บทที่ 2012 ม่านได้ถูกรูดออก
………………..
บทที่ 2012 ม่านได้ถูกรูดออก
ร่างของเฉินเซียวอวิ๋นพุ่งเข้ามาราวกับเงา และมันปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วต่อหน้าเฉินซี
โอม!
แสงสีม่วงพันรอบปลายนิ้ว แม้ว่ามันดูเหมือนจะไม่โดดเด่น แต่ก็เปล่งเสียงเสียดหูขณะที่มันพุ่งไปในอากาศ และมันแสดงถึงพลังในการเจาะที่น่าสะพรึงกลัว
แต่มันก็ส่งเสียงหอนแหลมคมเสียดหูขณะที่มันยิงไปในอากาศ และมันแสดงอำนาจทะลุทะลวงที่น่าสะพรึงกลัว
ในฐานะหนึ่งในสามผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจ้าวเอกภพของตระกูลเฉิน การบ่มเพาะของเฉินเซียวอวิ๋นอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเจ็ดดารา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรวมกับความสามารถโดยกำเนิดที่เขามีในฐานะคนของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ พลังยุทธ์เขาจึงน่าเกรงขามอย่างปฏิเสธไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้จ้าวเอกภพส่วนใหญ่ในโลกภายนอกรู้สึกหวาดกลัว และเกรงที่จะรับผลกระทบที่รุนแรง!
“ในที่สุด การต่อสู้ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น….” ร่างสองร่างยืนอยู่กลางอากาศซึ่งห่างไกลออกไปมาก คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเรียบ ๆ มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เปล่งรัศมีสะอาด เรียบง่าย และไม่ธรรมดา
อีกร่างเป็นสตรี นางสวมชุดสีแดงเพลิง คิ้วรูปใบหลิวที่แหลมคมราวกับดาบ ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่ม รวมถึงใบหน้าสวยงามอย่างไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็นและความเย่อหยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเฝ้าดูทั้งหมดนี้อยู่ไกล ๆ ความคาดหวังปรากฏบนใบหน้า เมื่อเห็นเฉินเซียวอวิ๋นโจมตีอย่างดุร้าย
หากเฉินเซียวอวิ๋นอยู่ที่นี่ เขาก็คงจะแสดงสีหน้าประหลาดใจ เพราะร่างทั้งสองนั้นคือเฉินเต้าหยวนและเฉินชิวสุ่ย ซึ่งเป็นหนึ่งในสามผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นเดียวกับเขา!
…
สถานการณ์ตึงเครียด และการต่อสู้ก็ปะทุขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างฉับพลัน เฉินซีก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อเผชิญหน้ากับเฉินเซียวอวิ๋นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ เพราะแท้จริงแล้วเขากลับไม่ได้ขยับใด ๆ และไม่มีความตั้งใจที่จะสกัดการโจมตีนี้เลย ถึงขนาดที่เขาไม่ได้พยายามหลบเลยด้วยซ้ำ
เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าสุขมและไม่แยแส ดวงตาสีดำเงียบสงบราวกับบ่อน้ำโบราณ ดูเหมือนเขาจะไม่สังเกตเห็นการมาถึงของอันตรายเลย
หืม? ดวงตาของเฉินเซียวอวิ๋นหรี่ลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่จิตสังหารฉายแววอยู่ภายในพวกมัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เขาก็หยุดกะทันหันอย่างน่าประหลาดใจ และถอนการโจมตีออกไปเช่นกัน
ในขณะนี้ นิ้วของเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงอยู่ห่างจากลำคอของเฉินซีไม่ถึงสามชุ่น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาสามารถสังหารเฉินซีได้อย่างง่ายดาย เมื่อใดก็ได้ที่เขาต้องการ!
ทว่าเขากลับไม่ขยับเลย!
สิ่งนี้ทำให้ผู้ชมทุกคนประหลาดใจและสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เหตุใดเจ้าถึงไม่ตอบโต้?” ท่าทางของเฉินเซียวอวิ๋นเย็นชา ดวงตาเรียวยาวจับจ้องเฉินซีเขม็ง
“แล้วทำไมเจ้าไม่โจมตีล่ะ” เฉินซีตอบคำถาม สีหน้าของเขายังคงสงบไม่เปลี่ยนแปลง
เฉินเซียวอวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริง ๆ หรือ?”
