เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2004

บทที่ 2004 ความรุ่งโรจน์แห่งวันวาน

………………..

บทที่ 2004 ความรุ่งโรจน์แห่งวันวาน

แกว๊ก!

วิหคเทพปี้ฟางอันวิจิตรงามคลี่ปีกตระการโผบิน วนเวียนเหนือท้องนภากระจ่างฟ้าเบื้องบน ก่อนจะแหวกเวหาทะยานจาก

อสรพิษทะยานฟ้าเก้าเศียร ร่างยาวหมื่นจั้งลดเลื้อยแหวกนภา เคลื่อนย้ายมิติสัญจร

บนพื้นดิน กิเลนวารีตนหนึ่งทอดกายริมธารอย่างเกียจคร้าน ดวงตาปรือปิด อาบแสงตะวันอย่างเอื่อยเฉื่อยลอยชาย

ผีเสื้อมังกรฝูงหนึ่งซึ่งดูเหมือนผีเสื้อทั่วไป แต่กลับมีเกล็ดหลากสีโบยบิน หอบสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อันเรืองประกายแก่นแท้นานาเข้าป้อนที่ปากกิเลนวารี ให้มันเคี้ยวกลืนลงไป

ไกลออกไป ขุนเขาใหญ่น้อยทอดตัวลดหลั่น หนึ่งนครปรากฏให้เห็นเลือนรางจากแสนไกล ทอดตัวยาวจรดปลายฟ้า

หลังจากกลุ่มของเฉินซีผ่านทางเชื่อมเข้ามา ภาพเหล่านี้ก็เป็นสิ่งแรกที่ปรากฏในคลองสายตา ท้องนภาครามฟ้า ภูเขาขจีเขียว ธารนทีเลื่อนรินคดเคี้ยว วิหคโผบิน สัตว์เทพรายล้อม ทิวทัศน์งดงามเช่นภาพวาด ราวมายังสรวงสวรรค์อันตัดขาดจากโลกภูมิอื่นใด

ปราณเต๋าสวรรค์ที่นี่อบอุ่นบริสุทธิ์อย่างยิ่ง มีอยู่ทุกแห่งหนเช่นแสงตะวัน ทำให้ฟ้าดินเต็มไปด้วยพลังโกลาหลอันหนาแน่นจนเห็นด้วยตา

มิต้องสงสัยเลยว่าที่นี่คือสุขาวดีแห่งการบ่มเพาะ สุขาวดีบนดินทั้งปวงมิอาจเทียบมันติดได้เลย

จากการอนุมานของเฉินซี ไม่ว่าความสามารถโดยกำเนิดของผู้บ่มเพาะจะดีหรือร้ายเช่นไร การพัฒนาขอบเขตบ่มเพาะที่นี่ก็หามีกังวลไม่!

นี่คือโลกภูมิเก้าวิญญาณ โลกภูมิเอกเทศภายในแดนมารดากำเนิดบรรพ์ เป็นที่ตั้งของตระกูลเฉิน หนึ่งในเตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์

ฟ่าว!

ขณะที่พวกเฉินซีเพิ่งมาถึง หนึ่งคลื่นอำนาจพลันปรากฏในสุญญะ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปี้อ้านอันดูเยี่ยงมังกรตนหนึ่งก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา

ดวงตาใหญ่ประหนึ่งระฆังของปี้อ้านพลันมองมายังถังเสียนผู้นำกลุ่ม ทว่าเมื่อเห็นการบ่มเพาะอันสูงส่งยิ่งของถังเสียน มันก็พลันเผยเค้าความนอบน้อม ถามขึ้นเสียงเบา “สหายเต๋าจากตระกูลถังท่านนี้ ขอทราบเหตุผลการมาเยือนได้หรือไม่?”

“ไปแจ้งเฉินหลิงคงทีว่า ถังเสียนมาเยี่ยมเยือนเขา” ถังเสียนกล่าว

“ที่แท้ก็คือสหายของผู้อาวุโสสูงสุดหลิงคง โปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบกลับมา” ปี้อ้านดูประหลาดใจ แล้วรัศมีศักดิ์สิทธิ์ก็เรื่อเรืองทั่วกาย หายวับไปทันที

“เฉินหลิงคง?” อู๋เซวี่ยฉานชำเลืองถังเสียนอย่างประหลาดใจ “ข้าจำเขาได้ เหมือนเขาจะเป็น….”

