เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2001

บทที่ 2,001 กระบี่ศาลเจ้าอัคคี

………………..

บทที่ 2,001 กระบี่ศาลเจ้าอัคคี

ในเขาเทพพยากรณ์ ฝูซีมีศิษย์ทั้งหมดสิบสี่คน และพวกเขาถูกเรียกว่าศิษย์สายตรงของเขา บรรพชนผู้ก่อตั้งคนที่สอง ตี้ซุนกลับค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแทน และเขายังไม่มีศิษย์แม้แต่คนเดียว

มีเพียงเหวินเต้าเจิน บรรพชนผู้ก่อตั้งคนที่สามเท่านั้นที่แผ่กิ่งก้านสาขามากมาย เขามีศิษย์ถึงสี่รุ่น และศิษย์สายเขาก็มีมากที่สุดในเขาเทพพยากรณ์

ถังเสียนเป็นศิษย์คนโตในสายของเหวินเต้าเจิน สถานะสูงส่งมาก และใกล้เคียงกับอู๋เซวี่ยฉาน

เฉินซีเคยได้ยินชื่อของถังเสียนเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเขาเพิ่งมาถึงเขาเทพพยากรณ์ และเขารู้ชัดเจนว่า ถังเสียนแทบจะเป็นบุคคลในตำนานที่บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า!

เมื่อเขาคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขากำลังจะพาไปพบกับบุคคลดังกล่าว เฉินซีก็อดรู้สึกคาดหวังไม่ได้

หนึ่งถ้วยชาต่อมา

โอม!

คลื่นของห้วงมิติที่ผันผวนเกิดขึ้น จากนั้นอู๋เซวี่ยฉานและเฉินซีก็มาถึงภายในแดนซ่อนเร้นที่เต็มไปด้วยเปลวไฟที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ท้องฟ้าที่นี่ดูเหมือนกำลังลุกไหม้ ในขณะที่พื้นดินถูกศิลาหลอมแผดเผา ทำให้เกิดเปลวไฟพวยพุ่งออกมา ในขณะที่มันเดือดพล่านเหมือนทะเลเพลิง

ดวงดาวมากมายกำลังโคจรอยู่เหนือท้องฟ้า ประกายไฟโปรยปรายลงมาจากพวกมันดุจสายฝน และพัดผ่านไปทั้งโลก ทิวทัศน์ของที่นี่น่าตกตะลึงและงดงามมาก

มันเป็นอาณาจักรแห่งอัคคีจริง ๆ ทุกสิ่งที่นี่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงที่พลุ่งพล่าน ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในโลกนี้ เฉินซีรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังลุกไหม้ และมันกดดันจนหายใจไม่ออก

ถ้าเป็นผู้ฝึกฝนธรรมดา ๆ คนผู้นั้นคงจะละลายจนตายทันทีที่ก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้!

อย่างไรก็ตาม อันตรายดังกล่าวไม่สามารถทำร้ายทั้งอู๋เซวี่ยฉานและเฉินซีได้

“นี่คือแดนเร้นลับแห่งการกลั่นเปลวไฟ และเป็นสถานที่ซึ่งศิษย์น้องถังทำสมาธิ ศิษย์น้องถังเสียนเป็นลูกหลานของตระกูลถัง ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถควบคุมกฎแห่งอัคคีได้ตั้งแต่กำเนิด และความแข็งแกร่งของเขาก็ทรงพลังจนแม้แต่ข้ายังอดชื่นชมมิได้” อู๋เซวี่ยฉานอธิบายอย่างรวดเร็ว และทำให้เฉินซีตกตะลึงทันที เขาเข้าใจว่าศิษย์พี่ถังเสียนคนนี้ แท้จริงเป็นเทพโดยกำเนิดจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์!

