บทที่ 2036 ความจริง
………………..
บทที่ 2036 ความจริง
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินหลิงจวินก็ตกอยู่ในความเงียบ
จั่วฉิวเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อตั้งใจจะปล่อยมันไป แล้วทำไมยังเก็บมันไว้ในใจอีกล่ะ? นอกจากนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ”
เฉินซีตกตะลึง เขาสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่า เหตุผลเบื้องหลังทั้งหมดนี้อาจเป็นแผลใจที่บิดาของเขายังแก้ไขไม่ได้
“ซีเอ๋อร์ ข้าก็บอกแก่เจ้าเช่นกัน แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของอดีตในช่วงชาติก่อนของข้า เจ้าต้องจำไว้ว่า อย่าได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก”
เฉินหลิงจวินหายใจเข้าลึก ๆ “หลังจากที่ข้าได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เก้าเมื่อหลายปีก่อน โชคชะตาของข้าก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นสถานะ การบ่มเพาะ หรืออำนาจ… ทั้งหมดแซงหน้าเฉินหลิงคง และสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“เพราะในเวลานั้น เขา… ฮ่า ฮ่า เขาเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเฉิน และผู้อาวุโสหลายคนยังฝากความหวังไว้กับเขาด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล ไม่มีใครเทียบเขาได้เลย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ข้าบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า และได้รับความช่วยเหลือจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เก้า ทั้งหมดนี้ก็เปลี่ยนไป”
“รัศมีอันเจิดจรัสของเขาก็ถูกข้าบดบังอย่างสมบูรณ์ และไม่มีใครเหลียวแลเขาอีกต่อไป แม้แต่ผู้อาวุโสในตระกูลก็ยังฝากความหวังไว้กับข้า”
“ในท้ายที่สุด เขาก็ทำผิดพลาด เมื่อข้าต้องทนทุกข์กับภัยพิบัติที่เต๋าสวรรค์ส่งลงมา เนื่องจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากชิ้นที่เก้า”
“เขา… ขายข้า บอกนิกายอำนาจเทวะเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดของข้าในสามภพ!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เฉินหลิงจวินก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าซับซ้อนได้อีกต่อไป มันมีทั้งความเจ็บปวด ความรู้สึกสูญเสีย และความผิดหวัง ท้ายที่สุดแล้ว เฉินหลิงคงก็เป็นน้องชายของเขาในช่วงชาติก่อนหน้านี้ แล้วเขาซึ่งเป็นพี่ชายจะไม่ทนทุกข์ทรมานเพราะสิ่งนี้ได้อย่างไร
แสงอันเยียบเย็นแวบผ่านดวงตาของเฉินซีทันที เขาเป็นน้องชายของท่านพ่อในช่วงชาติก่อน แต่แท้จริงแล้วเขากลับขายพี่ชายตัวเองเพียงเพราะความอิจฉา?
นั่นเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้!
ในตอนนี้ เฉินซียังนึกถึงเหตุที่เกิดขึ้นในขณะที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อตัดสินผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเฉินในอนาคต และเขาจำได้ว่า เฉินหลิงคงไม่ลังเลที่จะใช้วิธีการหรืออุบายอันต่ำช้าเพื่อกำจัดเขา
ชั่วขณะหนึ่ง ท่าทางของเฉินซีเริ่มเย็นชาและไม่แยแส ในขณะที่ความเกลียดชังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
“อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว บัดนี้ข้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลเฉินอีกต่อไป ดังนั้นปล่อยให้มันเลือนหายไปตามกาลเวลาเถิด” เฉินหลิงจวินสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะโบกมือ และไม่เต็มใจที่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก
“ท่านพ่อ ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ทำไมท่านถึงยืนกรานที่จะกลับมายังตระกูลเฉิน? พวกเขากล่าวหาว่าพวกท่านเป็นอาชญากรของตระกูล และยังคุมขังพวกท่านอีก!” เฉินซีขมวดคิ้ว
“ไม่ เจ้าคิดผิดแล้ว” เฉินหลิงจวินเผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “เหตุผลที่มารดาของเจ้าและข้ากลับมาที่นี่ ก็เพื่อปกป้องชีวิตของเราเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง ข้าทำโดยสมัครใจ และไม่ใช่ความผิดของใครเลย”
เฉินซีตกตะลึงทันที “เพราะเหตุใดกัน?”
