เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2005

บทที่ 2005 ลูกหลานของตระกูลเฉิน

………………..

บทที่ 2005 ลูกหลานของตระกูลเฉิน

โลกภูมิเก้าวิญญาณถูกสร้างขึ้นภายในต้นกำเนิดแห่งความโกลาหล ดังนั้นจึงมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ ทั้งยังงดงาม และไม่เหมือนสิ่งใดที่โลกภายนอกจะสามารถเปรียบเทียบได้ มันเหมือนกับบางสิ่งที่เหนือกว่าความมหัศจรรย์ของธรรมชาติด้วยซ้ำ

ตระกูลเฉินอาศัยอยู่ที่นี่ และหลังจากที่ผ่านกาลเวลามานานนับไม่ถ้วน ทรัพยากรและกองกำลังก็เหนือล้ำเกินกว่าจะจินตนาการได้เช่นกัน

ตระกูลของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองภายใต้การนำของเฉินหลิงคง และเฉินซีมองเห็นทิวเขาที่ทอดยาว ทะเลสาบอันกว้างใหญ่มากมาย สัตว์ร้ายทั้งบนบกและบนท้องฟ้า สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ ภูมิทัศน์ที่งดงาม และฉากที่ยิ่งใหญ่ทุกรูปแบบตลอดทาง

อาคารโบราณเรียงรายเป็นทิวแถวอยู่ทั่วภูมิประเทศอันกว้างใหญ่ไพศาล และดูเหมือนพวกมันจะทอดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นฉากที่งดงามมาก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เฉินซีไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมสิ่งเหล่านี้ เขาครุ่นคิดเพียงเรื่องเดียวอยู่ตลอดเวลา

นักโทษเฉินหลิงจวินหรือ?

ท่านพ่อเคยก่ออาชญากรรมอะไรเมื่อหลายปีก่อน?

เฉินซีไม่สามารถเข้าใจได้ กระนั้นการสนทนาก่อนหน้านี้ทำให้เขาสามารถยืนยันได้ว่า ทั้งบิดาและมารดาถูกจำคุกอยู่ในตระกูลเฉินจริง ๆ!

ในทางกลับกัน จากท่าทีของเฉินหลิงคง เห็นได้ชัดว่าเขาคาดเดาตัวตนของเฉินซีได้อย่างคร่าว ๆ แต่เขากลับเป็นแสร้งไม่รู้ นี่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างชวนคิด

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าก็จะพาท่านพ่อท่านแม่กลับมาให้ได้!”

เฉินซีพึมพำในใจ ในขณะที่ปณิธานของเขามั่นคงอย่างยิ่ง

นับตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการตามหาบิดามารดา และออกเดินทางผ่านโลกแห่งการบ่มเพาะมานับไม่ถ้วนเพื่อที่จะบรรลุความปรารถนานี้ จากสถานที่เล็ก ๆ เช่นเมืองหมอกสน เขาได้เอาชนะอุปสรรคทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า บุกตะลุยไปทั่วทั้งแดนใต้ และผงาดขึ้นในราชวงศ์ซ่ง

เอาชนะสมรภูมิบรรพกาลเพื่อก้าวสู่แดนภวังค์ทมิฬอันยิ่งใหญ่และงดงาม หลังจากนั้น เขาก็ขึ้นสู่ภพเซียนจากแดนภวังค์ทมิฬ ก่อนจะเข้าสู่แดนเทพโบราณ….

ตลอดเส้นทาง เขาต้องเผชิญกับการต่อสู้นองเลือดและความคับข้องใจมากมาย ทั้งยังต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วน ความพยายามและความทุ่มเททั้งหมดนี้ เพียงเพื่อที่จะได้กลับมาเจอบิดามารดาอีกครั้งไม่ใช่หรือ?

บัดนี้ ความปรารถนานี้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ดังนั้นเฉินซีจะไม่พลาดโอกาสที่เขาแสวงหามานานแน่นอน!