ทันใดนั้น เฉินซีก็ยิ้ม จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปปัดนิ้วของเฉินเซียวอวิ๋น ราวกับว่ากำลังปัดควันออกไป แล้วจึงกล่าวว่า “เจ้าไม่กล้าหรอก”
ใบหน้าของเฉินเซียวอวิ๋นหมองลง ในขณะที่จิตสังหารได้บดบังดวงตาของเขา และดูเหมือนว่าเกือบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ทว่าเฉินซีกลับดูไม่แยแสแม้แต่น้อย และไม่แม้แต่จะเหลือบมองเฉินเซียวอวิ๋นด้วยซ้ำ เขาหันหลังกลับและเดินไปที่เสาเพลิง จากนั้นก็บดขยี้โซ่ศักดิ์สิทธิ์สีม่วงที่มัดร่างของเฉินหงซิ่ว….
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ เฉินเซียวอวิ๋นมองเขาอยู่ตลอดเวลาด้วยสายตาเย็นเยียบ มีหลายครั้งที่เฉินเซียวอวิ๋นต้องการคว้าโอกาสนี้เพื่อฆ่าเฉินซี แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ทำเช่นนั้น
“หากครั้งหน้าเจ้าต้องการหาเรื่องข้า ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องข่มขู่ข้าด้วยชีวิตของคนในตระกูลเจ้าเอง นั่นมันไร้ยางอายมาก” หลังจากที่ช่วยเฉินหงซิ่วแล้ว เฉินซีก็หันไปมองที่เฉินเซียวอวิ๋น ก่อนที่จะส่ายหัวและถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงจากไป
ทันใดนั้น สีหน้าของเฉินเซียวอวิ๋นก็แปรเปลี่ยนไม่รู้จบ และเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่จ้องมองไปที่เฉินซีอย่างแน่วแน่
แม้ว่าร่างของเฉินซีจะหายไปทางด้านบนแล้ว เฉินเซียวอวิ๋นก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาทอประกายแสงเยียบเย็น ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่ใหญ่เซียวอวิ๋น ทำไมท่านถึงปล่อยมันไป” คนอื่น ๆ ของตระกูลได้แต่ตั้งคำถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ พวกเขาไม่สามารถเข้าใจการกระทำของเฉินเซียวอวิ๋นได้ เพราะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม แต่ทำไมเขาถึงหยุด!
“พวกเจ้าคงไม่เข้าใจ” จู่ ๆ เฉินเซียวอวิ๋นก็ถอนหายใจ เขาโบกแขนเสื้อวูบหนึ่ง แล้วกลับไปยังแท่นบงกชม่วง ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน…” คนในตระกูลเหล่านั้นสบตากัน ท่าทางยังคงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจ ขณะพาชายร่างกำยำที่หมดสติไปด้วย
…
“เจ้าเด็กนั่นค่อนข้างอหังการ เขามั่นใจว่าเซียวอวิ๋นจะไม่ทำร้ายเขาในเวลานี้” เฉินเต้าหยวนที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาและยืนอยู่ในระยะไกล กล่าวด้วยรอยยิ้ม “น่าเสียดาย เราไม่อาจเห็นความสามารถของเจ้าเด็กนั่นได้”
“อหังการเรอะ? สำหรับข้าดูเหมือนว่าเขารู้ตัวว่าไม่ใช่คู่มือของเซียวอวิ๋น แข็งแกร่งแต่เปลือกน่ะสิ” เฉินชิวสุ่ยยังคงไม่แยแส “ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าเขาเป็นเพียงจ้าวเอกภพสี่ดาราเท่านั้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องนี้มากนักหรอก”
“ชิวสุ่ย เจ้าคิดผิดแล้ว เขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของเขาเทพพยากรณ์ และเขายังสามารถนำตัวตนที่ไม่ธรรมดาสองคนอย่างอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนมาที่นี่ด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้” เฉินเต้าหยวนจมอยู่ในภวังค์ และกล่าวว่า “แต่เจ้ากล่าวไม่ผิดหรอก การบ่มเพาะของเขาที่ขอบเขตจ้าวเอกภพสี่ดาราถือเป็นข้อบกพร่องใหญ่หลวงจริง ๆ ดังนั้นไม่ว่าความสามารถของเขาจะท้าทายสวรรค์เพียงใด ก็คงไม่มีโอกาสมากนักที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลเฉินของเรา”
เฉินชิวสุ่ยหันหลังกลับและจากไปในขณะที่พึมพำ “มาเถิด พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษจะเริ่มในอีกสามวัน เราต้องเตรียมตัวไว้ก่อน ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋าจากกองกำลังอื่น ๆ จะมาชมพิธีนี้ด้วย…. แปลกจริง ๆ พิธีใหญ่ครั้งล่าสุดไม่มีกองกำลังมามากมายขนาดนี้….”