“มันง่ายมาก ปรมาจารย์นิกายอำนาจเทวะจะไม่ปล่อยข้าไป”
เฉินหลิงจวินกล่าวอย่างเฉยเมย “เมื่อข้าช่วยมารดาของเจ้าจากคุกเนตรเซียนในวันนั้น ข้าเผลอเปิดร่องรอยของตัวเอง และมันดึงดูดศิษย์นิกายอำนาจเทวะมากมาย ซึ่งแม้แต่เต๋าแห่งสวรรค์ก็ส่งภัยพิบัติลงมา ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีจากสามภพ”
เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “กองกำลังของนิกายอำนาจเทวะยังคงอาละวาดแม้ในแดนเทพโบราณ ดังนั้นสถานที่ที่ปลอดภัยแห่งเดียวที่ข้านึกถึงได้ก็คือตระกูลเฉิน โชคดีที่ท่านบรรพบุรุษเฉินไท่ชงพาเราไปโดยไม่คำนึงถึงหนี้ที่เขาติดค้างข้าในช่วงชาติก่อน มิฉะนั้น เราคงอาจต้องหนีเอาชีวิตรอดกันต่อไป”
ขณะที่เขากล่าวจบ รอยยิ้มอันขมขื่นก็ปรากฏที่มุมปากของเฉินหลิงจวินอย่างอดไม่ได้
เฉินซีนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเจอที่คุกเนตรเซียน และเขาก็เข้าใจสถานการณ์ที่บิดามารดาเผชิญอยู่ในเวลานั้นทันที
เพราะในเวลานั้น หากศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่และศิษย์พี่สี่ปราชญ์เฒ่าไม่รีบเร่งจนมาช่วยเหลือทันเวลา แม้แต่เขาและศิษย์พี่หญิงหลี่หยางก็เกือบจะถูกสังหารโดยขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ด
แม้ว่าขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดจะถูกสังหารในท้ายที่สุด เที่ยอวิ๋นไห่และคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถสลายการโจมตีของโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจากเต๋าแห่งสวรรค์ได้ ในท้ายที่สุด พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไปพร้อม ๆ กันและมุ่งหน้าไปยังแดนเทพโบราณ
สิ่งนี้ทำให้เขาตระหนักว่าเฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน มันอันตรายอย่างยิ่ง และไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน
แต่เฉินซีกลับต้องประหลาดใจ เนื่องเพราะบิดามารดาของเขานั้นเลือกกลับไปที่ตระกูลเฉินเพื่อหาที่พักพิง
เขาคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะเข้าใจทันที นิกายอำนาจเทวะเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดของเอกภพจักรวรรดิ อำนาจมหาศาล และมีเพียงขุมพลังเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถต่อกรกับมันได้
เฉินซีรู้สึกว่า ถ้าเขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับเฉินหลิงจวิน เขาคงจะเลือกตระกูลเฉินไม่ต่างกัน
“แต่… ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าท่านเป็นอาชญากรของตระกูลล่ะ?” เฉินซียังคงสับสนมาก
เฉินหลิงจวินยักไหล่ “ถึงอย่างไร ข้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลเฉินมานานแล้ว ดังนั้นหากนิกายอำนาจเทวะบุกตระกูลเฉินเพราะข้า มันจะทำให้ตระกูลเฉินได้รับอันตราย ดังนั้นข้าจึงต้องสวมบทเป็นอาชญากรของตระกูลเท่านั้น แม้ว่าข้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่ข้าก็แยกตัวเองออกจากตระกูลเฉิน ด้วยวิธีนี้ นิกายอำนาจเทวะจะไม่สามารถหาเรื่องกับตระกูลเฉินได้ แม้ว่าพวกมันจะทราบเรื่องนี้ก็ตาม”
เฉินซีเกิดความเข้าใจอย่างฉับพลัน
“แน่นอน มีเพียงข้า แม่ของเจ้า และบรรพบุรุษเฉินไท่ชงเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกปิดบังเรื่องนี้ไว้” เฉินหลิงจวินกล่าวเสริม
เฉินซีขมวดคิ้ว “ท่านพ่อ ทำไมปรมาจารย์ของนิกายอำนาจเทวะถึงยืนกรานที่จะมุ่งเป้าไปที่ท่านจนถึงขนาดนี้?”
