เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2033

บทที่ 2033 พร้อมหน้าพร้อมตา

………………..

บทที่ 2033 พร้อมหน้าพร้อมตา

หยาดหิมะพร่างพรม ล่องลอยไปในอากาศ

จั่วชิวเสวี่ยนั่งขัดสมาธิใต้ร่มไม้ใหญ่พร้อมเอามือเท้าคางอย่างครุ่นคิด ดวงตาใสกระจ่างทอดมองไปไกลแสนไกลคล้ายคนเหม่อลอย

เฉินหลิงจวินหนุนแขนของตนขณะเอนกายพิงกับรากไม้อย่างเกียจคร้าน เขาพูดอย่างไม่จริงจังนักพร้อมกับหรี่ตาลง “ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่สบายใจ เพราะตามเวลาแล้ว พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษตระกูลเฉินควรจะจบเมื่อวานนี้ บางทีคงอีกไม่นานเราก็จะได้พบซีเอ๋อร์”

ดวงตาจั่วชิวเสวี่ยสว่างวาบ หากก็สงบแสงลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “ข้าเพียงกังวลเล็กน้อยเท่านั้น”

เฉินหลิงจวินพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากลัวว่าพวกเขาจะทำร้ายเขาหรือ? อย่าได้กังวลไป เขาเป็นลูกชายของข้า เฉินหลิงจวินเชียวนะ ในเมื่อเขากล้ามาที่ตระกูลเฉิน แล้วจะไปมีเรื่องไม่คาดคิดใดๆ มาทำอันตรายเขาได้เล่า?”

จั่วชิวเสวี่ยผินหน้ามองผู้เป็นสามี “เขาเป็นลูกชายของข้าเช่นกัน!”

เฉินหลิงจวินหัวเราะลั่น “แล้วเจ้ากังวลสิ่งใด?”

จั่วชิวเสวี่ยหยัดกายลุกก่อนจะคว้าปุยหิมะที่ตกลงมาอย่างกระสับกระส่าย ละอองหิมะหนาวเหน็บค่อยๆ ละลายบนฝ่ามืออุ่น “ที่ข้ากังวลก็เพราะเฉินหลิงคง เมื่อหลายปีก่อนเขากล้าที่จะเพิกเฉยต่อเจตนารมณ์ของเฉินไท่ชงและทำร้ายเจ้า ข้าไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าครั้งนี้เขาจะไม่ทำร้ายซีเอ๋อร์เช่นกัน เจ้าก็รู้นี่ว่าเฉินหลิงคงถ้าเกิดบ้าขึ้นมาก็สามารถทำได้ทุกอย่าง”

ดวงตาของเฉินหลิงจวินหรี่ลงเล็กน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “นั่นอาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ ด้วยนิสัยของเฉินไท่ชง เขาไม่มีทางยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นซ้ำอย่างแน่นอน ตราบใดที่เฉินไท่ชงยังคงอยู่ในตระกูลเฉิน เฉินหลิงคงก็ไม่อาจบรรลุความปรารถนาของเขาได้”

เมื่อพูดจบ ความรู้สึกซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินหลิงจวิน “อาเสวี่ยเจ้าไม่ต้องกังวล ซีเอ๋อร์จะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน”

จั่วชิวเสวี่ยเหลือบมองยังเฉินหลิงจวิน ความอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนางขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้าจำเรื่องในอดีตได้แล้วหรือ?”

เฉินหลิงจวินไม่ปฏิเสธ เขาหัวเราะขื่นพลางถอนใจ “ข้าได้ฟื้นความทรงจำจากภพก่อน ไม่อาจลืมเหตุการณ์ที่ฝังลึกอยู่ในใจนี้ได้”

จั่วชิวเสวี่ยยอบกายลงและจับมือของสามีเอาไว้ “ในเมื่อเจ้าไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ลืมมันไปเสียเถิด เจ้ามิใช่ลูกหลานของตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์แล้วมิใช่หรือ?”

