เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2014

บทที่ 2014 ศึกชิงเหนือ

………………..

บทที่ 2014 ศึกชิงเหนือ

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเฉินหลิงคง เฉินซีก็ลุกขึ้นมาแล้ว

เขาสัมผัสได้ว่าสายตาที่มองมามีทั้งความประหลาดใจ ความรังเกียจ เดียดฉันท์ และความกังขา….

แต่ก็ไม่อาจทำลายความตั้งใจของเฉินซีได้ เขายังคงสีหน้าสงบสุขุมไว้ ก่อนจะป้องมือทำความเคารพศิษย์พี่อู๋เซวี่ยฉานกับถังเสียน จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปหาแท่นบูชา

อาภรณ์พลิ้วไสวยามเคลื่อนกาย สายตาคนรอบข้างขึ้นไปตามเงาร่างเขา เหมือนอยากรู้ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไรกันแน่ ไปเอาความมั่นใจเข้าร่วมกันแข่งขันเช่นนี้มาจากไหน

แต่เฉินซีเหมือนไม่สนใจอะไร ตอนนี้เขาสนเพียงแท่นบูชาโบราณและการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น!

เขารอวันนี้มานานแล้ว ใช้ทั้งเลือดทั้งเหงื่อและความพยายามมากมาย ดังนั้นครั้งนี้เขาจะไม่มีวันล้มเหลวแน่

มีแต่ต้องทำให้สำเร็จเพื่อที่จะช่วยบิดามารดาจากตระกูลเฉินที่เหมือนเป็นถ้ำเสือต่อหน้าทุกคนให้ได้!

ดังนั้น….

เขาต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้เท่านั้น!

“นั่นน่ะหรือเฉินซี? ดูไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนะ”

“หึ! ก็แค่ไอ้เด็กคนหนึ่งจากแดนเทพโบราณ แต่คิดผงาดอยากเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉินเรา ประเมินตนเองสูงไปแล้ว!”

“ข้าสงสัยว่าทำไมผู้อาวุโสใหญ่ถึงยอมให้คนนอกอย่างเขาเข้าร่วมด้วย? หรือเพราะว่ามันเป็นทายาทของอาชญากรเฉินหลิงจวินนั่น? แต่ในกายเขาไม่มีเลือดตระกูลเฉินอยู่เลยนะ!”

“ฮ่า ๆ! ไม่ต้องประหลาดใจไปหรอก ไม่ว่าเขาจะด้อยกว่าอย่างไร เขาก็เป็นศิษย์เขาเทพพยากรณ์อยู่ดี ถึงเราไม่ไว้หน้าเขา แต่ก็ต้องไว้หน้าเขาเทพพยากรณ์”

“เหมือนหาเรื่องให้ตัวเองอับอาย!”

“ข้าสงสัยนัก เขาแกร่งขั้นไหนกันแน่? เพราะเขาใช้พลังขอบเขตจ้าวเอกภพสี่ดาราเอาชนะเฉินจืออวี้ที่เป็นจ้าวเอกภพห้าดาราไปได้เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติเลย”

“แบบนี้ยิ่งทำให้น่าสนใจไม่ใช่หรือ? หากเขาอ่อนแอเกินไป เราชนะเขาได้เราก็ไม่รู้สึกชนะ แต่เป็นเหมือนตระกูลเฉินรังแกเขาเสียมากกว่า”

ท่าทีของพวกเขาชัดเจน ล้วนแต่เยาะเย้ยถากถางเฉินซี ไม่มีใครเข้าข้างเขาสักคน เหมือนรอดูตัวตลกเดินไปตายเองอย่างไรก็อย่างนั้น

มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เผยสีหน้าฉงนสงสัย เพราะเท่าที่พวกเขารู้ เฉินซีมีพลังต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะสามารถเอาชนะเฉินจืออวี้ได้

แต่ก็แค่สงสัยว่าเฉินซีจะรั้งอยู่ในการแข่งขันคัดเลือกทายาทตระกูลได้นานเท่าไหร่เท่านั้นเอง

ส่วนเฉินซีจะชนะหรือไม่พวกเขาไม่คิดใส่ใจ เพราะยอดฝีมืออย่างเฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย เฉินซีย่อมไม่มีโอกาสคว้าชัยชนะมาได้แน่นอน

หรือให้พูดก็คือ พวกเขาสงสัย ดูถูก และเกลียดชังกับการที่เฉินซีเข้าร่วมการแข่งในครั้งนี้ด้วยมาก ถึงจะสงสัยแปลกใจอย่างไร แต่ก็เป็นความสงสัยว่าเหตุใดเฉินซีถึงเข้ามารนหาที่ตายให้อับอายเองแบบนี้ต่างหาก!

คนตระกูลเฉินรู้สึกเช่นนี้ ความคิดความเห็นชัดเจน ด้วยมองว่าถึงเฉินซีจะมาจากเขาเทพพยากรณ์ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นคนนอกอยู่ดี!

ในเมื่อคนนอกกล้าอยากได้ตำแหน่งทายาทตระกูลพวกเขา ไม่ใช่ว่าเป็นการรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?

ทว่าแขกที่รับชมอยู่รอบข้างกลับสงสัยว่าทำไมเฉินหลิงคงถึงยอมให้คนนอกเข้าร่วมการแข่งขันที่จริงจังเช่นนี้ได้

หรือว่าเขาไร้ทางเลือก เพราะเกรงใจอำนาจและอิทธิพลของเขาเทพพยากรณ์งั้นหรือ?

หรือจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเฉินซีกับเฉินหลิงจวินที่ตระกูลเฉินกักขังไว้อยู่?

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็น่าแปลกทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่ทำให้ใครก็ประหลาดใจ

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ว่าตระกูลเฉินคิดจะทำอะไรกันแน่

พริบตาเดียว เฉินซีก็มาถึงแท่นบูชาโบราณ ยืนสบาย ๆ อยู่ท่ามกลางคนตระกูลเฉินอีกสิบห้าคนที่เข้าร่วมการแข่งในครั้งนี้ด้วย

เป็นภาพที่น่าสนใจไม่น้อย เฉินซียืนอยู่เพียงลำพังท่ามกลางคนตระกูลเฉิน แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างเด่นชัด แม้จะไม่รบกวนกัน แต่ก็แข่งขันกันอยู่ในที เหมือนน้ำกับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้

เฉินหลิงคงซึ่งยืนอยู่กลางแท่นบูชาทำเป็นไม่ใส่ใจ พอเฉินซีมาถึงแท่นบูชาแล้ว เขาก็ประกาศกฎการแข่งขันด้วยเสียงทุ้มออกมาทันที

“การแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็นสองรอบ”

“รอบที่หนึ่ง จะแข่งกันสี่กลุ่ม ข้าจะเลือกหนึ่งคนจากแต่ละกลุ่มขึ้นมา อีกสามคนในกลุ่มจะเป็นฝ่ายท้าเขาสู้ คนที่รั้งอยู่จนจบจะได้ไปต่อในการแข่งขันรอบที่สอง”

พูดจบ เฉินหลิงคงก็โบกมือ

เฉินหลิงคงไม่ได้ใช้วิธียุติธรรมอะไร แต่แบ่งเฉินซีและคนอื่น ๆ ออกเป็นสี่กลุ่ม

ทั้งเฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นไม่ได้อยู่ในกลุ่มเฉินซีเลย

ทำให้คนตระกูลเฉินหลายคนรู้สึกสับสนไม่พอใจ รู้สึกว่าเฉินหลิงคงเมตตาเฉินซี ไม่อยากให้เขาเจอกับเฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย หรือเฉินเซียวอวิ๋นในรอบที่หนึ่งจะได้ไม่ต้องแพ้ไปอย่างน่าอับอายมากนัก

มีเพียงเฉินซีที่รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น คงต้องมีความลับเบื้องหลังอยู่เป็นแน่!

เพราะหากมองสถานการณ์ของกลุ่มอื่นดี ๆ แล้ว ก็จะเห็นว่าเฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันเช่นกัน

หรือก็คือเฉินซี เฉินเต้าหยวน เฉินเซียวอวิ๋น และเฉินชิวสุ่ยถูกแบ่งไปอยู่กันคนละกลุ่ม

“เอาละ เฉินจงเหอจากกลุ่มหนึ่ง เฉินเวิ่นอู๋จากกลุ่มสอง เฉินจิงจากกลุ่มสาม และเฉินซีจากกลุ่มสี่ จงก้าวออกมา!” เฉินหลิงคงเอ่ยเสียงทุ้มลึก “พวกเจ้าทั้งสี่คนจงขึ้นลานประลองไปและรับคำท้าของผู้เข้าแข่งขันอีกสามคนในกลุ่มเดียวกันเสีย ใครแพ้จะถูกคัดออก คนที่ชนะแล้วรับคำท้าคนต่อไป หากทุกคนในกลุ่มขึ้นไปหมดแล้ว ก็จะถือว่าจบการแข่งขันรอบที่หนึ่ง!”

เป็นไปตามคาด! เฉินซีแค่นหัวเราะเสียงเย็น เขารู้แล้วว่าตนเองคงต้องถูกเลือกเป็นคนแรก

ตอนนี้ไม่ใช่เพียงเฉินซีที่รู้ตัว แต่ทุกคนรอบข้างก็มองออกเช่นกัน โดยเฉพาะคนตระกูลเฉินต่างเริ่มหัวเราะคิกคักท่าทางเยาะเย้ยถากถางเหมือนเป็นเรื่องตลก

ถังเสียนกับอู๋เซวี่ยฉานเหลือบมองกันเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่าสองคนนี้คิดอะไรอยู่

ฟ่าว! ฟ่าว! ฟ่าว!

อีกสามคนที่เฉินหลิงคงเอ่ยชื่อพุ่งขึ้นมาบนลานประลอง

พอเห็นดังนี้ เฉินซีจึงไม่ลังเล ถึงในใจจะรู้สึกชังวิธีน่าทุเรศของเฉินหลิงคง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมรับมัน

ฟ่าว!

ร่างเฉินซีแวบขึ้นไปปรากฏอยู่บนลานประลองที่สี่

เขายืนกวาดสายตามองรอบข้าง ก็เห็นเฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นกำลังมองมาทางตนเขม็ง

ดูเหมือนทั้งหมดจะไม่มีใครคิดท้าอีกฝ่ายต่อสู้ ดูสงบนิ่งไร้ความกังวลใจยิ่ง

เฉินซีเห็นแล้วก็รู้สึกใจหล่นวูบ เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งขึ้นมา หรือเฉินหลิงคงจะทำเช่นนี้เพื่อให้พวกนั้นดูข้าต่อสู้และประเมินฝีมือข้า?

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]