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องเล็ก เจ้าทั้งสองคนมาแล้ว” ในขณะนี้ เสียงที่หนักแน่นราวกับสายฟ้าก็ดังก้องไปทั้งอาณาจักรแห่งอัคคีนี้ พร้อมกับเสียงนี้ ศิลาหลอมที่กว้างใหญ่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็ควบแน่นเป็นร่างสีแดงเข้มที่ทรงพลังอย่างรวดเร็ว

ผมสีแดงเข้มของเขาพลิ้วไหว รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาและเย็นชา ผิวเรียบเนียนราวกับหยก และสวมชุดนักพรตสีแดงเพลิงปักลายต้นสน ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าในขณะที่ยืนอยู่บนดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่หลั่งไหลไปด้วยแสงเรืองรอง

ในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างสบาย ๆ เขาดูคล้ายกับดวงอาทิตย์สูงสุดที่เปล่งประกายเจิดจ้าและส่องสว่างไปทั่วโลก มันทำให้เฉินซีรู้สึกเจ็บปวดที่ดวงตาอย่างรุนแรง จนไม่กล้ามองร่างนี้ตรง ๆ

โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ พวกมันลึกล้ำและเปล่งประกายราวกับอัญมณีสีแดงเพลิง ลุกโชนด้วยประกายแสงอันน่าตกใจ ซึ่งดูเหมือนกับว่ามันจะเผาผลาญท้องฟ้าได้

ร่างนี้ย่อมคือ ถังเสียน!

อู๋เซวี่ยฉานยิ้มพลางพยักหน้า

เฉินซีประสานมือแล้วกล่าว “คารวะศิษย์พี่ถังเสียน”

“ศิษย์น้องเล็ก ไม่ต้องมากพิธี ศิษย์พี่ใหญ่บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว ดังนั้นข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ถังเสียนพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทุกวาจาดังก้องเหมือนโลหะปะทะกัน ซึ่งมีพลังมหาศาลมาก

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวและตรงไปตรงมา ทั้งยังไม่ยอมเสียเวลาใด ๆ ทันทีที่เขากล่าวจบ ร่างของเขาก็พุ่งไปที่เฉินซีและอู๋เซวี่ยฉาน “ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้ว เราออกเดินทางกันตอนนี้เลยเถอะ”

อู๋เซวี่ยฉานทราบดีว่าบุคลิกของถังเสียนเป็นเช่นไร ดังนั้นเขาจึงไม่เสียเวลาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ากำลังรอให้เจ้านำทาง”

“ไปกันเถอะ” ถังเสียนพยักหน้า จากนั้นร่างก็กะพริบพราย ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่กล่าววาจาที่ไม่จำเป็นแม้แต่คำเดียว

“อ้อ ศิษย์น้องเล็ก นิสัยของถังเสียนเป็นเช่นนี้เสมอ เขาตัดสินใจรวดเร็วและเด็ดขาดราวกับไฟ เมื่อเจ้าคุ้นเคยแล้ว เจ้าจะเข้าใจว่าศิษย์พี่ถังเสียนของเจ้าเป็นศิษย์ที่ได้รับการปกป้องมากที่สุดในเขาเทพพยากรณ์ของเรา” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มพลางอธิบาย จากนั้นก็รีบพาเฉินซีไล่ตามถังเสียนไป

เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุด เฉินซีก็เข้าใจแล้วว่า อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนกำลังมุ่งหน้าไปที่ภูเขาผนึกเทพ เพื่อพาบิดามารดาของเขากลับมาจากตระกูลเฉิน!

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าอู๋เซวี่ยฉานจะแอบเตรียมการสำหรับทุกสิ่งให้ขนาดนี้

ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าการเดินทางครั้งนี้แปลกประหลาดเพียงใด

ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอู๋เซวี่ยฉานหรือถังเสียน พวกเขาก็เป็นมหาเทพเต๋าอันดับต้น ๆ ของใต้หล้า พลังที่พวกเขาครอบครองอยู่ก็แข็งแกร่งจนอาจเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาและเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน

ทว่าบัดนี้ พวกเขากลับเดินทางร่วมกันเพื่อมุ่งหน้าไปยังภูเขาผนึกเทพและพาตัวบิดามารของเขากลับมาจากตระกูลเฉิน สิ่งนี้จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตระกูลเฉินนั่นไม่ธรรมดาเพียงใด!