หนึ่งถ้วยชาต่อมา เฉินหลิงคงซึ่งเป็นนำทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดกะทันหัน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ระยะไกล แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สหายเต๋า โปรดดูนั้น พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลข้า ซึ่งจัดทุก ๆ หมื่นปี จะจัดขึ้นที่นั่นในอีกสิบห้าวันนับจากนี้”

เฉินซีตื่นจากการครุ่นคิดอันลึกซึ้งทันที จากนั้นก็แหงนหน้ามองดู เขาเห็นยอดเขาสูงตระหง่านห้าลูก ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไกลออกไปมาก

ยอดเขาทั้งห้านั้นตั้งรวมกันเป็นรูปห้าเหลี่ยมของธาตุทั้งห้า และถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ หากใครมองลงมาจากท้องฟ้า ก็จะเห็นว่ามันก่อตัวเป็นวงกลม เหมือนกับวงกลมของไท่จี๋

ในขณะนี้ ยอดเขาทั้งห้านี้ได้ร่วมกันปกป้องแท่นบวงสรวงที่สูงตระหง่านและโบราณซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ครอบคลุมพื้นที่หกสิบลี้ สูงตระหง่านเสียดฟ้า และแผ่กลิ่นอายโบราณออกมา

นอกจากนั้น เปลวไฟวิญญาณธรรมชาติสีขาวที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง กำลังลุกไหม้อยู่ตรงกลางแท่นบวงสรวง ประกายไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่องสว่างไปทั่วโลกด้วยความสว่างไสวอันกว้างใหญ่ และมันก็ดูศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง

แม้จากระยะไกล ใคร ๆ ก็สามารถได้ยินเสียงดังกึกก้องของเต๋าที่ฟังดูเหมือนเสียงธรรมชาติ ซึ่งแผ่ออกมาจากแท่นบ่วงสรวง มันเป็นท่วงทำนองที่กระจ่างแจ้ง ซึ่งก้องกังวานไปทั่วฟ้าดิน

มันเป็นแท่นบวงสรวงของตระกูลเฉินสำหรับการเซ่นไหว้ มันถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของตระกูลเฉิน และเปี่ยมไปด้วยอำนาจอันทรงพลังของเสามังกร มันแสดงถึงศักดิ์ศรีและประวัติศาสตร์ของตระกูลเฉิน

โดยปกติแล้ว แท่นบวงสรวงเป็นเหมือนพื้นที่ต้องห้าม แม้แต่คนในตระกูลเฉินก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้โดยเด็ดขาด

“เรามาถูกเวลาพอดี ควรคว้าโอกาสนี้ในการชื่นชมความรุ่งโรจน์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลเฉิน” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มพลางกล่าวอย่างเฉยเมย

ถังเสียนนั่นไม่ยอมรับหรือเห็นด้วยกับเรื่องนี้ สีหน้าเย็นชาเช่นเคย

เฉินหลิงคงหัวเราะร่า “ตระกูลเฉินของข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่นายใหญ่และสหายเต๋าถังเสียนมาชมพิธีนี้”

เขาหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองไปที่เฉินซีโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เขาจะยิ้มพลางกล่าวกับอู๋เซวี่ยฉาน “ใช่แล้ว บางทีนายใหญ่อาจไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ตระกูลเฉินของข้ากำลังเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในช่วงพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ในเวลานั้น นายใหญ่สามารถช่วยตรวจสอบเด็กน้อยเหล่านั้นในระหว่างการคัดเลือกได้ มันคงจะดีอย่างยิ่งถ้าผู้สืบทอดคนต่อไป สามารถได้รับความเอ็นดูจากนายใหญ่”

อู๋เซวี่ยฉานยิ้มแล้วโบกมือ “ท่านถ่อมตนเกินไปแล้ว”

อย่างไรก็ตาม เฉินหลิงคงก็ถอนหายใจ “อนิจจา อันที่จริง เนื่องจากพี่ชายของข้าจากไปโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ ตระกูลจึงประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดติดต่อกัน มันทำให้ตำแหน่งของผู้นำตระกูลว่างเปล่า และเรายังไม่สามารถเลือกผู้นำที่แท้จริงได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น ตระกูลเฉินของข้าก็คงไม่ตกต่ำลงทีละน้อย….”

