เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2015

บทที่ 2015 เฉินป้าหลิง

………………..

บทที่ 2015 เฉินป้าหลิง

นี่แหละเจตนาเขา! เฉินซีตัดสินได้ทันที

หากเขาพ่ายแต่รอบแรก ก็ไร้สิ่งใดต้องกังวล

แต่หากเขาชนะในรอบแรก พวกเฉินเต้าหยวนก็จะสามารถประเมินอำนาจต่อสู้ของเขาได้จากศึกนี้

หลังจากนั้น พวกเขาก็จะสามารถหาวิธีมารับมือเขาในรอบที่สองได้!

เฉินซีเดาไว้กระทั่งว่า เฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นจะออกศึกเป็นคนท้าย ๆ ในรอบแรกอย่างแน่นอน จึงสามารถปิดบังอำนาจไว้เผยในรอบที่สองได้มากขึ้น!

สัจธรรมปรากฏเฉกเช่นเฉินซีคาดการณ์ หากพินิจสถานการณ์ในรอบแรกของการประชันดี ๆ ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยากว่าอันตรายที่เฉินซีเผชิญ แบ่งได้คร่าว ๆ เป็นสองประเภท

ประเภทแรกคือคู่ต่อสู้ที่มายังลานประลองในรอบแรก เฉินซีต้องรับการท้าทายจากยอดฝีมืออีกสามคนในกลุ่มติดต่อกัน ไม่มีเวลาพักฟื้น!

มันไม่ต่างกับให้ศัตรูเรียงแถวเข้าประชันเพื่อลดทอนกำลังของเขาเลย

ลองคิดดู ผู้เข้าร่วมการประชัน ใครบ้างไม่ใช่ตัวตนอันโดดเด่นจากตระกูลเฉิน? ใครบ้างมิใช่จ้าวเอกภพห้าดาราขึ้นไป?

หากเป็นจ้าวเอกภพสี่ดาราคนอื่นต้องมาเผชิญสามคู่ต่อสู้เช่นนี้ต่อเนื่องกัน คนผู้นั้นคงไม่พ้นสิ้นหวัง ยอมแพ้ไปนานแล้ว

มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการประชันรอบแรกยากเย็นเพียงไร

อันตรายประเภทที่สองคือ แม้เฉินซีจะเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งสามได้ เขาก็ยังต้องสิ้นเปลืองกำลังมากมาย กระทั่งต้องเผยไพ่ตายหลายอย่าง และทั้งหมดนี้จะอยู่ในสายตาของเฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋น

นี่หมายความว่า สถานการณ์ในรอบที่สองของเฉินซีจะแย่ยิ่ง!

ไม่ว่าจะเป็นอันตรายประเภทใด สถานการณ์ก็เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่เฉินซีไม่ได้อยู่ในจุดได้เปรียบตั้งแต่ก่อนศึกเริ่มเสียอีก

เห็นได้ชัดว่านี่คือจุดประสงค์ของเฉินหลิงคง และทำไปเพื่อบดขยี้เฉินซี กำจัดเขาออกจากการประชันอย่างสมบูรณ์

ขณะเดียวกัน เฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นอยู่ในจุดได้เปรียบอย่างยิ่ง

ประการแรก พวกเขามิได้เข้าสู่ลานประลองเป็นคนแรกของกลุ่มที่พวกเขาอยู่ นี่หมายความว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้ท้าทายคนสุดท้ายของแต่ละกลุ่ม แค่เอาชนะคู่ต่อสู้เพียงหนึ่งก็เข้าสู่รอบที่สองได้อย่างราบรื่น

เมื่อทำเช่นนี้ พวกเขามิเพียงสามารถออมกำลังไว้ ยังไม่ต้องเผยไพ่ตายมากมายนัก

พวกเขาจึงได้เปรียบอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเฉินซี

ประการที่สอง อำนาจต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไร้กังขา พวกเขาคือผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดสามคนในขอบเขตจ้าวเอกภพของตระกูลเฉิน ด้วยเหตุนี้ แม้เฉินซีจะผ่านถึงรอบสอง เขาก็ยังเผชิญอันตรายจากพวกเขาอยู่ดี

ยิ่งกว่านั้น จากการพินิจศึก พวกเขายังสามารถตัดสินความแข็งแกร่งของเฉินซีได้ และสามารถวางแผนรับมือเฉินซีเป็นพิเศษ

ดังคำกล่าวว่า รู้เรารู้เรา รบร้อยศึกล้วนกำชัย

แล้วด้วยเหตุนี้ จะถือว่ายุติธรรมได้อย่างไร?