“น้องชายของเฉินหลิงจวิน” ถังเสียนตอบทันที “แต่กาลก่อน เขาต้อยต่ำกว่าเฉินหลิงจวินมากนัก”

“อะไรนะ?” เฉินซีผงะอยู่ในใจ น้องชายของท่านพ่อ?

แม้เขาจะตระหนักดีว่าเฉินหลิงคงเป็นน้องชายของบิดาตน เฉินหลิงคงก็เป็นเพียงญาติผู้หนึ่งของเฉินหลิงจวินก่อนเวียนสังสารวัฏ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเฉินหลิงคงจึงมิได้มากมาย

แต่เฉินซีก็ยังอดรู้สึกตกใจยามทราบข่าวนี้ไม่ได้ เพราะเขาได้ยินปี้อ้านเรียกเฉินหลิงคงเป็นผู้อาวุโสสูงสุด!

ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในเตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ แต่เฉินหลิงคงกลับมีสถานะสูงเพียงนี้ แสดงให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่าสถานะในตระกูลเฉินของเฉินหลิงจวินก่อนเวียนสังสารวัฏสูงส่งเพียงไร!

เฉินซีอดถามมิได้ “ศิษย์พี่ใหญ่ บิดาข้ามีสถานะเช่นไรในตระกูลเฉินก่อนเวียนสังสารวัฏกันแน่?”

“เรื่องนั้น เจ้าคงต้องถามศิษย์พี่ถังเสียนแล้วล่ะ” อู๋เซวี่ยฉานหันไปมองถังเสียน

ถังเสียนตอบตรง ๆ หาได้ปิดบังไม่ “เมื่อกาลก่อน เฉินหลิงจวินถือได้ว่าเป็นตัวตนชั้นหนึ่งในตระกูลเฉิน ทั้งความสามารถและความแข็งแกร่งล้วนไม่ธรรมดา ลือนามอย่างยิ่งในหมู่เตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง”

หลังจากนั้น ถังเสียนก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับเฉินหลิงจวินอย่างพอสังเขป

ปรากฏว่าในกาลก่อน เฉินหลิงจวินมีความสามารถไม่ธรรมดาแต่กำเนิด ฝีมือไร้เทียมทาน กล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งตระกูลเฉิน

ขณะนั้น ตระกูลเฉินเป็นเพียงตระกูลสุดแสนต้อยต่ำธรรมดาในหมู่ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขากระทั่งไร้โลกภูมิเป็นของตนเอง ทำได้เพียงต้องแบ่งใช้หนึ่งโลกภูมิในแดนมารดากำเนิดบรรพ์กับตระกูลระดับต่ำอื่น ๆ

ทว่าเมื่อฤทธาเฉินหลิงจวินทะยานสูง เขาก็เปลี่ยนสถานการณ์นี้ทันใด นำตระกูลออกศึกชิงหนึ่งโลกภูมิในแดนมารดากำเนิดบรรพ์มาเป็นของตระกูลเฉิน ครองโลกภูมิเก้าวิญญาณ กลายเป็นถิ่นพำนักตระกูลเฉิน

ขณะนั้น ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ มากมายทอดถอนใจว่ามีเฉินหลิงจวินอยู่ การเรืองอำนาจของตระกูลเฉินก็ไม่อาจหยุดยั้ง บางผู้กระทั่งรู้สึกว่าเฉินหลิงจวินมีโอกาสนำตระกูลเฉินขึ้นเป็นหนึ่งในตระกูลชั้นสูงด้วยซ้ำไป

แต่ยามนั้นเองที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับเฉินหลิงจวิน ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับนำสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งของตระกูลเฉินไป และเลือกเวียนสังสารวัฏเกิดใหม่!

หลังเหตุนี้บังเกิด ไม่เพียงตระกูลเฉินตกตะลึง กระทั่งตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ยังรู้สึกเหลือเชื่อเกินเข้าใจ

แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ ก็ไม่อาจแก้ไขได้อีก!

