บทที่ 2018 มุมมองที่เปลี่ยนไป
………………..
บทที่ 2018 มุมมองที่เปลี่ยนไป
ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึงจนพูดไม่ออก และบรรยากาศก็เงียบกริบอย่างสิ้นเชิง
ไม่มีใครคาดคิดว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดของเฉินซูเจ๋อจะถูกเฉินซีจะถูกฟันออกเป็นสองท่อน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเฉินซูเจ๋อจะไม่สามารถต้านการโจมตีของเฉินซีได้แม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งหมดนี้ดูนองเลือดและตกตะลึงมาก แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเองเลย
เป็นไปได้อย่างไรกัน!?
เฉินป้าหลิงพ่ายแพ้ทันที บัดนี้แม้แต่เฉินซูเจ๋อก็ไม่สามารถรอดพ้นคราวเคราะห์ดังกล่าวได้ หากเฉินซีเป็นจ้าวเอกภพหกดารา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลลัพธ์จะลงเอยเช่นนี้ แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เขาไม่ใช่เทพโดยกำเนิด และเป็นเพียงจ้าวเอกภพสี่ดาราเท่านั้น!
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไปสำหรับพวกเขา!
มีช่องว่างถึงสองขอบเขตในการบ่มเพาะของพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นเทพโดยกำเนิด และอีกฝ่ายไม่ใช่ ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่าเฉินซีสามารถโต้กลับและบรรลุสิ่งนี้ได้อย่างไร!
ถึงขนาดที่การประลองสิ้นสุดลงทันทีหลังจากที่มันเพิ่งเริ่มขึ้น และเฉินซูเจ๋อก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว!
นี่มันน่าอัศจรรย์และน่าประหลาดใจเกินไป
…
“บัดซบ!” ใบหน้าของเฉินหลิงคงมืดมน ในขณะที่เขารู้สึกเดือดดาลสุดขีด บางทีความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชของเฉินป้าหลิงอาจเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชของเฉินซูเจ๋อก็คงไม่ใช่โชคแน่!
ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินหลิงคงตระหนักได้ในที่สุดว่าเขาประเมินเฉินซีต่ำไป ตั้งแต่แรกเริ่ม ระดับการบ่มเพาะของเฉินซีนั้นเหมือนเป็นกับดักที่ทำให้คนอื่นมองข้ามโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าการบ่มเพาะไม่สามารถบ่งบอกถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของคนผู้นั้นได้
โชคดีที่นี่เป็นเพียงการประลองครั้งที่สองในระหว่างรอบแรกของการแข่งขัน และเฉินหลิงคงได้เตรียมแผนสำรองทุกรูปแบบไว้แล้ว ดังนั้นการพ่ายแพ้ในการประลองสองคู่แรกก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังมากนัก
ถึงขนาดที่เฉินหลิงคงรู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่ได้เตรียมแผนสำรองไว้มากมายล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์กะทันหันและไม่คาดคิดนี้
…
“เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย!!”
“ชายคนนั้นเป็นแค่จ้าวเอกภพสี่ดารา แล้วพลังฝีมือจะทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?” แม้แต่เฉินซูเจ๋อซึ่งเป็นจ้าวเอกภพหกดารา ก็ไม่อาจต้านการโจมตีของเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว นี่… นี่… นี่… อธิบายไม่ได้จริง ๆ”
“บัดซบ! ช่างน่าชิงชังเสียจริง!”
