บทที่ 2031 ความผิดพลาด
………………..
บทที่ 2031 ความผิดพลาด
เฉินไท่ชงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว
ถ้าเป็นคนอื่นในตระกูลเฉินที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว คนผู้นั้นจะได้รับแรงบันดาลใจจนเลือดในกายเดือดพล่านแน่
ทว่าเฉินซีกลับไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เขาไม่ได้ยินดีที่ถูกยอมรับว่าเป็นคนตระกูลเฉิน และไม่มีความสนใจแม้แต่น้อยที่จะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉินในภายภาคหน้า
ในส่วนลึกของหัวใจ เขายังคงรู้สึกว่าเป็นคนของตระกูลเฉินแห่งเมืองหมอกสน เนื่องจากมันเป็น ‘บ้าน’ ที่เขาเติบโตมา
เดิมทีเฉินไท่ชงมองไปที่เฉินซีด้วยความคาดหวัง แต่เขารู้สึกผิดหวังเพราะปฏิกิริยาของเฉินซีเย็นชาและไม่แยแสเกินไป มันทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าความคิดของเขาดูเหมือนจะไม่มีผลต่อเด็กน้อยที่นั่งอยู่หน้าเลย
เฉินไท่ชงเหลือบมองที่อู๋เซวี่ยฉาน จากนั้นเขาก็เหลือบมองที่ถังเสียน ก่อนที่จะอดถอนหายใจไม่ได้ “ข้าไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้เลย”
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกสูญเสีย
“ตระกูลเฉินมีอัจฉริยะที่โดดเด่นนับไม่ถ้วน ข้าคิดว่าเฉินเต้าหยวนเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำตระกูลเฉิน ท่านคิดอย่างไรหรือผู้อาวุโส?” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มพลางกล่าวคำเหล่านี้
เฉินไท่ชงกล่าวอย่างสบาย ๆ “เขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาขาดจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”
“ความสำเร็จที่ขาดหายไปของเขา มันสามารถบรรเทาลงได้เมื่อเวลาผ่านไป ข้าคิดว่าความสำเร็จในอนาคตของเขาจะเหนือกว่าเฉินหลิงคงอย่างแน่นอน มันหาได้ยากจริง ๆ” ถังเสียนกล่าวอย่างจริงจังเช่นกัน
“แน่นอน” เฉินไท่ชงฟื้นท่าทางที่สงบ เขาเหลือบมองที่เฉินซีแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดายที่เฉินเต้าหยวนค่อนข้างด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเขา”
เห็นได้ชัดว่าเฉินไท่ชงโปรดปรานเฉินซีอย่างมาก และเขาชื่นชมเฉินซีมากถึงขั้นที่เขาไม่ลังเลที่จะให้เฉินซีเข้าร่วมตระกูลเฉิน
น่าเสียดายที่ทัศนคติของเฉินซีทำให้ทุกอย่างชัดเจน และทำให้เฉินไท่ชงรู้สึกค่อนข้างเสียใจลึก ๆ
ในเวลาไม่นาน เฉินไท่ชงก็หยุดกล่าวถึงเรื่องนี้ แล้วจ้องไปที่เฉินซี จากนั้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าสงสัยว่าเจ้าจะยอมรับคำขอของข้าได้หรือไม่”
อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียน ต่างจ้องมองกัน ในท้ายที่สุด พวกเขาก็จ้องมองไปที่เฉินซี
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องตัดสินใจ” อู๋เซวี่ยฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แต่ข้าไม่รู้ว่าศึกผู้พิทักษ์วิถีคือสิ่งใด” เฉินซีหัวเราะอย่างขมขื่น
เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปที่ศิษย์พี่ของเขา เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้านใด ๆ เขาก็ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเขา ไม่เช่นนั้นศิษย์พี่ของเขาคงจะเป็นคนแรกที่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
“ตกลง ข้ายอมรับ” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตัดสินใจ
“เยี่ยมมาก!” ท่าทางพึงพอใจปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของเฉินไท่ชง จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างอดไม่ได้ “เด็กน้อย เจ้าจะไม่ทบทวนข้อเสนอเมื่อครู่นี้ของข้าจริง ๆ เหรอ?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจ ยังคงหวังว่าเขาจะสามารถรับเฉินซีเข้าสู่ตระกูลเฉินได้
เฉินซีถึงกลับกล่าวไม่ออก และเขาปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เฉินไท่ชงถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในท้ายที่สุด เขาตกลงที่จะพาเฉินซีไปพบบิดามารดาของเขาตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้
หลังจากนั้น เฉินซีและคนอื่น ๆ ก็ไม่รั้งอยู่อีกต่อไป พวกเขาลุกขึ้นกล่าวลาแล้วจากไป
…
ฟึ่บ!
