บทที่ 2013 ศูนย์กลางของความสนใจ
………………..
บทที่ 2013 ศูนย์กลางของความสนใจ
ก่อนที่เฉินซีจะคิดเรื่องนี้ได้ เสียงแตรก็ดังมาจากแท่นบวงสรวงโบราณที่ลอยอยู่ใต้ท้องฟ้า ก้องกังวานไปทั่วโลก
เสียงแตรดังโอ่อ่า เก่าแก่ ฟังดูเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์ ราวกับมหากาพย์อันชั่วนิรันดร์ที่กล่าวถึงอดีตอันรุ่งโรจน์
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึมและสำรวม คนของตระกูลเฉินนับพันนับหมื่นล้วนโค้งคำนับพร้อมกัน และพวกเขาก็ถวายการบวงสรวงต่อเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่วูบวาบอยู่กลางแท่นบวงสรวง
พิธีโบราณที่พวกเขาดำเนินการ บรรยากาศอันเคร่งขรึม และฉากอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เฉินซีอดรู้สึกตกใจไม่ได้
นี่คือพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของตระกูลเฉินที่จัดขึ้นทุก ๆ หมื่นปี พวกเขาจะสวดภาวนาเพื่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และมรดกชั่วนิรันดร์ของตระกูล!
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไป เฉินซีก็ค่อย ๆ เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะสิ่งที่เขาได้ยินจากแท่นบวงสรวงนั้น เป็นกฎและคำสอนของบรรพบุรุษตระกูลเฉิน และไม่เกี่ยวข้องกับเฉินซีได้แม้แต่น้อย
เพราะถึงอย่างไร เฉินซีก็เป็นคนนอกของตระกูลเฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ได้
“ศิษย์พี่ถังเสียน แขกที่ร่วมชมพิธีเหล่านี้ ล้วนมาจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เช่นกันหรือ?” เฉินซีถามถังเสียนผ่านกระแสปราณ
“ใช่แล้ว” สายตาของถังเสียนจับจ้องไปที่แท่นบวงสรวงในระยะไกล แต่เขารีบกล่าวผ่านกระแสปราณว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอยากฟังเรื่องของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
“โปรดเล่าให้ฟังด้วย” เฉินซีรู้สึกเบื่อหน่าย ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างสนใจ
“โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงต้นกำเนิดของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ พวกมันทั้งหมดเป็นเทพโดยกำเนิดที่ถือกำเนิดเมื่อความโกลาหลถูกแยกออกจากกัน” ถังเสียนกล่าวอย่างไม่ปิดบังและอธิบายอย่างใจเย็น “อย่างไรก็ตาม ตามสายเลือดที่แตกต่างกันของพวกเขา เทพโดยกำเนิดเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นตระกูลต่าง ๆ”
“ปัจจุบัน ตามกองกำลังที่มีขนาดแตกต่างกัน ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่กำเนิดภายในต้นกำเนิดแห่งความโกลาหล มีตระกูลระดับสูงห้าตระกูล ตระกูลระดับกลางสิบหกตระกูล และตระกูลระดับต่ำมากกว่าร้อยตระกูล
“ตระกูลระดับต่ำนั้นซับซ้อนที่สุด พวกมันกระจายไปตามมิติต่าง ๆ มากมาย และคนในตระกูลระดับต่ำนั้นมีประมาณไม่กี่พันคน หรือไม่ถึงสิบคน ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะจำแนกพวกมัน”
“ในบรรดาตระกูลระดับกลางทั้งสิบหกตระกูล แต่ละตระกูลอาศัยอยู่ในมิติของตนเอง ในขณะที่มีคนในตระกูลมากกว่าหมื่นคนในแต่ละตระกูล ตัวอย่างเช่น ตระกูลเฉิน เป็นหนึ่งในตระกูลระดับกลาง ทว่ากองกำลังของตระกูลเฉินก็ค่อย ๆ ลดลงในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา ตอนนี้ด้อยกว่าในอดีตมาก หากในแง่ของความแข็งแกร่งที่แท้จริง พวกมันก็ไม่สามารถต่อกรกับอีกสิบห้าตระกูลที่เหลือได้
“ในทางกลับกัน ตระกูลระดับสูงจะมีกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลระดับสูงแต่ละตระกูลจะครอบครองมิติอย่างน้อยสามมิติ เต็มไปด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์ และมีอัจฉริยะที่มีความสามารถมากมาย แม้ตระกูลระดับสูงแต่ละตระกูลจะด้อยกว่าห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก”
ถ้าเขาไม่ได้มาที่ต้นกำเนิดแห่งความโกลาหลที่อยู่ใต้ตีนเขาผนึกเทพในครั้งนี้ เขาคงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า กองกำลังที่น่ากลัวและยิ่งใหญ่เช่นนี้จะมีอยู่จริงในโลก
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นตระกูลระดับสูง ตระกูลระดับกลาง หรือตระกูลระดับต่ำ แม้ว่าพวกมันจะต่อสู้กันเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่พวกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี ดังนั้นหากเป็นการต่อกรกับศัตรูภายนอก ความแข็งแกร่งที่พวกเขาเปิดเผยออกมาก็คงจะน่าเกรงขามจนไม่อาจจินตนาการได้ อย่างน้อยที่สุด แม้แต่ห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิก็ยังหวาดกลัวพวกมันอย่างมาก”
ถังเสียนกล่าวต่อ “หากไม่เป็นเช่นนั้น แดนมารดากำเนิดบรรพ์และแม้แต่ภูเขาผนึกเทพทั้งหมด ก็จะไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ และกองกำลังในแดนเทพโบราณจะไม่สามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ได้ ”
เฉินซีพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นเอง”
อันที่จริงแล้วมันก็ชัดเจน หากตระกูลทั้งหมดในตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ถูกรวมเข้าด้วยกัน มันก็เพียงพอที่จะกวาดล้างไปทั่วทั้งแดนเทพโบราณ เนื่องจากพวกมันกำลังปกป้องภูเขาผนึกเทพ ในขณะที่ครอบครองความแข็งแกร่งดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่สถานที่แห่งนี้ถูกยึดเป็นพื้นที่ต้องห้ามมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีน้อยคนที่กล้าบุกรุก
“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์กับแดนเทพโบราณเป็นอย่างไร” เฉินซีถาม
“ไม่ใช่ทั้งมิตรและศัตรู” ถังเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สรุปแล้ว ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์มีความภาคภูมิใจในการเป็นเทพโดยกำเนิด และพวกมันรังเกียจที่จะเกี่ยวข้องกับผู้บ่มเพาะของแดนเทพโบราณ อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้ถือแดนเทพโบราณเป็นศัตรูเช่นกัน เพราะในความคิดเห็นของพวกมัน แดนมารดากำเนิดบรรพ์ เป็นสรวงสวรรค์แห่งการบ่มเพาะอันดับหนึ่งของโลก และเป็นสถานที่ที่ใกล้กับเต๋าสวรรค์มากที่สุด ดังนั้นพวกมันจึงไม่สนใจแดนเทพโบราณเลย”
คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น ก่อนที่เขาจะหัวเราะเบา ๆ “ไม่น่าแปลกใจที่ตั้งแต่เรามาถึงตระกูลเฉิน คนเหล่านั้นถึงทำตัวจองหองและหยิ่งยโสราวกับว่าเหนือกว่าเช่นนี้”
ถังเสียนกล่าวอย่างเยาะเย้ย “นั่นเป็นข้อบกพร่องทั่วไปที่พวกมันมี หลังจากผ่านกาลเวลามานานนับไม่ถ้วน มันก็หลอมรวมในสายเลือดของพวกมันอย่างสมบูรณ์ และไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองกำลังของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าเกรงขามอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ มิฉะนั้นก็คงไม่มีทางที่ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์จะยึดครองแดนมารดากำเนิดบรรพ์จนถึงตอนนี้”
เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “กล่าวง่าย ๆ ความจองหอง ความเย่อหยิ่ง และความแข็งแกร่ง สามคำนี้สามารถสรุปตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวแรง “เมื่อเปรียบเทียบกับพวกมัน ก็เป็นเรื่องง่ายที่ผู้อื่นจะรู้สึกหงุดหงิด เพราะไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ทรัพยากร กองกำลัง สายเลือด หรือว่ามรดก…. พวกมันมีมากมายนัก และผู้บ่มเพาะจากโลกภายนอกก็เทียบพวกมันไม่ได้เลย”
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้ชะตากรรมของตระกูลเฉินได้รับผลกระทบหลังการจากไปของเฉินหลิงจวิน ยิ่งไปกว่านั้น กองกำลังของตระกูลเฉินก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ทว่าตอนนี้ ตระกูลเฉินกำลังจะเลือกผู้สืบทอดที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูลในระหว่างพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ดังนั้นจึงมีความหมายที่ไม่ธรรมดา
“บัดนี้ ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันจงรออยู่ที่นี่ ส่วนคนอื่น ๆ จงออกไปจากแท่นบวงสรวงซะ!” เฉินหลิงคงประกาศด้วยเสียงทุ้มลึก
ในไม่ช้า คนตระกูลเฉินหลายพันคนบนแท่นบวงสรวงโบราณก็จากไปอย่างต่อเนื่อง และมีเพียงสิบกว่าร่างเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ที่นั่น
หากนับดี ๆ จะมีทั้งหมดสิบห้าคน พวกเขาล้วนเป็นจ้าวเอกภพ และอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพห้าดาราหรือสูงกว่า!
ถ้าหากอยู่ในแดนเทพโบราณ จะมีกองกำลังอื่นใดนอกเหนือจากห้าสุดยอดของเอกภพจักรวรรดิจะสามารถครอบครองจ้าวเอกภพสิบห้าคนที่มีความสามารถดังกล่าวได้?
แน่นอนว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่ตระกูลเฉินเป็นตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง ทรัพยากรและกองกำลังกลับไม่ธรรมดาเลย
ในขณะนี้ จ้าวเอกภพทั้งสิบห้าคนกำลังยืนตัวตรงบนแท่นบวงสรวงโบราณที่ว่างเปล่า และกลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจทันที
ผู้นำทั้งสามที่ไม่มีใครเทียบได้ ได้แก่ เฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นก็อยู่ท่ามกลางจ้าวเอกภพทั้งสิบห้าคนนั้นเช่นกัน
“นอกจากนี้ สหายเต๋าที่มีความสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลเฉินของเราจะเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย” ในขณะนี้ สายตาของเฉินหลิงคงก็จับจ้องไปที่เฉินซี “เฉินซี เจ้าพร้อมหรือยัง?”
ฟึ่บ!
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ตวัดมาที่เฉินซี บรรยากาศกดดันขึ้นอย่างเฉียบพลัน
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...