อู๋เซวี่ยฉานพยักหน้าและกล่าวว่า “นั่นค่อนข้างแย่จริง ๆ”

เฉินหลิงคงหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไรต่อ นำกลุ่มและบินไปข้างหน้า

ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงห้องโถงใหญ่ที่เก่าแก่ โอ่อ่า และหรูหรา

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว สาวใช้แสนสวยก็ยกสุราชั้นดีและอาหารเลิศรสมากมาย พวกนางรินชาให้กับอู๋เซวี่ยฉาน ถังเสียน และเฉินซีเช่นกัน พวกนางดูสุภาพมาก

ถังเสียนกลับส่ายศีรษะแทน “ข้าคงจะประหลาดใจอย่างแท้จริง หากมีอีกคนเข้าร่วมด้วย”

เฉินหลิงคงฉงน “โอ้ ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าเป็นใครใดในตระกูลเฉินที่สหายเต๋าถังเสียนคาดหวัง”

เหล่าคนของตระกูลเฉินก็อยากรู้มากเช่นกัน

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ถังเสียนชี้นิ้วไปที่เฉินซี “เขา”

เขา?

แต่หลังจากนั้น มุมปากของเฉินหลิงคงก็กระตุกเล็กน้อย คล้ายเข้าใจ ทำให้สีหน้าของเขามืดมนเล็กน้อย

ในขณะนี้ เฉินซีก็เข้าใจถึงความตั้งใจของศิษย์พี่ในที่สุด พวกเขาคงตั้งใจให้เขาเข้าร่วมในพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลเฉินตั้งแต่แรกแล้ว!

ซึ่งนั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้ หากเขามีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉิน ความหวังในการช่วยเหลือบิดามารดาของเขาก็จะมากขึ้นกว่าเดิม!

ปัญหาเดียวก็คือ เขาไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของตระกูลเฉิน เขาเป็นลูกของเฉินหลิงจวิน หลังจากที่เฉินหลิงจวินกลับชาติมาเกิดแล้ว หากเรื่องตัวตนของเขาไม่ได้รับการแก้ไข เขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้

ทันทีที่ความคิดนี้ก็แวบขึ้นมาในใจของเฉินซี เฉินหลิงคงกล่าวอย่างเฉยเมย “สหายเต๋าถังเสียน ท่านล้อข้าเล่นหรือ?”

ถังเสียนขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยล้อเล่น”

คำพูดเหล่านี้เพียงอย่างเดียว กลับทำให้ใบหน้าของเฉินหลิงคงมืดมน พอคาดเดาเป้าหมายเบื้องหลังการมาของอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนได้ราง ๆ

“ผู้อาวุโส พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเป็นเรื่องภายในของตระกูลเฉิน ผู้เข้าร่วมทั้งหมดต้องเป็นคนของตระกูลเฉิน คนนอกไม่ได้รับอนุญาต”

คนของตระกูลเฉินบางคนไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้

คนผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาอย่างยิ่ง เปล่งประกายไปด้วยความแข็งแกร่งและความมีชีวิตชีวา เสียงทรงพลังและเด็ดเดี่ยว ราวกับเขากำลังตำหนิถังเสียน

“ใช่แล้ว ก้าวก่ายเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะเท่าไหร่กระมัง”

คนอื่น ๆ กล่าวขึ้นตาม ๆ กัน และมีบางคนถึงกับจ้องมองที่เฉินซีด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร

“คนนอกหรือ?” รอยยิ้มที่มุมปากของถังเสียนชวนกระตุ้นให้คิด “พวกเจ้าทุกคนคงไม่รู้ แต่ศิษย์น้องเล็กของข้าเป็นทายาทของเฉินหลิงจวิน แล้วมีตรงไหนที่ไม่เหมาะสม?”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]