เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2047

บทที่ 2047 โลกสาบสูญ

………………..

บทที่ 2047 โลกสาบสูญ

เปรี้ยง!

หม้อเทวะจ้าววิญญาณกระแทกเข้ากับแดนดินอันแข็งสุดขั้ว ส่งเสียงราวไม่อาจรับภาระหนาหนักนี้ได้ หลังจากนั้น มันก็ระเบิดเปรี้ยงเป็นเสี่ยงเสี้ยว ส่งประกายแสงเฉิดฉันทั่วทิศ

วูบ! วูบ!

ขณะเดียวกันนั้น สองร่างก็พุ่งออกมาจากในประกายแสง หรือบางที ควรกล่าวว่าพวกเขาถูกคลื่นระเบิดดีดออกมาคงเหมาะสมกว่า

พรวด!

เฉินซีกระแทกสู่พื้น สร้างหลุมบ่อมหึมา กระดูกทั่วกายเจียนแหลกเละ อดกระอักเลือดออกมามิได้

ขณะที่ร่างของหมิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน นางกลิ้งบนพื้นอยู่หลายตลบ ก่อนจะหยุดตนเองได้เสียที ใบหน้างดงามเกินใครซีดขาว

ทั้งสองไม่อาจมัวห่วงความเจ็บปวดเหลือคณนาที่ประสบ และหันมองจุดที่หม้อเทวะจ้าววิญญาณระเบิดออกเป็นตาเดียว

เมื่อพวกเขายืนยันได้ว่าหม้อใบนี้ถูกทำลายแล้วจริง ๆ ทั้งสองก็อดผงะตะลึงกับที่ สีหน้าแปรเปลี่ยนเกินหยั่งคาดกันมิได้

เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นสมบัติที่กระทั่งตัวตนเกินธรรมดาอย่างซูถัวยังไม่อาจทำอันตรายใด ๆ แต่มันกลับพินาศลงในเหตุไม่คาดฝันนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหม้อเทวะจ้าววิญญาณถูกกระทบกระแทกรุนแรงเพียงไรหลังถูกสูบเข้าสู่พายุมิติ!

เฉินซีเงียบไปเนิ่นนาน ก่อนจะกล่าวเบา ๆ “ขออภัย ข้าไม่อาจควบคุมมันได้ดี”

หมิงส่ายหัว “ต่อให้ข้าทำเอง ผลก็คงไม่ต่างกัน”

เสียงของนางหม่นหมองเศร้าโศกเล็กน้อย

หม้อเทวะจ้าววิญญาณติดตามนางมาข้ามยุคสมัย ผ่านความมืด วันคืนอันอ้างว้างเหงาหงอยมากมาย แม้จะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนางไปแล้ว ยามเห็นมันถูกทำลาย นางจึงรู้สึกเศร้าหมองยิ่ง

เฉินซีเหมือนเข้าใจหัวอกนาง เขาถอนใจลุกขึ้นเดินไปยังจุดที่หม้อเทวะจ้าววิญญาณระเบิดแหลก “ข้าจะไปหาดูว่าจะรวบรวมชิ้นส่วนของมันได้หรือไม่ บางทีภายหน้าอาจซ่อมมันกลับมาได้”

หมิงหยุดเขา “ไม่ต้องหรอก ต่อให้ซ่อมกลับมา มันก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ”

ว่าพลาง นางก็ลุกขึ้นเช่นกัน ดวงตาดำขลับกระจ่างบริสุทธิ์มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างตกตะลึงประหลาดใจ “เราอยู่ที่ใดกัน? ประหลาดแท้!”

เฉินซีผงะไปแล้วพินิจรอบข้างตาม เพียงครู่ต่อมา เขาก็อดอุทานอย่างประหลาดใจไม่ได้

ท้องนภากระจ่างใสดุจแก้วฟ้าครามอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต สูงส่งกว้างไกลไร้สิ้นสุด

พฤกษาใบหญ้าเติบโตเขียวชอุ่มบนพื้น ภูเขาลำธารเนืองขนัด บรรยากาศเก่าแก่โบราณและอ้างว้าง

ราวสถานที่บรรพกาลอันมิเคยถูกค้นพบ ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าสำหรับตัวตนอย่างเฉินซีและหมิง เรื่องทั้งหมดนี้มิได้อยู่ในความสนใจ เพราะพวกเขาต่างประหลาดใจยามสัมผัสได้ว่าโลกอันไม่รู้จักนี้ช่างพิกลเกินไปแล้ว!

ต้นไม้ทุกต้นที่นี่สูงหลายหมื่นจั้ง ใบไม้ทุกใบบนพวกมันมีขนาดเท่าบ้านเรือน! นอกจากนั้น กระทั่งหญ้าทั่วไปที่นี่ยังสูงถึงสิบจั้ง!

ยามพวกเขาเดินสำรวจ ทั้งสองก็ไม่ต่างจากมดเข้าสู่ป่า แต่ป่าแห่งนี้สร้างขึ้นจากกอหญ้า

นอกจากนั้น ขุนเขาอันปรากฏไกล ๆ ยังยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ ดูประหนึ่งแทงยอดทะลวงเวหาอย่างไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง มิอาจทอดสายตาเห็นยอดได้!

หากมิได้มาเห็นกับตา เฉินซีคงสงสัยแล้วว่าตนมายังเมืองยักษ์หรือไม่ หรือบางทีโลกหล้ามิได้เปลี่ยนแปลง แต่เป็นพวกเขาเองก็ตัวหดดุจมดหรือเปล่า?

ประเด็นของเรื่องนี้คือ พวกเขาไม่อาจสัมผัสปราณเต๋าสวรรค์ในโลกหล้าแปลกตานี้ได้แม้แต่น้อย! อย่าว่าแต่พลังศักดิ์สิทธิ์เลย กระทั่งปราณเซียนหรือพลังวิญญาณยังไม่มี!

