

“ทำไมหรือ?” หัวใจของเฉินซีสั่นไหว

“เพราะบิดาของเจ้า เฉินหลิงจวิน….” อู๋เซวี่ยฉานลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “หลังจากที่เขากลับมาที่ตระกูลเฉินเมื่อหลายปีก่อน เขาถูกกักขังเหมือนนักโทษพร้อมกับมารดาของเจ้า จั่วชิวเสวี่ย และพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้จนถึงตอนนี้”

“ไม่ใช่ว่าบิดาของข้าเป็นลูกหลานของตระกูลเฉินก่อนที่เขาจะกลับชาติมาเกิดใหม่หรอกหรือ? ในเมื่อเขากลับมาที่ตระกูลแล้ว เหตุใดเขาถึง…” สีหน้าของเฉินซีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็รู้ว่าสถานการณ์นั้นซับซ้อนมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก

“นี่… บางทีเจ้าอาจจะรู้ได้ ก็ต่อเมื่อเจ้าได้พบกับบิดาของเจ้าเท่านั้น”

อู๋เซวี่ยฉานตบบ่าเฉินซี “ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอดีต เพราะมันยังไม่ถึงเวลา แม้ว่าเขาเทพพยากรณ์ของเราจะส่งกองกำลังทั้งหมดออกไป แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบีบให้ตระกูลเฉินส่งบิดามารดาของเจ้ามา”

เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วยกยิ้ม “แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว โอกาสได้มาถึงแล้ว และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงมาหาเจ้า”

เฉินซีจ้องมองไปที่อู๋เซวี่ยฉานอย่างว่างเปล่า “โอกาสอะไรหรือ?”

“พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลเฉินจะเริ่มในอีกไม่นาน ไม่ว่าเจ้าจะสามารถพบกับบิดามารดาของเจ้าได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถคว้าโอกาสนี้ได้หรือไม่”

รอยยิ้มที่สื่อถึงความหมายอันลึกซึ้งปรากฏขึ้นที่มุมปากของอู๋เซวี่ยฉาน “แน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป ข้าจะไปที่นั่นกับเจ้า”

ขณะที่กล่าว อู๋เซวี่ยฉานก็เร่งฝีเท้า “มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปพบใครบางคน”

“ใครหรือ?” เฉินซีรีบตามอู๋เซวี่ยฉานทัน

“ศิษย์คนโตของบรรพจารย์สาม ถังเสียน”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]