เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2003

บทที่ 2003 แดนมารดากำเนิดบรรพ์

………………..

บทที่ 2003 แดนมารดากำเนิดบรรพ์

สามปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เฉินซีไม่เคยคาดคิดว่าการเดินทางสู่ภูเขาผนึกเทพจะใช้เวลามากมายเพียงนี้

เพราะมีสองมหาเทพเต๋า อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนนำทาง ความเร็วการเคลื่อนย้ายมิติของพวกเขาจึงรวดเร็วจนน่าสะพรึง แต่ถึงเช่นนั้น แม้ผ่านไปสามปี เส้นทางก็ยังดูราวยาวไกลไร้สิ้นสุด

จากคำพูดของถังเสียน นี่ก็คือภูเขาผนึกเทพ บริเวณอันอยู่ใกล้เต๋าสวรรค์ที่สุดในแดนเทพโบราณ การเดินทางไปหามันจะง่ายดายได้อย่างไร?

เพราะเหตุนี้ เฉินซีจึงอดทอดถอนใจมิได้ เขารู้สึกว่าการที่บิดามารดาไม่เคยติดต่อเขาเลยในช่วงกาลนี้เป็นเรื่องเข้าใจได้แล้ว ภูเขาผนึกเทพห่างไกลถึงขนาดที่คนธรรมดาคงไม่มีวันไปถึง อย่าว่าแต่เรื่องที่ถูกขังอยู่ในตระกูลเฉิน ยิ่งทำให้พวกเขาไม่อาจติดต่อกับโลกภายนอกยิ่งกว่าเก่า

สามปีนี้ เฉินซีไม่ได้ปล่อยเวลาเสียเปล่า เขาเริ่มพยายามทำความเข้าใจผนึกแห่งยุทธ์ เขาไม่ได้แปรสภาพดูดซับมัน ทำเพียงทำความเข้าใจความลึกล้ำแท้จริงของมันเท่านั้น เพราะเหตุนี้ ขอเพียงเขาเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เขาก็จะสามารถแปรสภาพดูดซับมันได้ทันทียามถึงยามสำคัญต้องพัฒนา

ผนึกแห่งยุทธ์สื่อถึงยุคสมัยที่เจ็ด อารยธรรมแห่งยุทธ์ บรรจุมรดกกว้างไกลมหาศาลไม่ต่างจากผนึกจ้าววิญญาณ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะทำความเข้าใจความลึกล้ำของมันอย่างถ่องแท้

แต่ด้วยประสบการณ์ที่เขาได้จากการแปรสภาพดูดซับผนึกจ้าววิญญาณ เฉินซีจึงประหยัดกำลังและเวลายามทำความเข้าใจผนึกแห่งยุทธ์ไปได้มาก

เพียงชั่วกาลสั้น ๆ แค่สามปี เฉินซีก็บรรลุความลึกล้ำของมันไปเกือบครึ่ง ความเร็วเช่นนี้กล่าวได้ว่าอัศจรรย์เมื่อเทียบกับยามที่แปรสภาพดูดซับผนึกจ้าววิญญาณ

แน่นอน เขาเพียงทำความเข้าใจปริศนาลึกล้ำของมันเท่านั้น การจะแปรสภาพดูดซับมันก็ยังคงต้องใช้เวลาอยู่ดี

เพียงพริบตา อีกห้าปีก็ผ่านพ้น

วันนี้ จู่ ๆ ร่างของเฉินซีก็สะท้านขณะกำลังทำสมาธิประจักษ์เข้าใจผนึกแห่งยุทธ์ เขาคืนสติ ดวงตามองเหม่อไปเบื้องหน้า ดูปรารถนาจะหยั่งทราบทำความเข้าใจต่อ

ขณะเดียวกัน เสียงเรียบเย็นของถังเสียนก็ดังขึ้นข้างหู “ถึงแล้ว”

ถึงแล้ว? เฉินซีสร่างสติอย่างสมบูรณ์ เขาเบนสายตามองตาม และพบว่าพวกตนยืนอยู่บนท้องนภาพร่างพราวอันเวิ้งว้าง ลึกลับ และเงียบเชียบอย่างยิ่ง

หมู่ดาวพริบพราวเจิดจรัสมากมายโคจร โอ่อ่าหนาแน่น

เรื่องน่าตกใจก็คือ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงเกินประมาณ ใหญ่ตระหง่านเกินคาดเดาลูกหนึ่งตั้งลึกเข้าไปในท้องนภาพร่างพราวนั้น!