เฉินเต้าหยวนยิ้มและจากไป
“แม้จะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่ก็อยู่ไม่ไกลมากนัก” อู๋เซวี่ยฉานตบไหล่เฉินซี “ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางทีครอบครัวของเจ้าอาจจะกลับมาพบกันใหม่ได้ภายในสามวันนับจากนี้ เมื่อถึงเวลานั้นบิดาของเจ้าก็จะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”
เฉินซีพยักหน้า
สามวันต่อมา
ทันทีที่รุ่งอรุณมาถึง ทั่วทั้งตระกูลเฉินก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น กลุ่มคนของตระกูลเฉินเป็นเหมือนกระแสน้ำหนาแน่นที่มาบรรจบกันที่หน้าแท่นบวงสรวงจากทุกทิศทุกทางภายในโลกภูมิเก้าวิญญาณ
แท่นบวงสรวงโบราณลอยอยู่กลางอากาศ และครอบคลุมพื้นที่กว่าหกสิบลี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันถูกล้อมรอบด้วยยอดเขาทั้งห้าที่ก่อตัวเป็นรูปห้าเหลี่ยมของธาตุทั้งห้า และมันก็เป็นภาพที่ค่อนข้างงดงาม
เมื่อเฉินซี อู๋เซวี่ยฉาน และถังเสียนมาถึงที่นี่ด้วยกัน พวกเขาเห็นร่างมากมายยืนอยู่บนแท่นบวงสรวงอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งมีอย่างน้อยหลายหมื่นคน
พวกเขาล้วนมีท่าทางที่เคร่งขรึมและสำรวม โดยไม่พูดอะไรสักคำ บรรยากาศของที่นี่ก็เคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เปลวไฟสีขาวกำลังลุกไหม้อยู่ตรงกลางแท่นบวงสรวง ที่ด้านหน้าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์มีร่างจำนวนมากที่มีกลิ่นอายทรงพลังและมีพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาลกำลังยืนอยู่
เมื่อมองจากระยะไกล ร่างเหล่านี้ดูเหมือนดวงอาทิตย์จำนวนมาก กำลังเปล่งประกายแวววาวและเจิดจ้าจนทำให้ยากจะมองตรง ๆ
เห็นได้ชัดว่าร่างเหล่านี้เป็นพวกระดับสูงของตระกูลเฉินที่ครอบครองอำนาจมากที่สุดในตระกูล!
น่าแปลกที่ร่างของเฉินหลิงคงก็อยู่ในหมู่พวกเขาเช่นกัน
“เอาละ ไปดูพิธีกัน” อู๋เซวี่ยฉานนำทาง และเคลื่อนตัวตรงไปยังยอดเขา
มีการจัดเก้าอี้และโต๊ะรอไว้แล้ว ทั้งยังมีร่างหลายร่างนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาก็มาชมพิธีด้วยเช่นกัน
เมื่อกลุ่มของเฉินซีมาถึง หลาย ๆ คนก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ทักทายทั้งอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียน
“นายใหญ่”
“สหายเต๋าถังเสียน”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวแรงเมื่อเห็นเหตุนี้ ชื่อเสียงที่ศิษย์พี่ของข้าครอบครองไม่ใช่ของปลอม พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากแม้กระทั่งในหมู่ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่ถือกำเนิดในต้นกำเนิดแห่งความโกลาหล
อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนทักทายพวกเขาทีละคน จากนั้นพวกเขาก็พาเฉินซีไปเลือกที่นั่งอย่างสบาย ๆ
เฉินซีสังเกตเห็นว่ามีหลายคนลอบมองเขามาตั้งแต่แรก และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับสิ่งนี้ “หรือว่าพวกเขาก็รู้ว่าข้าจะเข้าร่วมการแข่งขันสำหรับผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลเฉิน?”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...