หามีความยุติธรรมไม่!

ส่วนสมาชิกตระกูลเฉินคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วม พวกเขาก็แค่สละตนเองเพื่อช่วยพวกเฉินเต้าหยวนหรือ?

เห็นได้ชัดว่าคำตอบคือใช่ เว้นแต่เฉินซีจะถูกกำจัดในศึกรอบแรก พวกเขาก็จะเปิดทางให้พวกเฉินเต้าหยวนมาจัดการกับเฉินซี

นี่คือแผนของเฉินหลิงคง มันเป็นแค่การประลองเพื่อเป็นผู้สืบทอดตระกูล แต่เขาบังคับใช้กฎเปลี่ยนมันเป็นแผนเล่นงานเฉินซี!

ในเมื่อเฉินซีรู้เรื่องนี้ ผู้อื่นย่อมรู้ได้เช่นกัน แต่แผนการเช่นนี้ทำได้เพียงให้สมาชิกตระกูลเฉินยิ่งรู้สึกสงสารเฉินซี แต่หามีความเห็นใจใดไม่

ขณะเดียวกัน อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่ยามนี้พวกเขาไม่อาจกระทำการใด เพราะถึงอย่างไร นี่ก็เป็นถิ่นของตระกูลเฉิน พวกเขาจึงไม่อาจแหกกฎที่ตั้งโดยตระกูลเฉินได้

แต่การกระทำของเฉินหลิงคงก็ยังคงทำให้พวกเขารู้สึกเดือดดาล และจดจำความแค้นนี้ไว้ในใจ

“ตระกูลเฉินจะทำเกินไปหน่อยแล้ว” ผู้ชมบางคนขมวดคิ้ว ยากนักที่พวกเขาจะคิดได้ว่าเฉินหลิงคงจะวางแผนเล่นงานศิษย์เขาเทพพยากรณ์อย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้

“ในความคิดข้า ตระกูลเฉินระแวงเกินไป” บางคนก็รู้สึกเฉยชา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฉินหลิงคงจึงทำเช่นนี้ รู้สึกว่าไม่เห็นจำเป็นต้องวางแผนเช่นนี้เพื่อจัดการกับเฉินซีเลย และเข้าใจว่าเฉินหลิงคงขี้ระแวงเกินไป การกระทำเช่นนี้ไม่สมศักดิ์ศรีของเขาเลย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ศึกก็กำลังจะเริ่ม ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

“ก่อนศึกเริ่ม ข้าต้องเตือนพวกเจ้าว่า ขอเพียงไม่ฆ่าคู่ต่อสู้ จะใช้ฝีมือลูกไม้เช่นไรก็ได้!” เฉินหลิงคงกล่าวเสียงเบาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ผู้อาวุโสสูงสุด เราทำลายการบ่มเพาะของคู่ต่อสู้ได้หรือไม่ขอรับ?” ทันใดนั้น หนึ่งในคนตระกูลเฉินที่เข้าร่วมการประชันก็กล่าวขัดขึ้น

วาทะนี้ทำให้หัวใจทุกดวงสะท้าน ดวงตาหลายคู่เหมือนจะเหลือบไปมองเฉินซี

เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้เพ่งเล็งไปยังเฉินซี!

เพราะถึงอย่างไร นอกจากเฉินซี ผู้เข้าร่วมการประลองทั้งหมดต่างมาจากตระกูลเฉิน พวกเขาจึงไม่มีทางลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้กับคนตระกูลเดียวกันแน่นอน

“เฉินซี อำนาจภายนอกไม่อาจเข้ายุ่งในศึกบนลานประลองนี้ได้ ดังนั้นหากข้าทำลายการบ่มเพาะของเจ้าในศึกนี้ ก็อย่าร้องไห้ไปซบเขาเทพพยากรณ์เชียว ขืนทำเช่นนั้น คงเสียหน้าตายชักเลย ฮ่า ๆ ๆ” เฉินป้าหลิงหัวเราะร่าด้วยท่าทีโอหัง น้ำเสียงหาสำรวมไม่ ราวเฉินซีซึ่งเป็นเพียงจ้าวเอกภพสี่ดาราเป็นเพียงมดที่จะเหยียบยามใดก็ได้

“ขอบคุณที่เตือน หากไร้ผู้ใดแทรกแซงศึกนี้ได้ก็ประเสริฐ” เฉินซีกล่าวเสียงเรียบ

น้ำเสียงของเขาสุขุม แต่กลับเผยความแข็งกร้าว ทำให้เฉินป้าหลิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น

เปรี้ยง!

