บทที่ 2044 หมิง
………………..
บทที่ 2044 หมิง
เฉินซีคำนวณความลึกล้ำแห่งค่ายกลจ้าววิญญาณได้ไว้นานแล้ว ดังนั้นตอนที่ลงมือจึงแม่นยำรวดเร็วและเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนจะฝึกทำมาแล้วเป็นพันครั้ง
วงแสงวงแล้ววงเล่าคล้ายกับคลื่นน้ำปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาโบราณ อักขระจ้าววิญญาณจำนวนมากเปล่งแสงขึ้นมา
“ข้าจะฆ่าเจ้า! ฆ่า!” สตรีลึกลับตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่รู้เลยว่านางมีเหตุผลอะไรถึงพยายามหยุดเฉินซีในตอนนี้ไว้
ทว่าเฉินซีหาได้สนใจไม่
อีกไม่เท่าไหร่ก็จะซวยกันหมดแล้ว ถ้าหากไม่ลองดูตอนนี้ เขาก็คงตายไปทั้งที่ยังเหลือห่วงอีกมาก
ตู้ม!
โลกทั้งใบในเตาหลอมสั่นสะท้านรุนแรง คล้ายกับวันสิ้นโลกมาถึง เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง
หญิงสาวกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เหมือนเป็นฟางเส้นน้อยท่ามกลางคลื่นมหาสมุทรที่กำลังลงสู่ห้วงลึก
เสียงหัวเราะแหบห้าวด้วยความยินดีของมหาเทพเต๋าซูถัวดังก้องขึ้นภายนอกเตาหลอม ตายเพราะปลดปล่อยความหมองหม่นที่อัดอั้นในใจมายาวนาน
เสียงหัวเราะของเขาดังก้องดั่งเสียงร้องของดาราปักษารัตติกาล เป็นเสียงแสบแก้วหู
ตู้ม!
เตาหลอมร้องโหยหวนราวกับถูกพลังนั้นกัดกร่อน คล้ายกับถูกแช่ลงในหินร้อน ใกล้จะหลอมละลายเต็มทน อยู่ในจังหวะเป็นตาย
“ไม่! ไม่นะ!!” สตรีลึกลับเหมือนไม่รู้ถึงความอันตราย นัยน์ตาหม่นแสงสีดำจ้องเฉินซีที่อยู่บนแท่นบูชา ร้องเสียงเศร้าโศกโศกาแลไม่ยินยอมออกมา “เจ้าได้ทำลายมันแน่….”
“เจ้าคนนอกรีต! ตายเสียเถอะ!” ทันใดนั้นซูถัวก็ตะโกนลั่น จากนั้นเตาหลอมแห่งชะตากรรมก็พลันหยุดเคลื่อนไหว เหมือนใกล้จะแตกสลายถูกทำลายลงได้ทุกจังหวะ
ในพริบตาเดียวกันนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงลึกลับลอยออกจากริมฝีปากเฉินซี คล้ายกับว่ามันเป็นคาถามนต์บางอย่าง เพราะเกิดแสงจ้าขึ้นจากแท่นบูชาโบราณ พร้อมกับอักขระจ้าววิญญาณจำนวนมากที่ระเบิดพุ่งออกมาดั่งดอกไม้เพลิง
ชั่วพริบตาต่อมา ทั้งเตาหลอมแห่งชะตากรรมก็ปลดปล่อยทำนองเต๋ายิ่งใหญ่ออกมา ทำท่าราวกับได้เกิดใหม่ เปล่งแสงสว่างจ้าออกมาทันใด!
“บ้าเอ๊ย! นี่มันอะไร….” ซูถัวคำรามลั่นด้วยความตกใจปนความโกรธ เหมือนไม่ทันตั้งตัว
จากนั้น เฉินซีก็รู้สึกว่าร่างตนเองสั่นสะท้าน เข้าใจผิดคิดว่าตนเองถูกดูดเข้าวังวนมิติไป มันยาวนานเหมือนผ่านไปทั้งยุค แต่ก็เหมือนผ่านไปแค่พริบตา
หลังจากนั้น ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ ทั้งกลิ่นอายและเสียงร้องอันน่าหวาดกลัวของซูถัวก็หายไป
เฉินซีนั่งอยู่บนแท่นบูชา หอบหายใจอย่างแรง จ้องมองไปยังพื้นที่ด้านหน้าอันเงียบสงัด ก่อนหน้านี้เขาเหมือนพึ่งรอดชีวิตมาได้ ยังรู้สึกกลัวอันตรายที่พึ่งพ้นมาไม่หาย
“เจ้า… สามารถควบคุมหม้อเทวะจ้าววิญญาณได้!” เสียงของสตรีดังขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อ
เฉินซีตอบง่าย ๆ “ข้าก็บอกไปแล้ว แต่เหมือนเจ้าไม่เชื่อ”
เขาหันมาหานาง แต่ร่างนางกลับซวนเซล้มลงหมดสติไป
เฉินซีเห็นแล้วก็ตกใจ รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหา ตรวจดูอาการนางคร่าว ๆ แล้วก็ถอนหายใจโล่งอก เพราะไม่เห็นว่ามีสิ่งใดถึงชีวิต
สตรีผู้นี้หนีการไล่ล่าของซูถัวมาเจ็ดปีเต็ม ไม่รู้ว่าระหว่างนั้นโดนโจมตีจนบาดเจ็บมามากมายแค่ไหนบ้าง
เฉินซีคิดแล้วก็ให้สงสาร หากไม่ใช่เพราะนาง ข้าก็คงตายไปนานแล้วสินะ?
ในขณะเดียวกันนั้น เฉินซีก็ลากสายตามองนางให้ทั่ว พอได้เห็นใบหน้านางชัด ๆ ก็ถึงกับชะงักไป!