เฉินหลิงจวินพยักหน้า “แน่นอน ข้าแยกแยะความแตกต่างระหว่างชะตากรรมในอดีตและปัจจุบันได้ ความปรารถนาเดียวของข้าคือการที่ครอบครัวของเราได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง นอกจากเรื่องนี้ ข้าไม่มีความปรารถนาอื่นใด”

จั่วชิวเสวี่ยเอนศีรษะของตนซบกับไหล่ของเขาก่อนจะรำพึงเบา ๆ “ข้ามิได้เป็นเช่นนั้น มีเพียงแต่ต้องจำเรื่องราวในอดีตได้เท่านั้น ข้าจึงจะเข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริง”

เฉินหลิงจวินตบไหล่ภรรยาและไม่พูดอะไรอีก

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

เสียงฝีเท้าย่ำหิมะค่อย ๆ ดังจากที่ไกล

เฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยเงยหน้าขึ้นพร้อมกันและมองออกไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว

ที่ตรงนั้นมีร่างหนึ่งกำลังเดินผ่านทุ่งหิมะอันไร้ขอบเขต เสียงฝีเท้าของเขาลังเลหากก็เร่งร้อนอยู่ในที

ราวกับว่าหัวใจของผู้ที่กำลังย่ำย่างในยามนี้เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเหลือคณนา

เมื่อร่างนั้นค่อย ๆ ชัดเจนถนัดตา เขาทั้งสูงสง่าและผ่าเผย ผมสีขาวราวกับหิมะมัดเป็นมวยเกลียว เผยให้เห็นใบหน้าสุขุมงดงามอย่างเด่นชัด

ดวงตาสีดำของเขาคล้ายกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว หากบางคราก็เหมือนหุบเหวลึก ท่วงท่าเยื้องกรายผ่านหิมะและสายลมโบกพัดนั้น มันช่างเหมือนกับคนที่จากรังนอนไปนานแสนนานได้กลับคืนสู่ภูมิลำเนา

กายของจั่วชิวเสวี่ยสั่นสะท้านทันทีที่ร่างนี้ปรากฏขึ้นสู่สายตา ราวกับว่านางถูกแช่แข็งให้มีเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่คาดฝันเช่นนั้น

เช่นเดียวกับเฉินหลิงจวินที่เบิกตากว้าง ริมฝีปากของเขาเผยอเล็กน้อยคล้ายอยากจะพูดบางสิ่ง แต่กลับพูดไม่ออก

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างสูงก็หยุดฝีเท้าลง ใบหน้าสะคราญโฉมอาบกลิ่นอายที่ซับซ้อน

มันมีทั้งความยินดี ความคับข้องใจ ความกังวล ความตื่นเต้น และอื่น ๆ อีกไม่รู้สิ้น

หวือ! หวือ! หวือ!

สายลมและหิมะส่งเสียงหวีดหวิว แต่สำหรับคนทั้งสามนั้น กลับมีเพียงความเงียบงันในทันทีที่สายตาประสบ อารมณ์มากมายยากกะเกณฑ์ปะทุขึ้นในจิตใจของพวกเขาราวคลื่นสมุทรโหม

ท่ามกลางคำพูดที่ไร้เสียง เบื้องลึกในจิตใจตะโกนก้อง

หลังจากจากกันมานานหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งภายใต้สายลมและละอองหิมะขาว อารมณ์ที่ไม่ยากจะพรรณนาเป็นเช่นหิมะที่ตกกระหน่ำเหนือแผ่นดินกว้างไกล!

มันช่างยากจะอธิบายเป็นคำพูดที่ชัดเจน

“ซีเอ๋อร์!” หลังจากเวลาผ่านไปนาน ในที่สุดจั่วชิวเสวี่ยก็ตะโกนลั่น นางถลาร่างออกไปท่ามกลางม่านขาวของหิมะก่อนจะคว้าเฉินซีไว้ในอ้อมแขน กายที่สั่นเทาเอ่อล้นด้วยความตื่นเต้น

ร่างกายของเฉินซีแข็งทื่อ เขาลังเลอยู่นานก่อนจะพูดคำหนึ่งที่แสนยากเย็นออกมา “ท่านแม่”

มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยคุ้นมาก่อน ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่มีโอกาสได้ใช้คำนี้เลยสักครั้งด้วยคนที่เลี้ยงดูเขามาจนเติบใหญ่ก็คือเฉินเทียนลี่ ท่านปู่ของเขา ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะพูดกับแม่ของตนอย่างไร!

