เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2030

บทที่ 2030 ศึกผู้พิทักษ์วิถี

………………..

บทที่ 2030 ศึกผู้พิทักษ์วิถี

การปรากฏตัวของเฉินไท่ชงสร้างความประหลาดใจต่อทุกคน และทำให้บรรยากาศที่นี่เงียบกริบ

ใบหน้าของคนตระกูลเฉินต่างก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความเคารพ และมีแม้กระทั่งสีหน้างุนงงจากการความประหลาดใจ

เนื่องจากเฉินหลิงจวินได้เลือกที่จะกลับชาติมาเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เฉินไท่ชงจึงเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะ และใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ซึ่งไม่เคยปรากฏตัวมาจนถึงขณะนี้

แม้ว่าจะเป็นคนอื่น ๆ ของตระกูลเฉิน แต่ก็เป็นเวลานานแล้วที่พวกเขาได้เฉินไท่ชง ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะแสดงตัวตนในเวลาเช่นนี้จริง ๆ

สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาเป็นคนกล่าวหักล้างการตัดสินใจของเฉินหลิงคงด้วยตัวเอง ทั้งยังสั่งให้ปล่อยตัวเฉินหลิงจวินพร้อมกับภรรยาด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงทำให้คนของตระกูลเฉินทั้งหมดไม่ทันได้ตั้งตัวเล็กน้อย

ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น?

กับแค่คนอย่างเฉินซี มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ท่านบรรพบุรุษเฉินไท่ชงจะปรากฏตัว?

ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะตกใจ และพวกเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้

แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลหลั่งไหลอยู่กลางอากาศ ในขณะที่แสงสีทองปกคลุมบริเวณโดยรอบ และทำให้ร่างของเฉินไท่ชงดูเหมือนเป็นเทพเจ้าสูงสุดในตำนาน

กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเฉินหลิงคงลดลงทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับ ‘ตัวตนบรรพกาล’ ของตระกูลเฉิน ซึ่งมีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ และมีความอาวุโสที่สุดในตระกูล

สีหน้าของเฉินหลิงคงแปรเปลี่ยนไปมาไม่รู้จบ และต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะกัดฟันแทบแหลก “แต่….”

เฉินไท่ชงกล่าวอย่างเด็ดขาด “ไม่มีแต่”

ทันใดนั้น ร่างกายของเฉินหลิงคงแข็งทื่อ มือสั่นอย่างห้ามไม่ได้ สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเขาแล้ว

แต่… ทำไมกัน? เฉินหลิงคงไม่สามารถเข้าใจได้

ในขณะนี้ อู๋เซวี่ยฉานประสานฝ่ามือ พลางกล่าวว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่อนุญาต”

“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น อันที่จริงแล้ว แม้ว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่ได้มาที่นี่ แต่เรื่องนี้ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องยุติแล้ว” เฉินไท่ชงถอนหายใจ

ยุติเรอะ? เฉินหลิงคงพึมพำอยู่ในใจ ยุติเรื่องอันใดกัน?

แต่ก่อนที่เขาจะขัดขืน เขาก็ได้ยินเฉินไท่ชงสั่งว่า “หลินคง การแข่งขันสำหรับผู้สืบทอดคนต่อไปได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการกับเรื่องที่เหลือ”

หลังจากนั้น เขาก็กล่าวกับอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียน “โปรดมาพบข้าที่บ้านอันต่ำต้อยของข้าในภายหลัง”

ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของเขาก็กลายเป็นดวงแสงหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

การจากไปของเฉินไท่ชง แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันครั้งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุไม่คาดฝันได้สิ้นสุดลงแล้ว และเฉินซีคือผู้ที่คว้าชัยในศึกนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครยอมรับผลนี้

เพราะทุกคนต่างก็ทราบดีว่าเฉินซีเป็นเพียงคนนอก ดังนั้นแม้เขาจะคว้าชัย แต่จะมีคุณสมบัติรับตำแหน่งผู้สืบทอดได้อย่างไร?

เฉินซีไม่คิดสนใจเรื่องนี้เลย เพราะแค่ชนะก็พอแล้ว ตราบใดที่สามารถพาบิดามารดาของเขากลับไปด้วยได้ เขาก็ไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องผู้สืบทอดของตระกูลเฉินเลยสักนิด

เมื่อรู้ว่าเฉินไท่ชงตกลงที่จะปล่อยบิดามารดาของตน เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น จนลืมอาการบาดเจ็บไปสิ้น

ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้ว

สีหน้าของเฉินหลิงคงมืดมน และจากไปอย่างเร่งรีบ จิตใจเต็มไปด้วยความคับข้อง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาไปที่ใด

คนของตระกูลเฉินต่างก็ทยอยจากไปอย่างต่อเนื่องเช่นกัน บางคนถอนหายใจยาวแรง ในขณะที่บางคนต้องการชมการต่อสู้ให้นานขึ้น….

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในวันนี้น่าตกใจเกินไปจริง ๆ น่าสนใจจนไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การแข่งขันครั้งนี้ทำให้คนตระกูลเฉินทุกคนจำชื่อหนึ่งได้ นั่นคือ เฉินซี!

มันเป็นชื่อของคนนอกที่พวกเขาเคยปฏิเสธ ดูถูก และเหยียดหยามมาก่อนหน้านี้ แต่บัดนี้ อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่น่าตื่นตา ไม่อาจมองข้ามและต้องแสดงความเคารพ!