ในเมื่อไม่มีเต๋าสวรรค์ ก็หมายความว่าการทำความเข้าใจเต๋าสวรรค์ที่นี่เป็นไปไม่ได้

ในเมื่อไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ก็หมายความว่าโลกแปลกตานี้ไม่เหมาะสมสำหรับผู้บ่มเพาะเลยสักนิด

ทั้งหมดนี้ดูสุดคล้ายคลึงกับแดนโลกาวินาศอันแปรสภาพจากซากศพของจ้าวเต๋าคุนเผิง แต่เฉินซีก็สังเกตเห็นข้อแตกต่างของมันอย่างรวดเร็ว

เพราะขณะที่เต๋าสวรรค์และพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่มีตัวตนในโลกแปลกตานี้ แต่ที่นี่มีพลังสายหนึ่งอันไม่คุ้นเคย บริสุทธิ์ประประหลาดอย่างยิ่งอยู่!

หมิงก็เผชิญชะตาเดียวกัน นางมาจากยุคก่อน การบรรลุเต๋าในยุคที่แปดแข็งแกร่งยิ่ง แต่กลับมิพ้นสถานการณ์เฉกเช่นกัน

กล่าวคือ ทั้งเฉินซีและหมิงต่างเป็นเหมือนปุถุชนในโลกอันไม่คุ้นเคยนี้!

สิ่งนี้หมายความว่า ยามพวกเขาเผชิญอันตรายที่นี่ ผลที่ตามมาจะเกินคาดฝัน

“โชคยังดีที่เรายังมีพลังกายและประสบการณ์ศึกอยู่บ้าง เลยดีกว่าสามัญชนทั่วไปอยู่นิดหน่อย” เฉินซีไหวไหล่ แย้มยิ้มหลังเงียบไปเนิ่นนาน

“บางทีมันอาจมีเต๋าสวรรค์และระบบพลังของมันเอง หมายความว่ากฎของโลกนี้ย่อมไม่อาจสนับสนุนฤทธิ์คนนอกอย่างเราได้” เฉินซีครุ่นคิดลึกล้ำ “สงสัยจริงว่า หากเราหาวิธีทำความเข้าใจกฎของโลกอันไม่คุ้นเคยนี้ เราจะสามารถได้มาซึ่งพลังของโลกนี้หรือไม่”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยกมือดุจโอบโลกา กล่าวด้วยสายตาอันเรืองโรจน์คาดหวัง “เจ้าคงสัมผัสมันได้เช่นกัน โลกใบนี้มีพลังอันเป็นเอกลักษณ์ไม่คุ้นเคยอยู่ทุกซอกมุม หากเราแปรสภาพ ดูดซับและควบคุมมันได้… บางทีเราก็อาจเปลี่ยนสถานการณ์ในขณะนี้ของเราได้!”

หมิงดูเหมือนจะถูกความมั่นใจยิ่งยวดของเฉินซีส่งอิทธิพล ในที่สุดขวัญกำลังใจของนางก็เพิ่มสูงขึ้น กล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าพูดถูก มันเหมือนเส้นทางบ่มเพาะอันใหม่เอี่ยมแต่แรกเริ่ม หากเราหาวิธีบ่มเพาะที่นี่ได้ บางทีมันอาจเป็นประโยชน์ยิ่งในเส้นทางแสวงเต๋าของเราต่อไปก็ได้!”

ว่าแล้ว ดวงตาดำขลับก็ปรากฏเค้าคาดหวัง

เฉินซีแย้มยิ้มพยักหน้า “ถูกต้อง! นี่คือโลกอันใหม่เอี่ยม ก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่สำหรับเรา”

เขาเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะเกิดความคิดชั่ววูบขึ้น “หมิง เจ้าตั้งชื่อให้โลกนี้หน่อยเป็นไร?”

หมิงนิ่งไป นางลังเลอยู่ครู่สั้น ๆ จึงเอ่ยว่า “เราเรียกมัน… โลกสาบสูญดีหรือไม่?”

เฉินซีว่า “โลกหล้าอันสาบสูญในเก้ายุคสมัย โดดเดี่ยวเป็นเอกเทศ ไม่เป็นที่รับรู้ของโลกภายนอก เกิดระบบนิเวศน์เป็นของมันลำพัง นามนี้ไม่เลวเลย”

รอยยิ้มคลี่บางที่มุมปากของหมิงยามได้คำชมจากเฉินซี “ในเมื่อทุกสิ่งในโลกหล้าสุดแสนแปลกตาไม่อาจรับรู้ เรามิตั้งชื่อให้ทุกสิ่งหน่อยเป็นไร?”

เฉินซีผงะไปทันที แต่เมื่อเขาเห็นหมิงสุดแสนกระตือรือร้น เขาก็มิอาจทำลายอารมณ์ของนางได้ลงคอ แย้มยิ้มตอบทันที “แน่นอน”

รอยยิ้มที่มุมปากของหมิงยิ่งเจิดจรัส ดวงตาหยีปรือเป็นคู่จันทร์เสี้ยว นางงดงามเกินใดเปรียบอยู่แล้ว ปกติมักให้บรรยากาศโดดเดี่ยวหงอยเหงา แต่แค่เพราะนางเสนอให้ตั้งชื่อทุกสิ่งและถูกเห็นชอบ กลับดีใจปรีดาเพียงนี้ ทำให้เฉินซีประหลาดใจอย่างแท้จริง

เรื่องสำคัญที่สุดคือ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นนางแย้มยิ้ม ความงามของมันกลบรัศมีโลกหล้าโดยแท้

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]