ไม่นานหลังจากที่กลุ่มของเฉินซีจากไป วงแสงที่เปล่งประกายความศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นภายในบ้านหินที่เรียบง่ายและดั้งเดิมหลังนี้
หลังจากนั้น ก็มีร่างมากมายปรากฏขึ้น พวกเขานั่งขัดสมาธิราวกับอยู่ในดินแดนของตนเอง
ในตระกูลเฉินทั้งหมด มีเพียง ‘ตัวตนบรรพกาล’ ของตระกูลเฉินเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่กล้ากระทำการอย่างไร้มารยาทในที่พำนักของเฉินไท่ชง
“ช่างน่าเสียดาย” เฉินไท่ชงถอนหายใจ
ชายเสื้อคลุมสีเทากล่าวอย่างสบาย ๆ “เด็กคนนั้นไม่เลวจริง ๆ แต่เนื่องจากเขาไม่เต็มใจ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องยืนกราน”
“พวกเจ้าทุกคนไม่เข้าใจ พลังฝีมือที่เขาเปิดเผยในตอนนั้น โดยธรรมชาติแล้วไม่ได้น่ากลัวมากนัก แต่เส้นทางไปสู่เต๋าในอนาคตของเขาจะต้องเหนือกว่าทั้งในอดีตและปัจจุบัน!” เฉินไท่ชงจ้องมองอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อย่าลืมว่าเขาคือผู้ช่วงชิงคนที่เก้าในยุคนี้ พวกเจ้าทุกคนควรตระหนักชัดเจนว่านั่นหมายถึงอะไร”
คนอื่น ๆ เงียบไป และพวกเขาก็ขมวดคิ้ว บ้างก็ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง หรือถอนหายใจด้วยอารมณ์อย่างไม่รู้จบ
การดำรงอยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจนโดยธรรมชาติว่า เฉินซีเป็นผู้ช่วงชิงคนที่เก้าในยุคนี้ได้อย่างไร
ชายเสื้อคลุมสีเทาแนะนำ “ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ เราสามารถไปคุยกับหลิงจวินและขอเขาให้กล่อมเด็กคนนั้นรั้งอยู่ต่อไปได้”
“นั่นอาจจะไม่สมควร ด้วยวิธีนี้ เขาเทพพยากรณ์อาจจะไม่ยอม” อีกคนส่ายศีรษะไม่หยุดหย่อน
“ในความคิดของข้า พวกเจ้าทุกคนล้วนคิดว่าความสามารถของเขาสูงเกินไป เป็นไปได้ไหมที่ตระกูลเฉินของเราไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีเขา” บางคนก็เฉยเมย
เฉินไท่ชงอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเงียบไปนานก่อนจะกล่าวว่า “ลืมมันซะเถอะ อย่ากล่าวถึงเรื่องนี้อีก เนื่องจากเขาได้ตกลงที่จะเป็นตัวแทนของตระกูลเฉินแล้ว มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี”
ขณะที่กล่าว เขาก็ยืนขึ้นและเดินออกจากบ้านหิน
“เจ้าจะไปไหน?”
“ไปพบหลิงคง ข้ากลัวว่าเขาจะทำอะไรโง่ ๆ น่ะสิ”
เฉินไท่ชงกล่าวไม่จบ แต่ความหมายเบื้องหลังคำพูดนั้นชัดเจนแล้ว
เฉินหลิงคงชะงักงันราวถูกฟ้าผ่าสีหน้าปลี่ยนไปไม่รู้จบ
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็หัวเราะอย่างขมขื่น “เป็นข้าที่ผิดเองหรือ? เป็นเพราะข้า…?”
คล้ายสูญเสียจิตวิญญาณ เขาดูเหม่อลอย สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้และความหวัง
“ทุกคนล้วนผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น รวมถึงข้าด้วย” เฉินไท่ชงไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “ดังนั้นความผิดพลาดเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำสอง มิฉะนั้น มันจะนำพาให้ตระกูลของเราล่มสลายทั้งหมด”
“เป็นเช่นนั้นเหรอ?” เฉินหลิงคงดูเหมือนซากศพที่เดินได้ และเดินตามหลังเฉินไท่ชงด้วยสายตาว่างเปล่า
เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าอารมณ์ความรู้สึกแบบใดที่ทำให้มหาเทพเต๋ากลายเป็นเช่นนั้นได้
นับจากวันนี้เป็นต้นไป เฉินหลิงคงคล้ายระเหยหายไปในอากาศ ปลีกวิเวกสู่ความสันโดษโดยสมบูรณ์ และไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ซึ่งไม่มีใครรู้เหตุผลที่แน่ชัดสำหรับเรื่องนี้
…
ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงเคหา เฉินซีก็อดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่ใหญ่ ศึกผู้พิทักษ์วิถีเต๋าคือสิ่งใด?”
อู๋เซวี่ยฉานกล่าวอย่างสบาย ๆ “ศิษย์น้องถังเสียน เจ้าช่วยอธิบายแทนข้าที”
“เรื่องมันยาวนัก” ถังเสียนนั่งขัดสมาธิ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ง่าย ๆ ก็คือ ทุก ๆ หมื่นปี ในบรรดาตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์จะเลือกจ้าวเอกภพเก้าดาราที่มีโอกาสสูงที่สุดที่จะบรรลุสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋ามารวมตัวกัน และจากนั้นพวกเขาจะเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีที่ภูเขาผนึกเทพ”
“ซึ่งมันจะเกิดขึ้นในอีกห้าร้อยปีนับจากนี้ ในเวลานั้น ศิษย์น้องเล็กสามารถเข้าร่วมได้อย่างอิสระ”
คำเหล่านี้กระชับและครอบคลุมถึงขีดสุด เฉินซีเข้าใจคร่าว ๆ แต่เขาก็เกิดความสงสัยมากมายเมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
เหตุใดจึงมีการจัดศึกผู้พิทักษ์วิถี?
เหตุใดจึงมีเพียงจ้าวเอกภพเก้าดาราที่มีโอกาสที่จะบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าเท่านั้น?
หรือจะมีเหตุผลแฝงอยู่เบื้องหลัง?
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เขาเป็นเพียงจ้าวเอกภพห้าดาราเท่านั้น และไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะสามารถบรรลุสู่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราได้ภายในเวลาห้าร้อยปี!
ในเมื่อข้าต้องบรรลุสู่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา แล้วข้าจะมีโอกาสบรรลุไปสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าได้หรือไม่?
ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...