มันใหญ่โตเกินไปโดยแท้จริง ตระหง่านสูงท่ามกลางหมู่ดาวรายล้อมดุจเสาค้ำนภา ยิ่งใหญ่ทรงพลัง ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนช่างเล็กจ้อยแม้จะมองจากแสนไกล

บรรยากาศของมันก็เป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ราวเกิดจากเต๋าสวรรค์สูงสุด ปกคลุมโดยโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาอันโรยลงจากฟ้า ประหนึ่งน้ำตกโรยคลุมทั่วบรรพต แผ่บรรยากาศสูงส่งทรงสง่า

นอกจากนั้น มันยังมีแรงกดดันมหาศาลสาดซัด ชวนให้ร่างสะท้านอึดอัดใจ อยากก้มลงกราบกราน มิกล้าคิดลบหลู่ใด ๆ

นั่นคือภูเขาผนึกเทพ!

หนึ่งขุนเขาสูงสุดอันยืนยงเนิ่นนานนับแต่ก่อนแดนเทพโบราณก่อเกิด เขตหวงห้ามอันใกล้เคียงเต๋าสวรรค์ที่สุด นับแต่โบราณกาลจนบัดนี้ มีเพียงมหาเทพเต๋าไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้เหยียบย่างมาสู่ และทำความเข้าใจแก่นแท้ความลึกล้ำแห่งเต๋าสวรรค์บนภูเขาผนึกเทพ!

ตำนานว่าไว้ บนยอดเขาแห่งนี้ซ่อนเทียบอันดับเทวาอันลึกลับสุดขั้ว นอกจากนั้น อำนาจของมันยังหลอมเป็นหนึ่งกับเต๋าสวรรค์ ปกคลุมทั่วแดนเทพโบราณ ทำให้มันยิ่งยงเกินประมาณ มิอาจก้าวข้ามล่วงเกิน

พริบตาที่ดวงตาจ้องสบภูเขานี้ เฉินซีก็เกิดความรู้สึกดุจถูกพันธนาการนิ่งค้าง อึดอัดกดดันเสียเข่าแทบทรุด ทำให้กระทั่งวิญญาณของเขายังสั่นสะท้านด้วยความกลัวอย่างเกินหักห้าม

ทว่าเพียงพริบตา ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอันนิ่งงัน ณ ส่วนลึกห้วงจิตสำนึกก็แผ่คลื่นอำนาจออกมาอย่างเงียบ ๆ สลายสภาวะผิดปกติที่เฉินซีประสบ ทำให้เขาฟื้นตัวกลับมาทันใด

สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าภูเขาผนึกเทพน่าสะพรึงเพียงไร มันมีอำนาจสูงส่งอันเทียบได้กับเต๋าสวรรค์

แต่แล้ว เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า แม้ความช่วยเหลือจากแผนภาพวารีหลากจะอยู่ในความคาดหมาย แต่มันก็ไม่ได้เผยความรู้สึกต่อต้านเดียดฉันท์ออกมาแล้ว นอกจากนั้น มันยังกลับสู่สภาวะจำศีลทันทีเมื่อช่วยเขาจากแรงกดดันไร้ลักษณ์เสร็จสิ้น

ก่อนที่เฉินซีจะทันได้พยายามคิดหาคำตอบ ถังเสียนและอู๋เซวี่ยฉานก็นำเขาไปยังท้องนภาพร่างพราวไกลออกไป

ไม่นานนัก เฉินซีก็เห็นวัตถุโกลาหลขนาดมหึมา ดูราวรังผึ้งลอยอยู่เบื้องใต้ภูเขาผนึกเทพ

วัตถุนี้กล่าวมิได้ว่าใหญ่โตหากเทียบกับภูเขาผนึกเทพ แต่กลับดูมโหฬารเกินธรรมดาเมื่อเทียบกับหมู่ดาวรายล้อม

เฉินซีสังเกตได้ชัดเจนว่าหมู่ดาวเหล่านี้ดูราวประกายแสงพริ้งพรายโอบล้อมวัตถุโกลาหลนั้น ราวมวลผกายล้อมจันทร์ ดูสุดแสนเล็กจ้อยเกินสำคัญ

ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งมองมายังเอกภพอันปั่นป่วนแห่งหนึ่ง!

