เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2002

บทที่ 2,002 ที่มาของนาง

………………..

บทที่ 2,002 ที่มาของนาง

เฉินซีได้แต่ยิ้มแห้งยามได้ยิน เพราะรู้ว่าศิษย์พี่คงเข้าใจผิดเข้าแล้ว

เฉินซีไม่ได้เอ่ยอะไรดี เพียงแต่พลิกมือหยิบเอายันต์ศัสตราออกมา จากนั้นส่งให้พวกเขาดู “ศิษย์พี่เชิญดู”

ถังเสียนยิ่งขมวดคิ้วแน่น คิดในใจว่า หรือยันต์ศัสตราของเด็กนี่จะแกร่งกว่ากระบี่ศาลเจ้าอัคคีของข้างั้นหรือ?

เขามองยันต์ศัสตราของเฉินซีไปอย่างนั้น แต่พริบตาเดียวนัยน์ตาดั่งอัญมณีเพลิงก็เบิกกว้าง ก่อนเขาจะร้องเสียงประหลาดใจออกมา

หลังจากนั้น เขาก็หยิบยันต์ศัสตราจากเฉินซี ใช้นิ้วลูบมันเบา ๆ แล้วก็พินิจพิเคราะห์มันอย่างเงียบเชียบ

เมื่อเห็นดังนี้ อู๋เซวี่ยฉานก็เหลือบมองเฉินซีที่ดูสุขุมนัก จากนั้นก็เบนไปทางกระบี่

ไม่ทันไรเขาก็เลิกคิ้วขึ้น “น่าสนใจนี่!”

“ไม่แปลกที่เจ้าปฏิเสธกระบี่ศาลเจ้าอัคคี” ถังเสียนส่งยันต์ศัสตราให้อู๋เซวี่ยฉานดู “ศิษย์พี่ใหญ่ดูเจ้านี่สิ สมบัติชิ้นนี้หาได้ยากแม้ผ่านมานับล้านรุ่น นับว่าเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว ตั้งแต่ที่ข้าเริ่มบ่มเพาะพลังมาก็เพิ่งเคยเห็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้”

“มหัศจรรย์จริง ๆ ” อู๋เซวี่ยฉานพิเคราะห์แล้วก็คืนมันให้เฉินซีก่อนคลี่ยิ้ม “เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ศาลเจ้าอัคคีหรอกถ้ามีเจ้านี่อยู่แล้ว”

เฉินซียิ้มแล้วเก็บยันต์ศัสตราไปอย่างระมัดระวัง

นับตั้งแต่ที่เข้าแดนรวนเรลืมเลือนไปฝึกพลัง เวลาที่ไม่ได้ต่อสู้ เขาจะเก็บยันต์ศัสตราไว้ภายในร่าง ให้มันขัดเกลาและกลืนกินแก่นพลังสสารของสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นอื่นมาโดยตลอด

จึงเป็นสาเหตุให้ยันต์ศัสตรานั้นแกร่งมาก มันเป็นแค่ยันต์ศัสตราที่เทียบได้กับสมบัติวิญญาณประดิษฐ์เท่านั้น แต่พอขัดเกลาและฟูมฟักมันจากรากฐานวิญญาณธรรมชาติ มันก็กลายเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติจริง ๆ ได้

เป็นที่รู้กันว่ายันต์ศัสตรานั้นเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด และยังสามารถรักษาคุณสมบัติเดิมของมันเองไว้ได้ด้วย

จึงทำให้ยันต์ศัสตราของเฉินซีไม่เหมือนกับสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นไหนเลย

แต่อย่างไรก็เป็นเพราะยันต์ศัสตรามีพลังกลืนกิน ขัดเกลา และดูดซับสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นอื่นนั่นเอง ความสามารถสะท้านฟ้าเช่นนี้นับว่าหาได้ยากไม่มีใครเคยพบเห็น ไม่อาจนำสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นอื่นมาเทียบได้เลย

