เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2021

บทที่ 2021 ชักจะไปกันใหญ่

………………..

บทที่ 2021 ชักจะไปกันใหญ่

ไม่สำคัญอย่างนั้นหรือ?

เฉินชิวสุ่ยและเฉินเซียวอวิ๋นตกตะลึง พวกเขาไล่มองไปตามสายตาของเฉินเต้าหยวนซึ่งสะท้อนภาพเฉินซีที่กำลังมองหามุมสงบทันทีหลังจากการต่อสู้จบลง นั่งขัดสมาธิและเริ่มเข้าฌาน ณ ที่แห่งนั้น

ท่ามกลางเวลาที่เดินไป เฉินซีไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้จะสนใจการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนลานประลองอีกสามแห่งด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ นอกเหนือจากความรู้สึกโล่งใจแล้ว เฉินชิวสุ่ยและเฉินเซวียวอวิ๋นยังอดไม่ได้ที่จะนึกโกรธขึ้นมา พวกเขารู้สึกว่าเฉินซีหยิ่งยโสเกินไป ราวกับการแข่งขันเมื่อครู่นั้นเขาก็ไม่ได้จริงจังอันใดเลยแม้แต่น้อย

“ไปเถอะ แทนที่จะมาหัวเสีย ทำไมเราไม่ทำให้เขาได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งที่แท้จริงในรอบที่สองเล่า?” เฉินเต้าหยวนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังลานประลองอีกแห่งหนึ่ง การต่อสู้ที่นั่นสิ้นสุดลงแล้ว ในฐานะผู้ท้าชิงคนสุดท้าย ถึงเวลาที่เขาต้องเข้าชิงชัย

เฉินชิวสุ่ยและเฉินซียวอวิ่นมองไปที่เฉินซีซึ่งนั่งขัดสมาธิในระยะไกลอย่างอดไม่ได้ ในสายตาพวกเขา เฉินซีไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้จะปรือตามองเฉินเต้าหยวนที่ขึ้นไปบนลานประลอง

พวกเขาทั้งสองอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ หรือว่าสหายเต๋าผู้นี้ไม่คิดจะเอาจริงเอาจังกับพวกเขาจริง ๆ?

ช่างจองหองนัก! ความโกรธเกรี้ยวที่ยากจะควบคุมโอบล้อมหัวใจของพวกเขา คนทั้งสองตัดสินใจได้ในทันทีว่าพวกเขาจะสอนบทเรียนที่ไม่อาจลืมเลือนให้กับเฉินซีในการแข่งขันรอบต่อไปให้จงได้!

หลังจากผ่านไปไม่นาน เฉินชิวสุ่ยและเฉินเซียวอวิ๋นก็ขึ้นไปบนลานประลองตามลำดับและเริ่มการต่อสู้

ช่วงเวลานั้นเอง ความสนใจของผู้ชมที่เคยมีอย่างกระจัดกระจายบัดนี้ได้มาบรรจบกันที่เฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋น

อย่างไรแล้ว พวกเขาก็เป็นสามยอดฝีมือขอบเขตจ้าวเอกภพแห่งตระกูลเฉิน พลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาครอบครองนั้น เรียกว่าไม่มีผู้ใดจะเทียบเทียมได้ ถือว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่แท้จริง

เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ในตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด พวกเขาก็นับว่าเป็นคนที่มีความโดดเด่นไม่น้อย

ในบรรดาคนทั้งสาม เฉินเต้าหยวนเป็นจ้าวเอกภพเก้าดารา! ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดเขาถึงได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าเอกภพอันดับหนึ่งแห่งตระกูลเฉิน

ถึงขนาดที่ผู้อาวุโสบางคนภายในตระกูลเฉินคาดการณ์ว่า หากไม่มีเหตุที่ไม่คาดฝันอื่นใด เฉินเต้าหยวนจะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าในสักวันหนึ่งได้อย่างแน่นอน!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เฉินเต้าหยวนนั้นน่าเกรงขามเพียงใด หากอยู่ในโลกภายนอก เขาก็นับได้ว่าเป็นยอดคนผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีสิ่งใดที่มีขอบเขตต่ำกว่ามหาเทพเต๋าจะต่อกรกับเขาได้