รัศมีสีเขียวพรั่งพรูเรืองรองจากภายในกาย เพียงพริบตา เขาก็ดูเหมือนแปรลักษณ์เป็นภูผาสูงตระหง่าน ให้บรรยากาศกดดัน แข็งแกร่ง ไร้ขอบเขต ไม่อาจสั่นคลอน

“เร็วเข้าไอ้หนู ข้ารอหักกระดูกเจ้าจะไม่ไหวแล้ว!” ขณะตะโกนลั่น เฉินป้าหลิงก็อ้าแขน ก่อกระบี่ยักษ์สีเขียวขึ้นเล่มหนึ่ง ความยาวราวจั้ง ปกคลุมด้วยปราณเต๋าธรรมชาติและกฎเต๋าหนาแน่น เจิดจรัสเรืองรองเป็นอย่างยิ่ง

ครืน!

มิติแหลกระเบิดเป็นริ้วเสี่ยง ประหนึ่งไม่อาจรับฤทธากระบี่เขียวนี้ได้ ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เผยอำนาจจ้าวเอกภพหกดาราได้อย่างแจ่มชัด

เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะดูแคลนเฉินซี แต่ในฐานะยอดฝีมือชั้นยอดผู้เจนจัดการศึก เฉินป้าหลิงหาได้ประมาทไม่ นอกจากนั้น เขายังเผยกระบวนท่าสังหารอันดุร้าย รุนแรงและอหังการสุดขั้วออกมาแต่แรก

เพียงพริบตา การกระทำของเขาก็เรียกเสียงโห่ร้องกระหึ่มทั่วทิศ กระทั่งตัวตนยิ่งใหญ่ในตระกูลเฉินอย่างเฉินหลิงคงยังพยักหน้า รู้ว่าเฉินป้าหลิงไม่ได้ลำพองจนประมาทศัตรู เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับพวกเขา

เพราะถึงอย่างไร การบ่มเพาะและอำนาจต่อสู้ของเฉินป้าหลิงก็เป็นที่ชัดเจน ขอเพียงสู้อย่างไม่ประสาท ก็เพียงพอเอาชนะศัตรูได้อย่างไร้สิ่งใดให้ลุ้นรอ

วิ้ง!

ทว่าแม้เฉินป้าหลิงจะแสดงตัวสุดอหังการ เฉินซีก็ยิ่งกำแหงอหังการเสียยิ่งกว่า ทันทีที่เฉินป้าหลิงลงมือ เฉินซีก็เคลื่อนขยับ

ยันต์ศัสตราดำสนิทปรากฏขึ้นในมือเฉินซีพร้อมเสียงคำรามกระจ่างชัด ร่างของเขาหายวับไปทันที

วูบ!

ขณะเดียวกัน ปราณกระบี่สายหนึ่งอันสุดแสนแผ่วบาง อ่อนโยนและดูธรรมดาเรื่อยเฉื่อยพลันปรากฏขึ้น

ปราณกระบี่สายนี้สุดแสนบางเบาจนไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ ยามปรากฏ ง่ายนักที่จะมองข้ามมันไป

ทว่าทันทีที่มันเผยลักษณ์ หนึ่งสนามพลังไร้ลักษณ์พลันโผนแผ่ ทำให้บรรยากาศทั่วลานประลองราวถูกสะกดแน่นิ่ง เงียบงันไร้วจีใด

เสียงตะโกนของเฉินป้าหลิงเงียบหาย เสียงโหยหวนจากกระบี่ยักษ์สีเขียวอันแสนดุร้ายในมือเขาก็ดูนิ่งงัน

กระทั่งมิติอันแหลกสลาย กระแสลมอันปั่นป่วนยังหยุดชะงักกะทันหัน เกิดเป็นภาพประหลาดชวนสะท้านถึงทุกดวงใจ!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]