พอเวลาผ่านไป ยันต์ศัสตราก็กลืนสมบัติวิญญาณธรรมชาติไปได้สำเร็จเก้าชิ้น จึงทำให้อำนาจของมันเพิ่มสูงขึ้นด้วย

ตอนนี้คุณภาพของยันต์ศัสตรานั้นเหนือกว่าตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และเหรียญทองแดงโปรยสมบัติอยู่เล็กน้อย ถึงจะเอาไปเทียบกับกระบี่ศาลเจ้าอัคคีที่ถังเสียนคิดจะให้ยืม แต่ทั้งสองอย่างมีจุดแข็งต่างกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแต่อย่างใด

ทว่าอู๋เซวี่ยฉานกับถังเสียนนั้นช่างสังเกตและเป็นผู้มีประสบการณ์สูง ดังนั้นทั้งเมื่อคู่เห็นอำนาจยันต์ศัสตราของเฉินซีก็รู้สึกชื่นชม เข้าใจดีว่าทำไมเฉินซีถึงปฏิเสธศาลเจ้าอัคคีไปเช่นนั้น

“แค่มีสมบัติชิ้นนี้ก็ทำให้ศิษย์น้องเล็กต่อสู้ได้เปรียบแล้ว แต่การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางปกติ ดังนั้นระมัดระวังสักหน่อยดีกว่า” อู๋เซวี่ยฉานคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยกับเฉินซี “ถึงเจ้าจะเก่งจนเหนือกว่าใครในขั้นพลังเดียวกัน แต่พอเทียบกับยอดฝีมือตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็นับว่าไม่เท่าไหร่”

เฉินซีพยักหน้า ในใจก็คิดเช่นกัน พวกคนตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์แกร่งขนาดนั้นเลยเหหรือ?

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังมากขนาดนั้นหรอก หากต้องสู้กัน ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร เจ้าสู้สุดฝีมือก็พอแล้ว” ถังเสียนคิดบางอย่างแล้วก็เอ่ยเสียงเย็นออกมา “ถึงแม้ว่าตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์จะแกร่งมาก แต่มันก็แค่พรสวรรค์ติดตัวมา ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากหรอก”

เฉินซีกับอู๋เซวี่ยฉานเหลือบมองกัน จากนั้นก็ยิ้มออกมา

ถังเสียนเป็นทายาทตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับพูดเช่นนี้ออกมา นับว่าเกินคาดไม่ใช่น้อย

หืม? ในจังหวะนั้นเอง อู๋เซวี่ยฉานกับถังเสียนก็เหมือนสังเกตเห็นบางอย่าง สายตาตวัดไปทางเดียวกันทันใด

ตู้ม!

ถึงขั้นที่ถังเสียนซัดฝ่ามือออกไปไม่ลังเล กระบี่เพลิงกรีดผ่านฟ้า ซัดพลังโจมตีออกไปไกลกว่าหกสิบลี้

ไม่ว่ามันจะกวาดไปทางใด ก็ทำให้ดวงดาราระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่อาจมีสิ่งใดหยุดยั้งได้ เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างขั้นสูง

ฟ่าว!

เมื่อเฉินซีหันไปมอง ก็เห็นเงาดำยืนอยู่บนเตาหลอม เงานั่นแวบหายไป หลบการโจมตีของถังเสียนไปได้!

นั่นคือการโจมตีของมหาเทพเต๋าเชียวนะ การโจมตีนี้มีพลังกล้าแข็งมาก แต่เงานั่นกลับสามารถหลบได้ทันที นับว่าน่าตกใจอยู่ไม่น้อย

เงานั่นเป็นใครกัน? หรือจะเป็นมหาเทพเต๋า? แต่ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้? เฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ในใจเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เหมือนเคยเห็นเงานี้มาก่อน

ทำให้ใจเขาเต้นตุบ รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกไม่ใช่น้อย

“เป็นนาง” อู๋เซวี่ยฉานพลันเอ่ยด้วยสองมือให้ไพล่หลัง สีหน้าเต็มไปด้วยแววครุ่นคิด

“มันจะ… หนีได้จริงหรือ?”

