เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2032

บทที่ 2032 ครอบครัว

………………..

บทที่ 2032 ครอบครัว

ทั้งอู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับศึกผู้พิทักษ์วิถีให้เฉินซีฟังอีก ด้วยความที่มันยังเร็วเกินไปและมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่ง จะให้อธิบายสั้น ๆ ก็ไม่ได้

ทว่าถังเสียนก็บอกเฉินซีไว้แล้วว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าศึกผู้พิทักษ์วิถีจะดีกว่า เพราะหากไม่เกินจากที่คาดการณ์ไว้ ผู้เข้าร่วมกว่าสี่ในสิบส่วนก็คงจะได้พบโชคลาภ และได้ขึ้นเป็นขอบเขตมหาเทพเต๋าได้แน่!

นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถึงอยากเข้าร่วมศึกผู้พิทักษ์วิถีกันนัก

หลายปีก่อน ถังเสียนเองก็ทะลวงสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าจากการเข้าศึกผู้พิทักษ์วิถีเช่นกัน

เฉินซีได้ยินแล้วก็รู้สึกว่าช่างน่าสนใจเหลือเกิน

ขอบเขตมหาเทพเต๋า!

ว่ากันว่ามันเป็นขอบเขตพลังที่ไม่ธรรมดา ส่งถึงชั้นฟ้าชั้นสวรรค์ นับแต่โบราณมาก็มียอดฝีมือทั้งหลายที่อยากทะลวงสู่ขอบเขตนี้กันทั้งนั้น แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ทำสำเร็จ

นั่นก็เป็นเพราะมันต้องใช้ความลึกล้ำและต้องใช้โชคชะตา เป็นพลังต้องห้ามอันลึกลับ แค่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ต้องพบจุดจบไปอย่างไม่อาจหวนกลับคืนได้แล้ว!

ตอนนี้ทุกสิ่งมีชีวิตบนแดนเทพโบราณที่สามารถขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าก็นับว่าเป็นยอดฝีมือเหลือใครสั่นสะท้านโลกา แค่นั้นก็นับว่าเก่งกล้าสามารถ เป็นตัวตนลึกลับมากกว่าใคร

กล่าวได้ว่า มหาเทพเต๋านั้นยืนหยุดจุดสูงสุดแห่งการบ่มเพาะเลยก็ว่าได้ เป็นคนที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุด ครอบครองอำนาจเหนือใคร เป็นที่สนใจและที่เคารพบูชาของผู้คนทุกหมู่เหล่า

แต่ก็เป็นเพราะขอบเขตนี้ถือครองพลังลึกลับไม่เหมือนใคร ยากเย็นนักกว่าจะได้นี้มาครอบครอง

แต่ตอนนี้เขากลับได้ยินว่าหากสามารถเข้าศึกผู้พิทักษ์วิถีได้ ก็จะมีโอกาสสูงที่จะพบโชค ทำให้ทะลวงสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าได้ ได้ยินเช่นนี้แล้วเฉินซีจะไม่สนใจได้หรือ?

แน่นอนว่าตอนนี้เฉินซีเป็นเพียงจ้าวเอกภพห้าดารา ห่างจากขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราอีกสี่ขั้น ทั้งขอบเขตจ้าวเอกภพกับขอบเขตมหาเทพเต๋าก็มีความต่างพลังกันมาก

แต่ก็ด้วยความที่เขามีตราประทับยุคสมัยจากยุคก่อน ๆ ทำให้เฉินซีไม่เจออุปสรรคในการบ่มเพาะขอบเขตจ้าวเอกภพมากนัก

หรือก็คือหากเขาทำการขัดเกลาและดูดซับพวกมันไปทีละชิ้น พลังบ่มเพาะของเขาก็จะค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน!