แต่นั้นมา ตระกูลเฉินก็เงียบหาย มิได้เรืองอำนาจดุจดาวรุ่งประกายฟ้าอีก ถึงขนาดที่อำนาจตระกูลเฉินกระทั่งเผยเค้าเสื่อมถอยตามกาลผ่าน

ขณะพวกเขาเสวนากัน เฉินหลิงคงก็นำคนเข้ามาต้อนรับพวกเขา

“ฮ่า ๆ! มิคาดเลยว่าสหายเต๋าถังเสียนจะมาด้วยตนเอง เป็นแขกอันยากพบพานจริง ๆ!” เฉินหลิงคงหัวเราะร่ายามเข้ามาทักทายถังเสียน

“ไม่ได้พบเสียนาน สหายเต๋าก็ยังสง่างามไม่เปลี่ยน ควรค่าให้แสดงความยินดีจริง ๆ” ถังเสียนกล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะแนะนำอู๋เซวี่ยฉาน “ท่านนี้คือศิษย์พี่ใหญ่จากเขาเทพพยากรณ์ของข้า อู๋เซวี่ยฉาน คาดว่าน่าจะเคยได้ยินนามเขามาแล้ว”

เฉินหลิงคงเลิกคิ้ว ดูประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะแย้มยิ้มประสานกำปั้นคารวะ “ที่แท้ก็คือนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ เราเพิ่งพบหน้า ขออภัยด้วยหากเผลอล่วงเกินใด ๆ”

“สหายเต๋าอย่าพูดถึงมันเลย” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มตอบ

“แล้วเขาคือ?” ครั้งนี้ สายตาของเฉินหลิงคงเหลือบไปยังเฉินซี แต่ก่อนที่ถังเสียนจะทันได้แนะนำ ม่านตาของเขาพลันคลับคล้ายหดตัวเมื่อสังเกตเห็นรูปลักษณ์ของเฉินซี แต่เขาก็รีบคืนความสุขุม ไม่มีทางสังเกตพบได้เลยหากไม่พินิจเขาอย่างตั้งใจอยู่ก่อน

แต่เฉินซีก็ยังสังเกตเห็นรายละเอียดยิบย่อยนี้ได้ หัวใจของเขาพลันสะท้าน หรือเขาจะจำข้าได้?

“เอ๋!” และแล้ว ถังเสียนก็ยังไม่อาจแนะนำตัวเฉินซีได้อยู่ดี เพราะหญิงสาวคนหนึ่งเบื้องหลังเฉินหลิงคงอุทานขึ้นอย่างประหลาดใจ “รูปลักษณ์ของเขาคุ้นตาจริงแท้ เหมือนข้าเคยเห็นเขาที่ไหนหนอ?”

“นั่นสิ ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน”

“เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนรูปลักษณ์ของเขาคล้ายนักโทษสองคนนั่น เฉินหลิงจวินกับจั่วชิวเสวี่ยภรรยาเขา?”

วาทะอันไม่ตั้งใจของหญิงสาวผู้นั้นทำให้คนตระกูลเฉินคนอื่น ๆ เปิดปากขึ้นตามกัน สายตาที่มองมายังเฉินซีเจือเค้าประหลาดพิกล

ทว่าเฉินซีมิได้คิดสนใจ เขารู้สึกตะลึงจังงังยามได้ยินพวกเขาเรียกบุพการีตนเป็นนักโทษ แล้วโทสะอันเกินบรรยายก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจ ทำให้เขาเกือบหลุดการควบคุมตนเอง!

ขณะนั้น หัตถ์ใหญ่ข้างหนึ่งวางลงบนบ่าเขา พลังอันอบอุ่นสายหนึ่งแผ่ออกมาสงบสติเฉินซีลงทันควัน

เฉินซีเหลือบมองตาม และพบอู๋เซวี่ยฉานส่งยิ้มมาให้

ยามนี้ เฉินซีสงบลงอย่างสมบูรณ์

“เงียบ! ยามพวกเจ้าเอะอะตรงหน้าแขกผู้มีเกียรติเช่นนี้ ผู้อื่นจะมองเราตระกูลเฉินเช่นไร?” เฉินหลิงคงขมวดคิ้วกล่าวตำหนิ ก่อนจะหันมายิ้มให้ถังเสียนและอู๋เซวี่ยฉาน “ผู้น้อยทั้งหลายเสียมารยาท โปรดอย่าถือโทษใส่ใจ โปรดตามข้ามาที่โถงรับแขกเถิด”

ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ แต่เขาไม่ถามถึงนามของเฉินซีอีก

ถังเสียนและอู๋เซวี่ยฉานสบตากันวูบหนึ่งยามได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะพยักหน้า “แน่นอน”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]