เฉินซียังคงจำเสียงถอนหายใจแผ่วเบาที่ดังก้องขึ้นตอนเห็นเหตุน่าตกใจนั้นได้ มันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความเหงาอย่างลึกล้ำ

ตอนนั้น เฉินซีเองก็สัมผัสได้ถึงความเหงาที่โอบล้อมกายเช่นกัน เหมือนฟ้าดินทอดทิ้งเขา เหมือนสูญเสียทุกวันหวัง รู้สึกท้อแท้อย่างถึงที่สุด….

หากไม่ใช่ว่าภาพเหล่านั้นหายไปในพริบตา เขาก็คงเสียสติและเกิดธาตุไฟเข้าแทรกไปแล้ว!

จากการวิเคราะห์ของเหล่าไป๋ เตาหลอมนั้นเป็นสมบัติแห่งยุคที่เกิดขึ้นในยุคก่อน เป็นสมบัติที่รวบรวมชะตากรรมแห่งยุคซึ่งไม่อาจยับยั้งได้เอาไว้ภายใน หากใครได้ถือครองก็จะได้รับความคุ้มครองจากเต๋าแห่งสวรรค์ ไม่สามารถสังหารคนผู้นั้นได้เลย!

แต่ในยุคนี้มันเป็นเครื่องหมายแห่งความวิบัติ!

พร้อมกันนั้น เหล่าไป๋ก็วิเคราะห์ด้วยว่าสตรีที่บังคับเตาหลอมอยู่คงจะกำลังหาทางหลีกหนีการล่มสลายของยุคของนางเป็นแน่….

ตอนนั้นเฉินซีคิดว่ามันเป็นเรื่องที่พิลึกเกินไป และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาเลย

แต่ตอนนี้พอได้ยินข่าวลือเรื่องสตรีลึกลับผู้นั้น เฉินซีจึงคิดว่าสองเรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกันสักทาง

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสตรีลึกลับผู้นั้นคงจะเป็นคนที่เดินทางข้ามเวลามาเรื่อย ๆ ด้วยเตาหลอมนั่นเป็นแน่!

หากนางเป็นคนเดียวกันจริง แล้วทำไมถึงมาปรากฏตัวขึ้นในแดนเทพโบราณ ทั้งยังสังหารจ้าวเอกภพไปหลายคนด้วย? นางมีเป้าหมายอะไรกันแน่? แล้วเมื่อครู่ทำไมถึงมาปรากฏตัวใกล้พวกเราเช่นนี้?

เฉินซีตกอยู่ในภวังค์ความคิด ความคิดเขาแล่นไปอย่างฉับไว เงียบไปเป็นเวลานาน

อู๋เซวี่ยฉานกับถังเสียนสังเกตเห็นท่าทางประหลาดของเฉินซี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าชายหนุ่มคงจะคิดเรื่องสตรีลึกลับผู้นั้นอยู่กระมัง

หลังจากเกิดเรื่องนั้นแล้ว คนทั้งสามก็กลับคืนสู่ความสุขุมแล้วเดินทางผ่านอุโมงค์มิติต่อไป….

เงาร่างสง่างามแลดูชดช้อยบนเตาหลอมโบราณที่อยู่ห่างไกลออกไปในห้วงลึกของประกายดาวพึมพำเสียงเบาออกมา “ผู้ช่วงชิง…. ไม่ได้ตายไปในแดนวิปโยค…. ดูเหมือนว่ามหาวิถีคงจะปรากฏอยู่ในยุคนี้แน่แท้แล้ว”

ทั่วร่างนางปกคลุมไปด้วยหมอกลึกลับ ทำให้ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมองเห็นนางได้ชัดเจน แต่แค่เงาร่างอ่อนช้อยก็เผยความงามที่สะท้านใจคนมองได้แล้ว

“หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดข้าก็มีหวังจะกำชัยเหนือมัน อย่าผิดหวังในตัวข้าเลยนะ….” พึมพำแล้ว คุมเตาหลอมโบราณเดินทางต่อไป ไม่เหลือร่องรอยใด ๆ ไว้เบื้องหลังเลย

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]