นางมีรูปร่างที่มีเสน่ห์เย้ายวนเป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้างดงามดั่งหยกสลัก ให้ความรู้สึกสูงส่งไม่แยแสใคร
ริมฝีปากแดงเม้มเข้าหากันเล็กน้อย สันจมูกโด่ง หน้าผากกลมเกลี้ยง และผมยาวสีดำที่ทิ้งตัวลงมา เผยเป็นเสน่ห์ที่ใครได้เห็นก็แทบกลั้นหายใจ
ความงามเช่นนี้เป็นดั่งผลงานชิ้นเอกของธรรมชาติ เป็นความงามที่มาจากปลายพู่กันของยอดจิตรกรได้เท่านั้น เหมือนเป็นสิ่งที่งดงามเกินโลกใบนี้ แค่ได้เห็นก็ทำเอาเฉินซีอึ้งไปจนทำอะไรไม่ถูก
ผ่านไปชั่วระยะหนึ่งถึงตั้งสติขึ้นได้ ถึงขนาดต้องร้องชื่นชมออกมา หากแค่หน้าตาอาจจะไม่ได้งามอย่างถึงที่สุด แต่หากรวมท่าทางสูงส่งบริสุทธิ์ไม่เหมือนใครของนางเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ว่าสตรีคนไหนก็คงรู้สึกว่าด้อยกว่านางเป็นแน่!
เฉินซียับยั้งความคิดทั้งหลายไว้ในชั่วพริบตา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเริ่มทำสมาธิ
เหตุการณ์เมื่อครู่จบลงแล้ว แต่เฉินซียังไม่รู้ว่าซูถัวจะตามมาทันอีกรอบหรือไม่
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าวางใจ
…
“หนึ่งปีครึ่ง….” นางพึมพำ เกิดหมอกปรากฏขึ้นล้อมกายนางอีกครั้ง ทำให้ดูเหมือนเป็นภาพฝันขึ้นอีกครา
“เจ้ารู้วิธีควบคุม… หม้อเทวะจ้าววิญญาณได้อย่างไร?” นางพลันเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีดำจ้องมองเฉินซี เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางมีสติเต็มที่ จำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะหมดสติไปได้ทุกอย่าง
หม้อเทวะจ้าววิญญาณคือชื่อของเตาหลอมแห่งชะตากรรมที่พวกเขากำลังอาศัยอยู่ในตอนนี้
“หากบอกว่าข้ารู้วิชาลับทุกอย่างที่มาจากยุคแห่งจ้าววิญญาณเจ้าจะเชื่อหรือไม่?” เฉินซีถามกลับ
นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนคิ้วดำดั่งหมึกจะขมวดเข้าหากัน ผ่านไปนานจนเอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าสามารถควบคุมหม้อเทวะจ้าววิญญาณได้ก็คงจะจริง”
ที่นางพูดแบบนี้ก็ไม่ใช่เพราะอะไร การที่สามารถควบคุมหม้อเทวะจ้าววิญญาณได้นั้นเหนือกว่าการมีความลึกล้ำทั้งหมดจากยุคแห่งจ้าววิญญาณเสียอีก
เฉินซียิ้มกล่าว “อ้อ ข้าชื่อเฉินซี ข้ายังไม่รู้จักชื่อแม่นางเลย”
นางตอบง่าย ๆ “หมิง”
“หมิง?” เฉินซีได้ยินชื่ออันเป็นเอกลักษณ์ของนางแล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่พอคิดว่านางเป็นคนมาจากยุคก่อน หรือก็คือยุคแห่งจ้าววิญญาณ เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันแปลกอีก
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือผู้ช่วงชิงที่มีแผนภาพวารีหลาก” หมิงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงสงบ “ข้ายังรู้อีกว่าเจ้าเคยไปแดนรวนเรลืมเลือน เป็นผู้ช่วงชิงเพียงคนเดียวที่สามารถออกจากประตูแห่งวันโลกาวินาศมาได้”
เฉินซีหรี่ตาลงอย่างไม่อยากเชื่อ รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าสตรีคนนี้จะรู้ความลับของเขาด้วย
หมิงว่าต่อ “ดูแล้วเจ้าคงจะเป็นคนที่ข้าตามหาอยู่”
เฉินซีอึ้งไป “ข้าหรือ? ตามหาไปเพื่ออะไร?”
“ข้าผ่านการล่มสลายมาหลายยุค ออกค้นหามานานชั่วกัปชั่วกัลป์ สิ่งที่ตามหาก็คือการก้าวข้าม” หมิงมีสายตาล้ำลึก มันแผ่แววแสงเรือง ๆ ออกมา “เดิมทีข้าคิดว่าคงต้องตายไปพร้อมกับความเสียใจนี้แล้ว ไม่คิดเลยว่าโอกาสนั่นกับซุกซ่อนอยู่ในยุคที่เก้า และเจ้าเป็นคนเดียวที่จะทำให้โอกาสนั้นเกิดขึ้นได้”
“เจ้า… จะพูดอะไรกันแน่?” เฉินซีขมวดคิ้ว
หมิงเงียบไปอีกครั้ง ผ่านไปหลายชั่วอึดใจนางจึงเงยหน้าขึ้นแล้วเผยสีหน้ามุ่งมั่น นัยน์ตาดำฉายแววดื้อรั้นออกมา “ช่วยข้าค้นหามหาวิถีแห่งเต๋า ข้าอยากเข้าวัฏจักรสังสารวัฏที่ไร้วันสิ้น และกลับคืนสู่ยุคที่แปดให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ถึงจะต้องไปเกิดใหม่เป็นคนธรรมดาก็เถอะ นี่คือ… หนทางแห่งการก้าวข้ามของข้า!”
เฉินซีใจสั่น
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...