บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2059

บทที่ 2059 วิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้คู่เปรียบ

………………..

บทที่ 2059 วิชาศักดิ์สิทธิ์ไร้คู่เปรียบ

รัตติกาลนั้นเงียบงัน

ดวงจันทราน้ำเงินเข้มทั้งเก้าแผ่แก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดโปรยปรายลงเช่นพิรุณแสง สรรพชีวิตในโลกสาบสูญต่างตั้งใจบ่มเพาะ

วูบ!

แสงสีน้ำเงินเข้มสายหนึ่งโปรยลงจากฟ้า มันเบาบางเสียจนสรรพชีวิตน้อยนักจะยอมเสียเวลาไปดูดซับมัน

ไม่นานนัก แสงสายนี้ก็เจียนกระทบถึงพื้น หากไร้สิ่งใดเกินคาด มันก็จะเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตค้ำจุนพสุธา เลี้ยงดูพฤกษาศิลาที่นี่

บางทีอีกไม่นาน สมุนไพรล้ำค่าอันมีพลังต้นกำเนิดหนาแน่นหรือวัตถุดิบล้ำค่าในการสร้างอุปกรณ์ก็จะเกิดขึ้นจากการบำรุงนี้

สมบัติทั้งปวงในโลกสาบสูญล้วนก่อเกิดขึ้นเช่นนี้ และสรรพชีวิตที่นี่ก็คุ้นชินกับมันมาแสนนาน

ช่วยไม่ได้ แก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดอันโปรยปรายลงจากจันทราทั้งเก้านั้นไพศาลเช่นมหาสมุทร ต่อเนื่องไร้จุดจบ ดังนั้นอย่าว่าแต่ตัวตนสูงสุดที่นี่อย่างราชาโหมวหลัว ราชาจิ่วหลิง และราชากู่เยวียน กระทั่งสรรพชีวิตในโลกหล้ายังไม่อาจดูดซับแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดจากจันทราทั้งเก้าได้หมดสิ้น

แต่ขณะนี้ แก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดสายนั้นซึ่งอยู่นอกสายตาสรรพชีวิตส่วนใหญ่พลันชะงักกับที่ยามเจียนสัมผัสถึงพื้น

ดุจหัตถ์ล่องหนข้างหนึ่งคว้ามันไว้ พริบตาต่อมา มันก็เบี่ยงทิศทาง แปลงเป็นลำแสงทะยานเข้าหาพื้นที่อันปกคลุมด้วยศิลาห่างจากที่เดิมสิบกว่าจั้ง ก่อนจะหายลับไร้ร่องรอย

เหตุการณ์นี้สุดแสนเงียบเชียบ ไม่ก่อให้เกิดความสนใจใด ๆ ท่ามกลางท้องนภารัตติกาลอันไร้ขอบเขต

แน่นอน ลำแสงจากแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดสายนั้นมิได้หายไปเฉย ๆ หรอก

…

ณ โพรงลับใต้ดินเบื้องล่างบริเวณอันเต็มไปด้วยศิลานั้น เฉินซีนั่งขัดสมาธิ ขณะที่ทั่วร่างเกิดคลื่นกระเพื่อมเป็นจังหวะประหลาด

จังหวะการเต้นนี้ยุบพองเช่นกระแสวารี แปรเปลี่ยนเป็นอำนาจคลุมเครืออันโคจรทั่วร่างอย่างต่อเนื่อง

ทั้งผิวกาย กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ชีพจร กระดูก วิญญาณ ดวงจิตแห่งเต๋า เอกภพในกาย… ทุกสิ่งล้วนถูกปกคลุมโดยคลื่นกระเพื่อมนี้

นี่คือขั้นแรกของเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิด วิชาบ่มเพาะใหม่เอี่ยมที่เฉินซีสร้างขึ้นหลังใช้ความสำเร็จเต๋าแห่งยันต์อักขระอนุมานมรดกวิชาบ่มเพาะสารพัดตลอดเก้ายุคสมัย แล้วจึงเค้นสมองบากบั่นขัดเกลามันให้สมบูรณ์แบบ!