อีกทั้งกว่าจะถึงศึกผู้พิทักษ์วิถีก็ยังมีเวลาอีกตั้งห้าร้อยปี ดังนั้นหากไม่เกิดเหตุอะไรระหว่างนี้ เฉินซีก็คงสามารถขึ้นขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราได้อย่างไร้ปัญหา

เช้าวันถัดมา เฉินซีก็รออยู่ในเรือนเงียบ ๆ แต่ในใจคิดอะไรไปไกล ไม่อาจสงบจิตใจได้เลย

เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานหลายปีแล้ว มันเหมือนเป็นความรู้สึกตั้งตารอ ความกังวล ความตื่นเต้น และความเป็นห่วงผสมปนเปกันไป

จากที่พวกเขาตกลงกันไว้ บรรพบุรุษตระกูลเฉินอย่างเฉินไท่ชงจะพาเขาไปพบท่านพ่อกับท่านแม่ ได้กลับไปพบกันอีกครั้งในตอนกลางวันนี้

และนี่นับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเฉินซี

เติมทีเขาเริ่มจากการเป็นเด็กน้อยวัยสิบขวบที่อ่อนแอบอบบาง แต่ตอนนี้เขาเป็นศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย

เขาออกเดินทางมาตั้งแต่สถานที่เล็ก ๆ อย่างเมืองหมอกสน ไปไกลจนถึงดินแดนกว้างขวางอย่างแดนเทพโบราณ

จากมนุษย์ตัวเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนเป็นมหาเทพเต๋า และได้เป็นยอดฝีมือชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแดนเทพโบราณ

ทั้งความสุข ความโกรธ ความเศร้า ความเกลียด อันตราย และความลำบากยากเข็ญทั้งหลายในการเดินทางครั้งนี้ เป็นสิ่งที่มีแต่เฉินซีเท่านั้นที่จะเข้าใจ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาอดทนทำทั้งหมดนี้มา… สาเหตุที่ทำให้เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าไปไม่หยุด ไม่กล้าผ่อนคลายสักนิด ก็เป็นเพราะท่านพ่อท่านแม่ที่อยู่ ๆ ก็หายไปเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง!

หากเขาสามารถทำความต้องการนี้ให้เป็นจริงได้เร็วกว่านี้ ใครจะอยากเดินทางร่อนเร่ไปไหนมาไหนเช่นนี้บ้าง?

ตอนนี้จุดมุ่งหมายของเขาใกล้จะสำเร็จแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะได้พบพวกท่านแล้ว มีหรือเฉินซีจะสามารถสงบจิตใจลงได้?

ความรู้สึกทั้งหลายที่อัดอั้นอยู่ในใจมายาวนานปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด มันแผ่ขยายไปทั่วหัวใจ

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย เฉินซีจึงมีสีหน้าเหม่อลอย นึกถึงภาพย้อนอดีตขึ้นมาหลายอย่าง

เขานึกถึงคุณปู่ เฉินเทียนลี่ นึกถึงบ้านหลังเก่าเรียบง่ายที่เคยใช้ชีวิตอยู่มาตั้งแต่เด็ก นึกถึงเถ้าแก่ร้านค้าของตระกูลจางนามจางต้าหยง คนที่รับเขาเป็นศิษย์ยันต์ฝึกหัด นึกถึงความอยุติธรรมและคำปรามาสเมื่อครั้งวัยเยาว์ นึกถึงชื่อเล่นที่คนเรียกเขาว่าตัวซวย….

ทั้งหมดนั้นคือวัยเด็กเฉินซี เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยลืมเลือน

แต่ก็เป็นเพราะแบบนั้นเขาถึงได้เริ่มก้าวเข้ามาในเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ ไม่ใช่เพราะมหาเต๋า แต่เป็นเพราะอยากตามหาท่านพ่อท่านแม่ต่างหาก!

ภายในเรือนนั้นเงียบสนิท อู๋เซวี่ยฉานและถังเสียนนั่งสมาธิอยู่ภายในนั้น เหมือนรู้ว่าเฉินซีกำลังรู้สึกอย่างไร ดังนั้นจึงไม่อยากส่งเสียงไปรบกวน

พอถึงเวลากลางวันเข้าจริง เสียงลึกล้ำก็ดังมาจากด้านนอกเรือน “สหายเต๋าเขาเทพพยากรณ์อยู่ในนั้นหรือไม่?”

เฉินไท่ชงมาถึงแล้ว!

เฉินซีพลันผุดลุกขึ้นก่อนสูดลมหายใจเข้าหลายครั้ง แต่ก็สังเกตเห็นว่าไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เลย จึงได้แต่หัวเราะเสียงขื่นออกมา

“รีบไปเถอะ” อู๋เซวี่ยฉานเดินเข้ามาตบไหล่เฉินซี

ฟ้าดินว่างเปล่าเงียบสงัดเต็มไปด้วยหิมะขาวและความเยือกเย็น

ฟ่าว! ฟ่าว! ฟ่าว!