แขกที่มาจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ได้กล่าวลาและจากไปเช่นกัน ทุกสิ่งที่พวกเขาได้เห็นในวันนี้ นับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังทำให้พวกเขาตกใจและประหลาดใจอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าไม่นานหลังจากที่แขกเหล่านี้จากไป ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเฉินซีจะแพร่กระจายไปยังตระกูลอื่น ๆ ในตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน

“ศิษย์น้องเล็ก ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าทำให้ทั้งถังเสียนและข้าประหลาดใจจริง ๆ” อู๋เซวี่ยฉานก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายเฉินซี เมื่อเขาเห็นเฉินซีเดินลงจากสังเวียน เขามีสีหน้าพึงพอใจและชื่นชม

“เจ้าทำได้ดีมาก” ถังเสียนก็ชื่นชมเช่นกัน

เฉินซีคลี่ยิ้ม “ศิษย์พี่ ข้า….”

ราวกับว่าเขารู้ว่าเฉินซีกำลังจะกล่าวอะไร อู๋เซวี่ยฉานชี้ไปที่เฉินซีแล้วกล่าวว่า “หากเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้ พ่อแม่เจ้าจะมีแต่กังวลมากขึ้นนะ”

เฉินซีตกตะลึง พลางก้มมองร่างตนซึ่งเต็มไปด้วยเลือดและอาการบาดเจ็บทั่วกาย เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงขื่น “จริงของศิษย์พี่”

“พาตัวไปหรือ?” อู๋เซวี่ยฉานหัวเราะเบา ๆ และส่ายหัว “ผู้อาวุโส นั่นไม่ถูกต้อง เขาเทพพยากรณ์ ของข้าไม่เคยทำสิ่งนั้นเลย”

เฉินไท่ชงแค่นหัวเราะ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เฉินซี เขาพินิจเฉินซีราวกับกำลังชื่นชมสมบัติที่หายากและล้ำค่า และมันก็ทำให้เฉินซีรู้สึกอึดอัด

แม้แต่เฉินซีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในที่สุด เฉินไท่ชงก็เบือนสายตาและถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็เชื่อคำพูดของพวกเจ้าสองคนแล้ว เด็กคนนี้… เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองผ่านหรือทำความเข้าใจ”

เฉินซีตกตะลึง

เขารู้ว่าอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนได้ไปเยี่ยมบรรพบุรุษของตระกูลเฉินก่อนที่พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษจะเริ่มต้นขึ้น แต่ถึงแม้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร

บัดนี้ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของเฉินไท่ชง ในที่สุดเขาก็เดาได้อย่างคลุมเครือว่าหัวข้อสนทนาส่วนใหญ่จะต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน!

ไม่เช่นนั้น เฉินไท่ชงคงไม่ปรากฏตัวเมื่อการแข่งขันรอบที่สองกำลังจะสิ้นสุดลง

“ในเมื่อผู้อาวุโสเชื่อเรา งั้นท่านอนุญาตให้ศิษย์น้องเล็กของข้าไปพบกับเฉินหลิงจวินและภรรยาของเขาตอนนี้เลยได้หรือไม่?” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มพลางกล่าวคำเหล่านี้

“แน่นอน” เฉินไท่ชงเห็นด้วยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แต่เขายิ้มและกล่าวหลังจากนั้นว่า “ไม่ต้องรีบร้อนไป ข้ายังมีเรื่องบางอย่างจะขอร้องเขาก่อน”

เฉินซีตกตะลึงในใจ เฉินไท่ชงเป็นตัวตนที่น่าเกรงขาม ดังนั้นสิ่งที่เขาขอจะเป็นเรื่องธรรมดาได้อย่างไร

หากอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนไม่ได้อยู่ตรงนี้ เฉินซีก็ไม่คิดว่าเฉินไท่ชงกำลังทำเรื่องยากให้เขาโดยตั้งใจ และคงขัดขวางไม่ให้พบบิดามารดาของเขา

อู๋เซวี่ยฉานกล่าวอย่างสบาย ๆ “เชิญผู้อาวุโส”

“มันง่ายมาก อนุญาตให้เด็กคนนี้เป็นตัวแทนของตระกูลเฉินของข้าในศึกผู้พิทักษ์วิถีที่จะจัดขึ้นในห้าร้อยปีต่อจากนี้” เฉินไท่ชงยิ้มพลางกล่าวคำเหล่านี้

“ศึกผู้พิทักษ์วิถี?” เฉินซีรู้สึกงุนงงและเหลือบมองถังเสียน

ถังเสียนกลับส่ายหัวเป็นเชิงว่าเฉินซีควรสงบสติอารมณ์

อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “ข้าได้ยินมาว่า มีเพียงทายาทของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถีได้….”

ราวกับว่าเขารู้ว่าอู๋เซวี่ยฉานตั้งใจจะกล่าวอะไร เฉินไท่ชงยิ้มและกล่าวขัดจังหวะว่า “ไม่ต้องกังวลไป เนื่องจากเด็กน้อยคนนี้มีแซ่เฉินและเป็นทายาทของหลิงจวิน ดังนั้นจึงถือว่าเขาเป็นทายาทของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์”

อู๋เซวี่ยฉานกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ท่านจะรับศิษย์น้องเล็กของข้าเข้าตระกูลเฉิน?”

เฉินไท่ชงแค่นเสียงเย็น “เด็กน้อยคนนี้เป็นทายาทของตระกูลเฉินของข้ามาโดยตลอด แล้วทำไมข้าต้องทำเรื่องเช่นนั้นด้วย”

เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ย “หากเขาตกลงที่จะเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี แม้แต่การสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคตก็ไม่เป็นปัญหา!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]