เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2019

บทที่ 2019 แกว่งกระบี่ธรรมดา ๆ

………………..

บทที่ 2019 แกว่งกระบี่ธรรมดา ๆ

เสียงของเขาสงบเหมือนน้ำ ไร้กระแสอหังการใด ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำเหล่านี้เข้าหูของเฉินหลิงคง เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ปัจจุบันเฉินหลิงจวินถูกจองจำเหมือนกับนักโทษที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่เฉินเหวินอวี่กลับกล่าวเช่นนั้น และมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

คนที่ชื่นชมมากที่สุด?

ไม่มีใครเทียบได้เลยเหรอ?

ช่างไร้สาระ!

หากไม่คำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เฉินหลิงคงคงจะตำหนิเฉินเหวินอวี่ไปแล้ว

ไม่ใช่แค่เฉินหลิงคงเท่านั้น คนอื่น ๆ ของตระกูลเฉินก็อดไม่ได้ที่ตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้

พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเหวินอวี่ถึงชื่นชมคนเช่นนั้นถึงขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ดีว่า เฉินเหวินอวี่ชื่นชมเฉินหลิงจวินในช่วงชาติที่แล้ว ไม่ใช่เฉินหลิงจวินที่กลับชาติมาเกิด และถูกลดสถานะเป็นนักโทษ จึงไม่อาจเอาสองเรื่องนี้มารวมกันได้

เฉินซีก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกภาคภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้บิดาของเขาเป็นเพียงนักโทษ ไม่ใช่เฉินหลิงจวินในชาติก่อนอีกต่อไป

“ลงมือเถอะ” เฉินซีชักยันต์ศัสตราออกจากฝัก และชี้ไปที่เฉินเหวินอวี่จากระยะไกล จากนั้นกลิ่นอายที่แหลมคมและดุร้ายก็กวาดออกมาจากเฉินซี

“ขออภัยที่ล่วงเกิน” เฉินเหวินอวี่โบกแขนเสื้อวูบแล้วชักกระบี่ออกมาเช่นกัน กระบี่ยาวกว่าสี่ฉื่อและเปี่ยมด้วยแสงดาวที่พร่ามัว มันเจิดจรัสดุจภาพมายา ทั้งยังงดงามและแพรวพราว

ครืน!

แม้ว่าทั้งสองจะไม่ยังเปิดฉากโจมตี แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นดูเหมือนพายุโหมกระหน่ำ บดขยี้สุญตา ทำให้โลกมืดลง ปลูกฝังความกลัวไว้ในใจของผู้คน

ทันใดนั้น แววตาของเฉินซีก็เหมือนกับอสนีบาต เรือนผมยาวพลิ้วไหว ดุจจักรพรรดิกระบี่ ซึ่งครอบครองอำนาจสูงสุดอย่างไม่มีใครเทียบได้

ในทางกลับกัน กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเฉินเหวินอวี่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ผมสีขาวราวหิมะพลิ้วสยาย ดูลึกล้ำราวกับขุมนรกโบราณ

ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล เหมือนกับการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจสูงสุดระหว่างจักรพรรดิกระบี่ที่ไร้เทียมทานสองคน ทำให้เมฆและลมปั่นป่วนไปทุกทิศทาง!

“ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!”

“นี่คือการปะทะระหว่างเต๋ากระบี่ขั้นสูงสุด!”

“ใครจะจินตนาการได้ว่า เฉินซีจะสามารถอาศัยการบ่มเพาะที่ขอบเขตจ้าวเอกภพสี่ดาราเพื่อต่อสู้กับจ้าวเอกภพเจ็ดดาราได้”

“ข้าเดาผลของการต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างแท้จริง”

หลังจากที่พวกเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลานประลองแล้ว คลื่นแห่งความปั่นป่วนก็พัดผ่านโดยรอบ ในขณะที่การถกเถียงก็เกิดขึ้นจากทุกทิศทุกทาง พวกเขาล้วนตกตะลึงกับกลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่เผยโดยเฉินซีและเฉินเหวินอวี่

“ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับสี่หรือ? ไม่เลว ข้าด้อยกว่าเจ้าเล็กน้อยในแง่ของเต๋ากระบี่” ดวงตาของเฉินเหวินอวี่หรี่ลงเล็กน้อย ราวกับว่าคมกระบี่ถูกระงับไว้ในกาย

“เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน การบ่มเพาะที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเจ็ดดารานั้นเพียงพอที่จะชดเชยสิ่งนั้น และให้ข้อได้เปรียบมากมายแก่เจ้า” เฉินซีกล่าวอย่างไม่แยแส เขายังคงสงบเหมือนบ่อน้ำโบราณที่ไม่มีระลอกคลื่น

ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่รีบร้อนที่จะลงมือ หรือบางทีพวกเขาอาจกำลังหยั่งเชิงกัน เพื่อรอจังหวะที่ดีที่สุดในการโจมตี

แม้บรรยากาศจะดูสงบ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสัญญาณของพายุที่กำลังจะก่อตัวขึ้น มันทำให้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่รอบข้างไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกวิตกกังวลได้ กลิ่นอายทรงอำนาจกำลังทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก

ทั้งที่ทุกอย่างในลานประลองยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่เมื่อมันเปลี่ยนไป มันจะเหมือนกับสายฟ้าฟาดที่รวดเร็วและทรงพลังที่สามารถพลิกปฐพีได้!

บริเวณโดยรอบเงียบกริบ ความสนใจของทุกคนถูกดึงไปยังลานประลอง จนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่จ้องมองลานประลองอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป

“เช่นนั้นเรามาตัดสินผลแพ้ชนะด้วยกระบวนท่าเดียว ดีหรือไม่?” ทันใดนั้น เฉินเหวินอวี่ก็กล่าวขึ้น และยื่นข้อเสนอเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะด้วยการใช้กระบวนท่าเดียว!

หลายคนอดรู้สึกประทับใจไม่ได้ พวกเขาคิดว่าเฉินเหวินอวี่กำลังเผชิญหน้าโดยตรง และตั้งใจใช้วิธีดังกล่าวเพื่อพิชิตเฉินซี เพื่อที่เขาจะได้ล้างอายให้กับเฉินซูเจ๋อและเฉินป้าหลิง

อย่างไรก็ตาม มีเพียงตัวตนส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่สังเกตเห็นเค้าลางบางอย่าง และตระหนักดีว่าเฉินเหวินอวี่ไม่สามารถหาจังหวะโจมตีเฉินซีได้ จึงยื่นข้อเสนอเช่นนั้น โดยมีเป้าหมายพิชิตศึกในรวดเดียว

การตัดสินใจดังกล่าวถือว่ามีความเสี่ยงอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นวิธีที่ฉลาดมากเช่นกัน ถ้าเขาประสบความสำเร็จ เขาก็จะสามารถหยุดฝีเท้าของเฉินซี และกำจัดเฉินซีออกจากการแข่งขันได้!

เฉินเหวินอวี่จะทำสำเร็จได้หรือไม่?

แม้จะไม่สามารถยืนยันได้ แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้เลย!

ถึงอย่างไร เขาก็เป็นถึงจ้าวเอกภพเจ็ดดารา และมีการบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ด้อยกว่าเฉินซีเพียงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะเฉินซีได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ทว่าความได้เปรียบเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะได้รับชัยชนะในการประลอง!

ทั้งหมดนี้ก็เป็นผลดีต่อเฉินซีเช่นกัน ตราบใดที่เขาสามารถบรรลุความได้เปรียบเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถได้รับชัยชนะในการประลองได้ไม่ต่างกัน

กล่าวง่าย ๆ ก็คือ แม้ข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อเฉินเหวินอวี่มาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ต่อเฉินซีเลย

ในความเห็นของคนเหล่านั้นที่ไม่สามารถมองผ่านความจริงได้ พวกเขาคิดว่าเฉินซีจะไม่กล้าตกลงอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไร มันก็เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินเหวินอวี่ซึ่งเป็นจ้าวเอกภพเจ็ดดารา แล้วเฉินซีจะมีความกล้าที่จะยอมรับได้อย่างไร?

ทว่าเฉินซีกลับพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”

ทุกคนต่างประหลาดใจ บางคนรู้สึกว่าเฉินซีนั้นเป็นคนหยิ่งผยอง หลังจากที่ชนะการประลองสองครั้งติดต่อกัน จึงไม่สามารถทนต่อการยั่วยุดังกล่าวได้

บางคนเริ่มรู้สึกชื่นชมเล็กน้อยต่อความกล้าหาญของเฉินซี อย่างน้อยที่สุด หากเป็นพวกเขาเองก็คงต้องไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ และคงไม่มีทางตอบตกลงเร็วขนาดนี้

“ดี!” เฉินเหวินอวี่เผยรอยยิ้มที่หาได้ยาก

หลังจากนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึม กระชับกระบี่ในมือ เสียงคำรามดังก้องมาจากตัวกระบี่ ขณะยืนนิ่งไม่ไหวติง

ก่อนจะแทงกระบี่ไปข้างหน้าช้า ๆ

เฉินเหวินอวี่สังเกตเห็นเช่นกันว่า การโจมตีของเฉินซี ‘มีเอกลักษณ์’ เปลือกตาของเขากระตุก และสูดหายใจเข้าลึก

โครม!