หากเป็นกองกำลังอื่นในแดนเทพโบราณ ก็คงไม่จำเป็นต้องให้ทั้งสองคนร่วมมือกัน

ตระกูลเฉินนั้นแข็งแกร่ง… แล้วตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ละ?

ไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะเลือกผู้สืบทอด เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย และมีวิธีจัดการกับสถานการณ์ได้มากขึ้น… เฉินซีถอนหายใจ

“ศิษย์น้องเล็ก กุญแจสู่ความสำเร็จของปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้า ข้ากับถังเสียนมาคุ้มกันเจ้าเท่านั้น”

ทันใดนั้น อู๋เซวี่ยฉานก็จ้องมองไปที่เฉินซีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถึงอย่างไร มันก็เป็นเรื่องภายในของตระกูลเฉิน ดังนั้นหากข้าและศิษย์น้องถังเสียนเข้าไปแทรกแซง สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป”

แม้ว่าเฉินซีจะไม่ทราบละเอียดของปฏิบัติการนี้ แต่เมื่อเขาเห็นอู๋เซวี่ยฉานเผยท่าทางจริงจังที่หาได้ยาก เฉินซีก็ไตร่ตรองสั้น ๆ ก่อนจะตอบตกลง

“ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าคิดว่าการฝึกฝนของศิษย์น้องเล็กที่ขอบเขตจ้าวเอกภพสี่ดารานั้นเพียงพอหรือไม่?” ถังเสียนขมวดคิ้วพลางถาม

“เขามีโอกาสห้าส่วน” อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่ง

โอกาสห้าส่วนหรือ? เฉินซีหรี่ตาลง และรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ยิ่งไม่ธรรมดามากขึ้น

ชิ้ง!

ในขณะเดียวกัน ถังเสียนก็พลิกฝ่ามือ จากนั้นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความยาวมากกว่าสี่ฉื่อเล็กน้อย ซึ่งพลุ่งพล่านไปด้วยเปลวไฟและจารึกด้วยอักขระเต๋าที่หนาแน่นนับไม่ถ้วนก็ปรากฏบนฝ่ามือของเขา

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น มันก็เปล่งเสียงคำรามอย่างชัดเจน และแผ่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา น่าแปลกที่มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่หายาก!

“ศิษย์น้องเล็ก กระบี่เล่มนี้เรียกว่าศาลเจ้าอัคคี รับมันไป” ถังเสียนจ้องมองเฉินซี

ทันใดนั้น ไม่ใช่แค่อู๋เซวี่ยฉานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเฉินซีที่ตระหนักถึงความตั้งใจดีของถังเสียน จึงได้มอบสมบัตินี้ให้กับเขา

เฉินซีรู้สึกประทับใจอย่างมาก เพราะในขณะที่ภายนอกศิษย์พี่ถังเสียนดูเย็นชา แต่ภายในกลับอบอุ่น และเขาก็มีวิธีแสดงออกในแบบของตัวเอง

อู๋เซวี่ยฉานเหลือบมองถังเสียนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่า ฮ่า! กระบี่ศาลเจ้าอัคคีนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งข้าเคยอยากยืมมันเมื่อหลายปีก่อน แต่ศิษย์น้องถังเสียนปฏิเสธ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายยื่นให้เองกับมือเช่นนี้ ศิษย์น้องเล็กรีบรับเข้า!”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทั้งอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนต้องประหลาดใจ เฉินซีเพียงครู่สั้น ๆ ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ “ศิษย์พี่ พลังของกระบี่นี้ช่างพิเศษจริง ๆ แต่ข้าคุ้นเคยกับยันต์ศัสตราแล้ว และไม่คิดใช้กระบี่เล่มอื่นเลย”

สิ่งนี้ทำให้ถังเสียนขมวดคิ้ว เด็กคนนี้ช่างดื้อรั้นเสียจริง

อู๋เซวี่ยฉานหัวเราะเบา ๆ “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไม่จำเป็นต้องเขินอาย ศิษย์พี่ถังเสียนของเจ้าไม่ใช่คนนอก”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]