เงาร่างสูงกำลังเดินอยู่ไกล ๆ ท่ามกลางหิมะขาวโปรยแรง

คนผู้นั้นมีผมสีขาวราวหิมะกล้าไว้บนศีรษะ มีใบหน้ามุ่งมั่นดูหล่อเหลา และในตาลึกล้ำดั่งหุบเหวลึก เป็นเหมือนหงส์โดดเดี่ยวที่กำลังฝ่าหิมะเพื่อตามหาบ้าน

ที่นี่คือมิติกักเก็บ

จากที่เฉินไท่ชงว่ามา เฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยถูกกักขังอยู่ที่นี่นับตั้งแต่ที่กลับตระกูลเฉินมา

ทว่าแม้จะถูกมองเป็นอาชญากร แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติแย่ ๆ หรือถูกทรมานแต่อย่างไร เพียงแต่ถูกกักขังไว้ในที่แห่งนี้ไม่ให้ติดต่อโลกภายนอกได้เท่านั้น

ได้ยินแล้ว นอกจากจะรู้สึกโล่งอก เฉินซียังรู้สึกสงสัยด้วย ท่านพ่อทำอะไรไว้ ทำไมคนทั้งตระกูลเฉินถึงบอกว่าเขาเป็นอาชญากร?

มันเป็นโลกที่เห็นอะไรได้ไม่ชัดเจนนักท่ามกลางหิมะขาว เสียงลมหวีดหวิวพร้อมกับอากาศที่หนาวเย็นทำให้ได้ยินบทสนทนาได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่

“วันนี้ใจข้าไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เสียงกู่เจิงของข้าจึงไร้ชีวิตชีวา ทั้งยังไม่มีอารมณ์มาเดินฝ่าหิมะอีก แปลกจริง” มันเป็นเสียงไพเราะเสนาะหูของสตรีผู้หนึ่ง ลอยมากับสายลม นำพาเอาน้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อยทว่ารื่นหูลอยมาด้วย

เฉินซีร่างชะงัก ฝีเท้าหยุดฉับพลัน ไม่กล้าก้าวเข้าไปอีก

ใบหน้าเขาเผยความตื่นเต้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอื้ออึ้ง นึกถึงภาพที่เห็นในเรือนซึ่งท่านแม่ทิ้งไว้ให้เมื่อหลายปีก่อน

ในตอนนั้น เงาร่างสง่างามก็ปรากฏขึ้นมา นางอยู่ในชุดสีขาว มีรูปร่างงามดั่งภาพวาด ทั้งดูสูงส่ง นัยน์ตาสีดำสนิทดูกระจ่างใส ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา

ในตอนนั้นมุมปากนางประดับยิ้ม น้ำเสียงเองก็ไพเราะเหมือนเสียงน้ำไหล ฟังแล้วให้สบายใจ เหมือนเป็นหญิงสาวเฉลียวฉลาดผู้งดงามคนหนึ่ง

แต่เฉินซีรู้ว่านางก็คือท่านแม่ของเขา จั่วชิวเสวี่ย!

ภาพนั้นเป็นภาพที่สลักอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ เป็นภาพที่เขาไม่มีวันลืมเลือน

ตอนนี้เขายืนอยู่ท่ามกลางลมและหิมะที่ปกคลุม ยืนฟังน้ำเสียงไพเราะอ่อนโยนนั่นอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างจากน้ำเสียงร่าเริงจากในอดีต แต่เฉินซีก็รู้ทันทีว่าน้ำเสียงนั้นกับเสียงในความทรงจำเป็นเสียงของคนคนเดียวกัน!

พริบตานั้น เฉินซีก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกทั้งหลายพลันวิ่งพล่านออกมา ตื่นเต้นจนแทบอยากตะโกนออกมา แต่ก็กลัวว่าจะทำนางตกใจ จึงได้แต่ยับยั้งความตื่นเต้นนั้นไว้

เขายืนนิ่งเหมือนเป็นรูปปั้นท่ามกลางลมและหิมะอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเผยความอ่อนโยนที่ออกจากใจ

ในสายตาเขา หิมะที่ปกคลุม ลมพัดพาความหนาวเย็น และความเงียบสงบ พวกมันกลับดูเจิดจ้า อบอุ่น และทำให้รู้สึกสบายใจยิ่งนัก

ในที่สุดเราก็จะได้พบกันแล้ว….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]