ทันใดนั้น แสงดาวจำนวนมากมายก็ปะทุออกมาจากกระบี่ของเขา มันเหมือนกับดอกไม้ไฟ เมฆที่ลุกไหม้ โลกแห่งความฝันอันงดงามที่แพรวพราวและรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด ทำให้ดวงดาว ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์มืดดับ

ประหนึ่งไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่น่าทึ่งและสะดุดตาไปกว่าการเหวี่ยงกระบี่นี้

มันยิ่งใหญ่ งดงาม และแพรวพราว

กลิ่นอายที่โดดเด่นของการโจมตีนี้ ทำให้คนตระกูลเฉินหลาย ๆ คนหวาดกลัวและตะลึงงัน ประหนึ่งวิญญาณตกลงไปในหุบเหว สูญเสียวิญญาณ กลวงเปล่าไม่ต่างจากหุ่นเชิด

“เยี่ยมมาก!” เฉินหลิงคงชื่นชมในใจ ในขณะที่ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่รอบข้างก็พยักหน้าไม่รู้จบเช่นกัน เพราะการแทงกระบี่ครั้งนี้ อหังการเหนือธรรมดา

เฉินซีกลับไม่แยแส สีหน้ายังคงสงบไม่เปลี่ยนแปลง การแทงกระบี่ยังคงธรรมดา เรียบง่าย และสงบ แม้ว่ากลิ่นอายของการโจมตีจากเฉินเหวินอวี่จะเปลี่ยนไปก็ตาม

มันยังคงเหมือนเดิม และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีของเฉินเหวินอวี่หรือการโจมตีของเฉินซี พวกมันเกือบจะเป็นกระบวนท่าที่สมบูรณ์แล้ว

อย่างไรก็ตาม ฉากที่เผยจากการโจมตีของพวกเขา กลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากการแทงกระบี่ที่ดูธรรมดาและเป็นธรรมชาติของเฉินซี ได้ถูกทำลายล้างด้วยแสงที่เปล่งออกมาจากโจมตีของเฉินเหวินอวี่ที่ยิ่งใหญ่ งดงาม และตระการตา

มันเหมือนกับไข่มุกที่ถูกแสงจันทร์บดบัง ไร้ค่า ไร้ค่า ไม่อาจดำรงอยู่

สิ่งนี้ทำให้คนตระกูลเฉินหลายคนรู้สึกยินดี พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีหมดหนทางแล้ว และจะต้องพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้อย่างแน่นอน!

ทว่าเฉินเหวินอวี่กลับขมวดคิ้วมุ่น ความกังวลสายเล็ก ๆ แล่นพล่านไปทั่วกาย

คู่ต่อสู้ของเขาสงบเกินไป และกระบวนท่าของเขาก็เช่นกัน มันปกติมากจนคนอื่นอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไม่

ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน!

เฉินเหวินอวี่ตระหนักดีว่าการบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ของเฉินซีนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด จนมีเพียงไม่กี่คนในตระกูลเฉินที่สามารถทัดเทียมคนผู้นี้ได้

แม้แต่เขาก็ยังด้อยกว่าเฉินซีเล็กน้อย ดังนั้นถึงอีกฝ่ายจะด้อยกว่าเขาในแง่ของการบ่มเพาะ แต่เต๋ากระบี่ระดับนี้จะเป็นเรื่องล้อเล่นได้อย่างไร

จะต้องมีความลับบางอย่างอยู่เบื้องหลังแน่!

เฉินเหวินอวี่หายใจเข้าลึกอีกครั้ง จากนั้นกลิ่นอายอันทรงพลังของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้งในชั่วพริบตาสั้น ๆ!

แสงอันงดงามก็สลายไปและหายไป ปราณกระบี่อันพร่างพรายก็ดับมืดลง….

ทุกสิ่งสูญเสียความงาม และจางหายไป!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]