“หลุมต่าง ๆ ที่ขึ้นหนาแน่นเต็มไปหมดนั้นคือทางเชื่อมไปยังโลกภูมิต่าง ๆ เราต้องแจ้งการมาของเราก่อนเข้าไป หาไม่ ก่อนจะทันได้เข้าใกล้ ก็จะได้เผชิญการโจมตีอันเกินคาดหยั่ง” ถังเสียนอธิบายเสียงเรียบ ขณะนำเฉินซีและอู๋เซวี่ยฉานมายังหนึ่งในทางเชื่อม

แม้จะกล่าวว่ามันคือทางเชื่อม แต่รูปลักษณ์ของมันก็ใหญ่โตเสียจนเทียบได้กับหลุมดำ พลังโกลาหลมหาศาลปกคลุมพลุ่งพล่าน ดูลึกลับเกินหยั่งถึง

ขวับ!

ถังเสียนนำป้ายสำริดเรียบ ๆ อันหนึ่งออกมาโยนไปเบื้องหน้า และป้ายนั้นก็แปรเป็นลำแสงทะลวงหายไปในทางเชื่อมทันที

“นี่คือทางเชื่อมอันนำสู่โลกภูมิเก้าวิญญาณของตระกูลเฉิน ข้าส่งป้ายแสดงตัวในฐานะคนตระกูลถังของข้าไปเมื่อครู่ อีกไม่นาน พวกเขาก็จะออกมาต้อนรับเรา” ถังเสียนกล่าวเรียบ ๆ “หากเป็นผู้บ่มเพาะอื่นใดในโลกภายนอก คงยากเข้าสู่โลกภูมิเก้าวิญญาณได้ เพราะตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ให้การยอมรับเพียงพวกเดียวกัน และดูแคลนผู้บ่มเพาะจากโลกภายนอก”

“ทะนงมิต่างจากคำร่ำลือจริง ๆ” อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้ม

“ทะนง? ข้าว่าพวกนั้นหัวแข็งหลงตัวเองมากกว่า” ถังเสียนยิ้มไม่ใส่ใจ แม้เขาจะมาจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่เขาก็มิได้พิสมัยคนเหล่านั้นนัก น้ำเสียงของเขายามกล่าวถึงอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์

ขณะนี้ เฉินซีไม่ได้คิดอะไรมากนัก อารมณ์ของเขาอดสะท้านมิได้ยามพินิจทางเชื่อมสู่โลกภูมิเก้าวิญญาณและคิดไปว่าบุพการีของเขาถูกขังอยู่ที่นี่ และมิได้อยากกระทำสิ่งใดมากไปกว่าบุกเข้าไปพาตัวพวกเขากลับมาเสียทันที

“ศิษย์น้องเล็ก เมื่อถึงเวลา เจ้าต้องรักษาความเยือกเย็นและกิริยาไว้นะ” อู๋เซวี่ยฉานเตือนสติ

“ที่แท้สหายเต๋าจากตระกูลถังก็มาเยี่ยมเยือน เชิญเข้ามาเถิด” ขณะนั้นเอง หนึ่งเสียงกระจ่างเป็นมิตรก็ดังมาจากด้านในทางเชื่อม นอกจากนั้น พลังโกลาหลอันปกคลุมทางเชื่อมยังแหวกออกเฉียบพลันพร้อมวจีนั้น ราวประตูถูกเปิดออก

“ไป” ถังเสียนทะยานเวหาหายลับเข้าไปในทางเชื่อมกับเฉินซีและอู๋เซวี่ยฉานทันที

“แดนมารดากำเนิดบรรพ์? เหตุใดพวกเขาจึงมาที่นี่? เป็นปัญหานิดหน่อยแล้วสิ….” หลังกลุ่มของเฉินซีจากไปไม่ทันไร หนึ่งร่างสง่างามก็ปรากฏขึ้นแสนไกลในท้องนภาพร่างพราว

นางยืนบนเตาขนาดใหญ่ ร่างของนางปกคลุมด้วยหมอกทึบ ทอดสายตามองตามทิศที่พวกเฉินซีปลาสนาการอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะผ่อนหายใจเบา ๆ แล้วไม่ตามไป

ฟ่าว!

ร่างของนางวูบไหวไปยังท้องนภาพร่างพราวด้านข้าง ก่อนจะหายลับไร้ร่องรอย ดูประหนึ่งซ่อนตัวรอสิ่งใด แต่ก็ดูเหมือนนางจากไปแล้วจริง ๆ เช่นกัน….

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]