“อนิจจา! หรือว่าทุกคนจะลืมไปแล้วว่าเป็นศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์? ยามนี้เขากล้าก้าวเท้าเข้าสู่ตระกูลของเราด้วยเจตนาที่จะช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอด เขาจะต้องเตรียมพร้อมมาอย่างแน่นอน เรา…ประเมินคนนี้ต่ำไปจริง ๆ”
คนตระกูลเฉินตกอยู่ในความแตกตื่นครั้งใหญ่ บางคนก็โกรธเกรี้ยว บางคนตกใจ บางคนก็รู้สึกไม่เชื่อ บางคนก็ถอนหายใจ… ปฏิกิริยาของพวกเขาแตกต่างกันไป
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การประลองทั้งสองครั้งนี้ ทำให้พวกเขาตระหนักได้ในที่สุดว่าการบ่มเพาะของเฉินซีนั้นด้อยกว่าคู่ต่อสู้มาก แต่พลังฝีมือของเฉินซีกลับไม่อาจตัดสินได้ตามสามัญสำนึก
…
“พลังฝีมือเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน! เรียกได้ว่าท้าทายสวรรค์!”
“ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์นั้นคู่ควรกับชื่อเสียงของพวกเขาจริง ๆ”
“ข้าได้ยินมาว่าบิดาของเขาคือเฉินหลิงจวินที่กลับชาติมาเกิด ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้เขาได้รับการสนับสนุนจากเขาเทพพยากรณ์ด้วย”
“บางทีเขาอาจตั้งใจที่จะช่วยเหลือบิดาของเขา และล้างมลทินให้กับเฉินหลิงจวิน?”
บรรดาแขกจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ล้วนสนทนากันเบา ๆ และพวกเขารู้สึกเหมือนกลับได้เปิดโลก เมื่อได้เห็นพลังฝีมือของเฉินซีที่ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดเดาว่าเฉินซีจะต้องมีแผนการใหญ่แน่นอน ตั้งแต่แรกแล้ว
…
“ชนะอีกคนได้ในพริบตา”
“ช่างไร้ที่ติ!”
อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนต่างยิ้มให้กัน
พวกเขาตระหนักดีว่า ศิษย์น้องเล็กได้พบกับโอกาสที่ไม่มีใครเทียบได้ในแดนรวนเรลืมเลือนอย่างมากมาย เขาได้ขัดเกลาและดูดซับแก่นแท้เอกภพทั้งเก้า ซึ่งในประวัติศาสตร์ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่เคยปรากฏมาก่อน!
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาทราบดีว่า เนื่องจากเฉินซีเป็นผู้ช่วงชิงคนที่เก้าของยุคนี้ มรดกที่เฉินซีครอบครองไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ช่วงชิงทั้งแปดคนก่อนหน้าเขาเท่านั้น แต่ยังครอบครองมรดกจากแปดยุคก่อนอีกด้วย!
เมื่อรวมกับสิ่งต้องห้ามเช่นแผนภาพวารีหลากและพลังสังสารวัฏ แม้แต่อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนก็ไม่แน่ใจว่า ในเวลานี้เฉินซีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ผู้ช่วงชิง และไม่ได้สร้างเอกภพที่ก่อตัวขึ้นจากแก่นแท้เอกภพทั้งเก้าแห่งเช่นเดียวกับเฉินซี ถึงขนาดที่พวกเขาไม่รู้สึกถึงพลังสังสารวัฏและแผนภาพวารีหลากเลยด้วยซ้ำ
เฉินเหวินอวี่มีผมสีขาว ผิวขาวราวกับเด็กทารก ทั้งยังมีรูปโฉมที่หล่อเหลา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังแผ่กลิ่นอายที่มั่นคงและสงบนิ่ง
แต่ที่สำคัญที่สุด เขาเป็นจ้าวเอกภพเจ็ดดารา!
แม้ว่าทั้งเฉินป้าหลิงและเฉินซูเจ๋อจะเป็นจ้าวเอกภพหกดารา ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเฉินเหวินอวี่เพียงขอบเขตเดียว แต่ช่องว่างนี้ไม่สามารถประเมินต่ำไปได้เลย หากในแง่ของความแข็งแกร่ง ช่องว่างระหว่างการบ่มเพาะทั้งสองขอบเขตนี้ ก็ห่างกันราวกับฟ้าดินอย่างแน่นอน
เฉินซีใช้พลังฝีมือเพื่อพิสูจน์ว่า แม้เขาจะเป็นเพียงจ้าวเอกภพสี่ดารา แต่ก็สามารถก้าวข้ามขอบเขตเพื่อพิชิตจ้าวเอกภพหกดาราได้
ทว่าตอนนี้ การประลองครั้งสุดท้ายในรอบนี้ คือการประลองกับเฉินเหวินอวี่ ซึ่งเป็นจ้าวเอกภพเจ็ดดารา แล้วเฉินซีจะสามารถสำแดงฝีมือที่น่าเกรงขามได้อีกครั้งหรือไม่?
ทุกคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้
แน่นอนว่าคนตระกูลเฉินหวังอย่างยิ่งว่าเฉินเหวินอวี่จะสามารถหยุดเรื่องทั้งหมดนี้ และพลิกสถานการณ์ได้!
แต่เห็นได้ชัดว่า เนื่องจากมุมมองที่เปลี่ยนไปของพวกเขาต่อพลังฝีมือของเฉินซี จึงไม่มีใครกล้าด่วนสรุปเกี่ยวกับการประลองที่กำลังจะมาถึง
“แน่นอน” เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซี ท่าทีของเฉินเหวินอวี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่ลานประลอง ท่าทีสงบและสุขุม ขับเน้นให้เขาดูพิเศษมากยิ่งขึ้น
กลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ไม่เย่อหยิ่งหรือวู่วาม ทำให้คนตระกูลเฉินทั้งหมดที่อยู่รอบข้างได้รับผลกระทบ และสงบลงตาม ๆ กัน
ดวงตาของเฉินหลิงคงอดไม่ได้ที่จะเปล่งประกายเมื่อเห็นเหตุนี้ และชื่นชมในใจไม่รู้จบ แม้แต่จิตใจที่เป็นกังวลก็ลุกไหม้ด้วยความคาดหวังอีกครั้ง
“พี่ใหญ่เหวินอวี่นั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ พรสวรรค์ของเขาต้องใช้เวลากว่าจะสุกงอม จนมีท่าทางที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ แม้ว่าการบ่มเพาะจะด้อยกว่าเรามาก แต่เขาก็ก้าวอย่างมั่นคงไปทีละขั้นเพื่อบรรลุความสำเร็จในปัจจุบัน ดังนั้นรากฐานของเขาจึงแข็งแกร่งมาก จนแม้แต่ข้าก็ยังอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้เลย”
เฉินเต้าหยวนถอนหายใจ ขณะพินิจเฉินเหวินอวี่ ซึ่งเฉินชิวสุ่ยและเฉินเต้าหยวนก็มีคิดเหมือนกัน
“คนผู้นี้ไม่เลวเลย” ถังเสียนให้ความเห็นที่หาได้ยากยิ่ง
“เจ้ารู้สึกว่ามีเงาของใครบางคนในตัวคนผู้นี้หรือไม่?” อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิด
“ใครหรือ?” ถังเสียนตกตะลึง จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างจ้าส่องประกายผ่านดวงตาแผ่วจาง “ท่านกำลังกล่าวถึง… เฉินหลิงจวินจากในอดีตหรือ? ไม่น่าแปลกใจที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เส้นทางเดียวกับที่เฉินหลิงจวินเคยทำเมื่อในอดีต!”
“มันไม่แปลกที่จะก้าวเท้าไปตามเส้นทางของผู้บุกเบิก น่าเสียดายที่ทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง และการไล่ตามเส้นทางของผู้อื่น อาจทำให้สูญเสียความเป็นตัวเองแทน” อู๋เซวี่ยฉานถอนหายใจยาวแรง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน เฉินเหวินอวี่ก็ขึ้นไปบนลานประลอง และมองดูเฉินซีอย่างสงบด้วยสายตาที่ใสราวกับน้ำ
“บิดาของเจ้าเมื่อหลายปีก่อน เป็นผู้อาวุโสที่ข้าชื่นชมมากที่สุด ในใจข้าไม่มีใครเทียบเขาได้อีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนตระกูลเฉินของข้า แต่เจ้ายังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขา ข้าแค่หวังว่า… เจ้าจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...