แต่ถึงอย่างนั้น หากเทียบกับตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ก็แน่นอนว่ายังมีคนอื่น ๆ ที่มีความน่าเกรงขามเพียงพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นก็ได้แก่ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางขึ้นไปถึงตระกูลระดับสูงขั้นห้า

นี่คือขุมกำลังที่แท้จริงของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ มันน่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้

นอกจากเฉินเต้าหยวนแล้ว ทั้งเฉินชิวสุ่ยและเฉินเซียวอวิ๋นเองก็ยังมีการระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตจ้าวเอกภพแปดดารา พรสวรรค์โดดเด่น ไม่ได้ด้อยกว่าเฉินเต้าหยวนเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เผชิญวิถีแห่งโอกาสหรือครอบครองซึ่งขุมทรัพย์ล้ำค่าเท่าเฉินเต้าหยวน เหตุนี้จึงทำให้การบ่มเพาะของพวกเขาเป็นรองจากอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น ความแข็งแกร่งที่ขอบเขตจ้าวเอกภพแปดดาราของพวกเขาก็เพียงพอที่จะอยู่เหนือคนอื่น ๆ ในตระกูลเฉิน ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถูกมัดรวมกับเฉินเต้าหยวนให้เป็นยอดคนของตระกูล

บัดนี้ เฉินเต้าหยวน เฉินชิงสุ่ย และเฉินเซวียวอวิ๋นได้ก้าวขึ้นไปบนลานประลอง แน่นอนว่ามันดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งหลายได้เป็นอย่างมาก

ความตื่นตาตื่นใจนี้ยิ่งกว่าตอนที่เฉินซีร่วมประลองเสียอีก เสียงกู่ร้องแสนครึกโครมดังก้องไปทั้งบริเวณโดยรอบ

ราวกับว่าพวกเขาลืมสิ้นไปซึ่งตัวตนของเฉินซีอย่างสิ้นเชิง ประหนึ่งว่าชายหนุ่มหาได้อยู่ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น

เฉินซียังคงอยู่บนแท่นบวงสรวง เพียงแต่การกระทำของเขาไม่อาจดึงดูดความสนใจจากใคร ๆ ได้

เฉินซีกำลังมุ่งมั่นกับสมาธิของตนอย่างยิ่ง หากจะบอกว่าเขาตัดขาดซึ่งโลกภายนอกไปชั่วคราวก็คงไม่เกินจริงเท่าไรนัก

แม้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้จะเกิดจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว หากการเอาชนะเฉินเหวินอวี่ก็หาใช่เรื่องสำคัญอันใด

ประเด็นหลักก็คือการบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ซึ่งติดอยู่ที่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ขั้นสี่มานาน ในที่สุดก็แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการพัฒนา!

นี่คือผลลัพธ์จากการต่อสู้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ ยิ่งเผชิญกับแรงกดดันมากเท่าไรก็ยิ่งค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่มากขึ้นเท่านั้น เมื่อกอปรกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ความสำเร็จของเขาก็ยิ่งไปไกลมากขึ้นตราบใดที่ไม่ถูกระดับการบ่มเพาะจำกัดเอาไว้

แต่ถึงจะถูกจำกัดเอาไว้ แรงกดดันที่ได้รับจากเฉินเหวินอวี่ก็ยังสามารถกระตุ้นศักยภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันทำให้เขาสัมผัสถึงเส้นแบ่งของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ขั้นห้าได้ชัดเจนกว่าที่เคย!

อันที่จริงการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ของเฉินเหวินอวี่นั้นด้อยกว่าเฉินซีเล็กน้อย แต่ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นน่ากลัวเกินไป มันอยู่เหนือเฉินซีถึงสามขั้นด้วยกัน!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฉินซีมีเพียงต้องพึ่งพาความได้เปรียบที่ได้รับจากการขัดเกลาและดูดซับแก่นแท้เอกภพทั้งเก้าเพื่อชดเชยความต่างชั้นในระดับการบ่มเพาะ

อย่างไรก็ดี การเอาชนะเฉินเหวินอวี่ด้วยกระบี่เดียวก็นับเป็นเรื่องที่ยากพอตัว

ภายใต้ความกดดันมหาศาลนี้ ในที่สุดศักยภาพของเฉินซีได้รับการกระตุ้น และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการโจมตีของเขาจึงสามารถแสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งทำให้เฉินเหวินอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและยอมรับความพ่ายแพ้หลังจากถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

หากทำสำเร็จ… พวกเขาก็จะมีโอกาสได้เป็นผู้นำตระกูลที่มีอำนาจควบคุมเหนือตระกูลเฉินทั้งหมด ความรุ่งโรจน์อันไร้ขอบเขตอยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น!