เฉินหลิงจวินตอบกลับด้วยคำถาม “เจ้าทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างนิกายอำนาจเทวะและเต๋าแห่งสวรรค์หรือไม่”
เฉินซีคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ข้าอยากลองดู มันคงจะยอดเยี่ยมมาก หากข้าสามารถคว้าโอกาสนี้เพื่อบรรลุสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า”
ทันใดนั้น เฉินหลิงจวินก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง และส่ายศีรษะพลางหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าลืมไปว่าเจ้าอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพแล้ว ใช่แล้ว เมื่อเจ้าบรรลุถึงระดับการบ่มเพาะนี้แล้ว เจ้าควรคว้าโอกาสทั้งหมดเพื่อบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าซึ่งว่ากันว่า สามารถไปถึงสวรรค์ได้”
ดวงตาของจั่วชิวเสวี่ยเบิกกว้าง บัดนี้นางตระหนักได้ทันทีว่าการบ่มเพาะของบุตรชายนางมาถึงขั้นนี้แล้ว เพราะพวกเขามัวแต่มุ่งความสนใจไปที่การพูดคุยกับเฉินซี และมองข้ามการบ่มเพาะของเฉินซีไปจริง ๆ
ในขณะเดียวกัน เฉินซีสังเกตเห็นว่าการบ่มเพาะของบิดามารดาของเขานั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฉินซีเจ็บปวด
ไม่แปลกใจที่พวกเขาถูกบีบให้หลบหนีเอาชีวิตรอด และไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซ่อนตัวอยู่ในตระกูลเฉินสวมรอยเป็นอาชญากร… พวกเขาคงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากที่ต้องหนีจากการตามล่าของนิกายอำนาจเทวะมานานหลายปี
“น่าเสียดายที่เจ้าหนูนี้ไม่เต็มใจที่จะตกลงเข้าร่วมตระกูลเฉิน เฮ้อ ช่างน่าเสียดาย….” เฉินไท่ชงถอนหายใจทันที
เฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยสบสายตากัน พวกเขาจะไม่รู้ความตั้งใจของเฉินไท่ชงได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม พวกเขาปฏิเสธที่จะตัดสินใจแทนบุตรชาย
เฉินไท่ชงขมวดคิ้วฉับ จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าและหัวเราะเสียงขื่น เขารู้ดีว่า แม้ทั้งสองคนช่วยพูดแทนเขา ก็แทบไม่มีความหวังที่จะทำให้เฉินซีเข้าร่วมตระกูลเฉินได้เลย
“ช่างเถอะ พวกเจ้าพูดคุยกันต่อไปเถอะ ข้าขอตัวก่อน” เฉินไท่ชงหันหลังจากไป ร่างอันโดดเดี่ยวหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางหิมะและสายลม
หลังจากที่เห็นเฉินไท่ชงหันจากไป ในที่สุด เฉินหลิงจวินก็กล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ท่านบรรพบุรุษไท่ชงก็ปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ข้าไม่มีพลังพอที่จะทำอะไรในเรื่องนี้ได้”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “ท่านพ่อ แม้ว่าข้าจะปฏิเสธที่จะเข้าร่วมตระกูลเฉิน แต่ข้าสัญญากับเขาว่าจะไม่นิ่งเฉยหากเขาต้องการความช่วยเหลือ”
เฉินหลิงจวินพยักหน้า “ดี ๆ”
จั่วชิวเสวี่ยเม้มริมฝีปาก พยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต
“ท่านพ่อท่านแม่ เราไปกันเถอะ ศิษย์พี่ของข้ากำลังรออยู่ข้างนอก” เฉินซีกล่าว
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหิมะ มันทั้งเวิ้งว้างและหนาวเหน็บ ทั้งยังเยียบเย็นเหมือนคุก เขาไม่ต้องการให้บิดามารดาของเขาต้องทนทุกข์ทรมานที่นี่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม โดยไม่คาดคิด เฉินหลิงจวินและจั่วชิวเสวี่ยกลับส่ายศีรษะพร้อมกัน “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...