กระนั้น คำสั้น ๆ นี้กลับมีความหมายยิ่งใหญ่เหลือเกินสำหรับจั่วชิวเสวี่ย หัวใจที่เต้นรัวของนางสูญเสียการควบคุมไปโดยสิ้นเชิง น้ำตาใสแสนอุ่นร้อนไหลรินอาบสองแก้มอย่างไม่สะกดกลั้น

นางกอดเฉินซีไว้แน่น นิ้วที่กดตรึงยังแผ่นหลังของบุตรชายค่อยๆ ซีดลงจากแรงรัด นางกลัวเหลือเกิน กลัวว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเพียงความฝัน กลัวว่าหากกอดไม่แน่นเท่านี้ เฉินซีจะหายจากอ้อมอกของนางไปตลอดกาล…

“ลูก… ไม่โกรธพวกเราหรือ?” จั่วชิวเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะถามเฉินซี

“ไม่เลย” เฉินซีพูดอย่างสบาย ๆ “จริงอยู่ที่ข้าเคยโกรธพวกท่าน แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจและปล่อยวางได้แล้ว”

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ในเมื่อเราเจอกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลเราที่จะต้องยืนเด่นท่ามกลางหิมะอย่างคนโง่ใช่หรือไม่?” เฉินซีพูดด้วยรอยยิ้ม

จั่วชิวเสวี่ยและเฉินหลิงจวินคล้ายตื่นจากความฝัน พวกเขารีบพูดขึ้นในทันที “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”

จั่วชิวเสวี่ยกอดแขนของเฉินซีเอาไว้ขณะที่เดินไปยังต้นไม้ใหญ่ พร้อมกันนั้นนางก็หันไปสั่งเฉินหลิงจวิน “หลิงจวิน ไปละลายหิมะเพื่อชงชาที ข้าจะคุยกับซีเอ๋อร์ในระหว่างนี้ ให้ตายเถิด ข้าเป็นแม่แท้ ๆ แต่กลับไม่รู้เลยว่าหลายปีที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลูกของข้าบ้าง ข้าช่างเป็นแม่ที่…”

ขณะที่พูด หยาดน้ำใสก็อาบนองใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้

เฉินซีรีบพยุงให้นางค่อย ๆ นั่งลงก่อนจะปลอบโยน “ท่านแม่ อย่าร้องไห้ไปเลย ข้าจะเล่าในทุกสิ่งที่ข้าได้ประสบพบเจอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ และจะเล่าทุกเรื่องที่ท่านอยากฟัง”

เฉินซีนั่งลงเคียงข้างมารดา

“เอาละ ข้าอยากรู้ทุกเรื่องของเจ้าตั้งแต่ยังเด็กจนถึงตอนนี้ เจ้าคงไม่มีสิ่งใดที่ต้องปิดบังแม่หรอกใช่ไหม?” จั่วชิวเสวี่ยทอดมองเฉินซีด้วยประกายแห่งความหวัง หยาดน้ำที่ระเรื่อในดวงตาคู่นั้นชวนให้นางดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง

ขอบตาของนางแดงก่ำ ม่านตาสีดำสนิทมีแสงเรืองรองสุกใส มันทำให้ใบหน้าที่งดงามและประณีตของนางอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

เฉินซีเริ่มนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ และเล่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยที่ตนยังอยู่ในเมืองหมอกสน…

น้ำเสียงของเขาสงบ ราบเรียบ และเป็นธรรมชาติ แต่ในทันทีที่มันก้องอยู่โสตประสาทของจั่วชิวเสวี่ย ก็คล้ายว่านางจะได้ยินถึงความสุข ความเศร้า โกรธ เกลียดชัง และขุ่นเคือง

อารมณ์เลื่อนไล้ไปตามเรื่องราวของเฉินซี ยากที่จะสงบใจลงได้

หลังจากผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง เฉินหลิงจวินก็นำชามาวางบนโต๊ะข้างหน้าเฉินซีและจั่วชิวเสวี่ย ก่อนที่เขาจะเข้ามานั่งเงียบ ๆ ข้างคนทั้งสอง และเริ่มเงี่ยฟังด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน

คนสามคน ชาสามถ้วย ต้นไม้ใหญ่ สายลม หิมะ และเรื่องราวในอดีต…

บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ มีเพียงเสียงเฉินซีที่เล่าขาน จากนั้น ความรู้สึกไม่คุ้นเคยและระยะห่างระหว่างพวกเขาค่อย ๆ ละลายลงเช่นเดียวกับหิมะต้องไออุ่น

หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน ความรู้สึกมากมายก่อตัวขึ้นในใจ ทั้งความยินดีและเจ็บปวด ความทุกข์คับแค้นและความรู้สึกผิดใด ๆ ค่อย ๆ ละลายหายลับเมื่อความอบอุ่นเข้ามาแทนที่

เมื่อพวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น สายใยของครอบครัวก็ค่อย ๆ ผูกโยงและหลอมรวมเข้าด้วยกันโดยไม่รู้ตัว

สิ่งนี้คือความผูกพันของครอบครัว เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะสึกกร่อนหรือสูญสลายไปตามกาลเวลา

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]