ในอีกด้านหนึ่ง เรื่องของพวกเขาล้วนแต่ไร้สาระในสายตาของเฉินซี ไม่มีสิ่งไหนที่กระตุ้นให้เขาอยากจะสนใจได้แม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะต้องการช่วยเหลือพ่อแม่ของตน แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเข้าร่วมการแข่งขันที่ไร้ความหมายนี้แน่

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำให้การช่วยเหลือพ่อแม่ของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น และนั่นหมายความว่าเขาจะต้องคว้าชัยชนะในรอบสุดท้ายไปครอง

“ต่อไป ข้าจะประกาศกฎการประลองรอบที่สอง” น้ำเสียงของเฉินหลิงคงทำให้ผู้คนเงียบฟังอย่างตั้งใจ

กฎของรอบที่หนึ่งนั้นนับว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่นนี้แล้วกฎของรอบที่สองจะเป็นอย่างไร? จะเป็นการต่อสู้ต่อเนื่องแบบรอบแรกหรือไม่?

แน่นอน หากเป็นกฎแบบเดียวกัน ย่อมเป็นเฉินซีที่จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากเฉินเต้าหยวนและคนอื่น ๆ การนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง และไม่มีทางที่เขาเทพพยากรณ์จะเห็นด้วยอย่างเด็ดขาด

อย่างไรเสีย หนึ่งในสามคนนั้นไม่มีคนไหนเลยที่ธรรมดา พวกเขาสามารถจัดการเฉินซีได้อย่างง่ายดาย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การกำหนดกฎที่ไม่ยุติธรรมดังกล่าวเห็นทีจะไม่เหมาะสมนัก

ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงคาดคะเนว่าเฉินหลิงคงน่าจะไม่ทำเช่นนั้น

ความเป็นจริงก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้ เฉินหลิงคงไม่ได้ใช้กฎเดิมจริง ๆ แต่ทันทีที่เขาประกาศกฎของรอบที่สอง สายตาของผู้ชมก็สว่างวาบอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“กฎของรอบที่สองนั้นเรียบง่ายมาก ก็คือไม่มีกฎแต่อย่างใด พวกเจ้าทั้งสี่คนจะต้องห้ำหั่นกันเอง และมีเพียงคนที่ยืนหยัดอยู่เป็นคนสุดท้ายเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ!” นี่คือคำพูดที่เฉินหลิงคงพูด แม้ว่ามันดูเหมือนจะยุติธรรมอย่างยิ่ง ทว่าหากคิดตามอย่างรอบคอบ จะเห็นว่าไม่ยุติธรรมสำหรับเฉินซีแม้แต่น้อย

ห้ำหั่นกันเองอย่างนั้นหรือ?

ก็ฟังเข้าทีอยู่ แต่มันต่างจากการบอกให้เฉินเต้าหยวน เฉินชิวสุ่ย และเฉินเซียวอวิ๋นผนึกพลังกันโจมตีเฉินซีตรงไหนกัน?

ตอนนั้นเอง แม้แต่อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนก็สงสัยว่าพวกตนหูฝาดไปหรือไม่ เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน!

ในฐานะมหาเทพเต๋าที่มีอาวุโสสูงสุดในตระกูลเฉิน สหายเต๋าเฉินหลิงคงนั้นกล้าวางแผนให้จ้าวเอกภพเก้าดาราและแปดดาราอีกสองคนรวมหัวกันบดขยี้จ้าวเอกภพสี่ดาราเพียงคนเดียวเชียวหรือ!?

สีหน้าของอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนเยือกเย็นลงในพลัน เช่นเดียวกับดวงตาที่ฉายแสงเย็นวาววับ

นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความยุติธรรมอีกต่อไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเฉินหลิงคงกำลังเล่นเล่ห์ปั่นหัวกันอย่างเปิดเผย!

นี่เขาชักจะไปกันใหญ่แล้ว!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]