บางทีคงตรงกว่าหากจะบอกว่ามันคือระบบการบ่มเพาะที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่โลกหล้าก่อตัว!

แน่นอน นี่เป็นเพียงขั้นแรกของเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดเท่านั้น และหาสมบูรณ์ไม่ แต่ขอเพียงเฉินซีตั้งใจค้นคว้ามัน สักวัน ระบบการบ่มเพาะใหม่เอี่ยมนี้ก็จะถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ได้แน่นอน!

วูบ!

แสงสีน้ำเงินเข้มสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในโพรงใต้ดิน

มันก็คือแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดอันไม่สะดุดตาสายนั้น ทว่ายามนี้ มันถูกคลื่นกระเพื่อมประหลาดอันปกคลุมร่างของเฉินซีชักจูงมา

นับแต่แรก หมิงก็จับตามองเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เสมอมา ประการแรกก็เพื่อคุ้มกันเฉินซี และสองก็เพราะนางอยากเห็นว่าวิชาบ่มเพาะที่เฉินซีสร้างจะเป็นเช่นไร

ดังนั้นในขณะนี้ ดวงตาของหมิงจึงเรืองประกายขึ้นเฉียบพลันยามเห็นแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดสีน้ำเงินเข้มสายนี้ปรากฏขึ้นที่นี่ เหมือนจะได้ผลจริง ๆ! นางหรือจะดูไม่ออกว่าสิ่งที่ดึงแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดมาที่นี่ก็คือวิชาบ่มเพาะของเฉินซี?

ขณะนี้ หมิงกลั้นใจเพ่งสมาธิ ดวงตากระจ่างจ้องตรงไปที่แสงสีน้ำเงินเข้มนั้น มองมันเคลื่อนไหวต่อเนื่องมาอยู่ตรงหน้าเฉินซี ก่อนจะค่อย ๆ รุดเข้าใกล้เขา….

ฟ่าว!

ขั้นตอนนี้ดูเหมือนเชื่องช้า ทว่าแท้จริงเสร็จสิ้นลงในพริบตา แม้หมิงจะเตรียมตัวมาก่อน นางก็เหมือนเห็นเพียงบางสิ่งวูบไหวต่อหน้า แล้วแสงสีน้ำเงินเข้มนี้ก็พุ่งเข้าสู่ร่างของเฉินซีอย่างรวดเร็ว

เขาทำสำเร็จแล้วหรือ? หมิงตะลึง

วิ้ง!

รัศมีน้ำเงินเข้มเรืองรองเริ่มกระเพื่อมออกจากทั่วร่างของเฉินซี งดงามยิ่งดุจภาพฝัน ให้บรรยากาศบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างอธิบายไม่ถูก

ทว่าพริบตาต่อมา รัศมีน้ำเงินเข้มนี้ก็หดหายเข้าไปในตัวเฉินซี

หมิงสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีอำนาจพิเศษเฉพาะสายหนึ่งปรากฏขึ้นในกายเฉินซีอย่างเฉียบพลัน และตัวเขาก็กำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล!

…

วูบ!

เหตุการณ์มากมายวูบไหวรวดเร็วในใจเฉินซี ทว่าพวกมันดูเลือนรางอยู่เล็กน้อย จึงมิอาจเห็นได้ชัดเจน

ขณะที่แก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดสีน้ำเงินเข้มอันถูกชักจูงมาทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มันดูประหนึ่งธารนับไม่ถ้วนหลั่งหลากคืนสมุทร ถูกกลืนกิน แปรสภาพ ดูดซับไปโดยเฉินซีอย่างสมบูรณ์

ท้ายที่สุด ปราณอำนาจของเฉินซีก็เริ่มคุกรุ่นถึงขีดสุด ทั่วร่างเรืองรัศมีน้ำเงินเข้มรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด

ร้ายกาจยิ่ง! หมิงสะเทือนใจอย่างเห็นได้ชัด หากก่อนหน้านี้นางอุทานชื่นชมเพราะในที่สุดเฉินซีก็สร้างวิชาบ่มเพาะใหม่เอี่ยมขึ้นมาได้ ยามนี้ นางก็ตกตะลึงในฤทธาที่เฉินซีแผลงออกด้วยวิชาใหม่นี้นัก

นางมาจากยุคก่อน ประสบการเปลี่ยนผันแห่งกาลเกินนับ นางจึงได้เห็นวิชาบ่มเพาะมามากมาย ทว่ามิอาจคิดหาวิชาใดที่มีฤทธายิ่งใหญ่ เผยปราณเกินเทียบได้เท่าเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดเลย!

มันเกินเข้าใจยิ่งนักสำหรับนาง

หากเป็นยามอื่น หมิงคงกังวลว่าเฉินซีบุ่มบ่ามเกินไปในการบ่มเพาะ และได้ธาตุไฟเข้าแทรกแน่แท้

แต่ยามนี้ หมิงสังเกตชัดเจนว่าเฉินซีไร้การแสดงท่าทีธาตุไฟเข้าแทรกแม้แต่น้อย กลับกัน การพัฒนาของเขาราบรื่น และจำนวนแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดที่เขาดูดซับก็ทวีคูณ

ครืน!

ท้ายที่สุด ทั่วร่างของเฉินซีก็ส่งเสียงเลื่อนลั่นราวมหาเต๋าคำรน ประหนึ่งสองขุนเขาศักดิ์สิทธิ์กระแทกใส่กันในร่าง ผิวกายทุกส่วนเรืองรองด้วยแสงสีน้ำเงินเข้มเฉิดฉัน

ขณะเดียวกัน แก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดอันพลุ่งพล่าน แน่นหนา และบริสุทธิ์ก็เหมือนได้รับโองการเรียกตัวจากจักรพรรดิ พวกมันดูสุดเชื่อฟัง ปล่อยให้ตัวเองถูกเฉินซีกลืนเข้าร่างไป

คนผู้นี้ควรค่าเป็นผู้ช่วงชิงคนแรกที่เดินออกมาจากประตูแห่งวันโลกาวินาศตราบกาลเก้ายุคสมัยจริง ๆ เพียงวิชาการบ่มเพาะนี้ก็เพียงพอให้ตั้งสำนักนิรันดร์ สร้างอนาคตกว้างไกลสูงสุดได้แล้ว! หมิงตกตะลึงจังงังกับการกระทำของเฉินซี ยืนตาค้างอยู่กับที่

แต่อึดใจต่อมา นางก็เหมือนตระหนักบางสิ่งได้ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน แย่แล้ว! ผลจากการกระทำของเขายิ่งใหญ่เกินไป น่าจะดึงความสนใจของสามราชันสูงสุดเหนือท้องนภาแล้ว!

…

หมิงคาดการณ์ไว้ไม่ผิด ยามเฉินซีดูดซับแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดมากขึ้นเรื่อย ๆ คนอื่น ๆ ก็สังเกตได้ชัดเจนว่าพลังต้นกำเนิดหลายสายอันโปรยลงจากรัตติกาลไร้ขอบเขตเหมือนจะถูกบางสิ่งเชื้อเชิญ หลั่งไหลมารวมกันจากทั่วสารทิศ!

ในคราวแรก มันเรียกความสนใจได้เพียงตัวตนบางอย่างในละแวก และกระทั่งทำให้พวกเขาขัดเคืองใจ เพราะถึงอย่างไร ยามมีผู้ดูดซับแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดมากขึ้น ก็มิต้องสงสัยเลยว่าเป็นการชิงแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดที่พวกเขาควรได้ดูดซับไป!

แต่ภายหลัง เมื่อพวกเขาเห็นแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดมุ่งหน้าสู่โพรงใต้ดินที่เฉินซีอยู่ราวฝนดาวตกสีน้ำเงินเข้มเจิดจรัส สรรพสิ่งรอบข้างก็เริ่มรู้สึกตกใจ พรั่นพรึง และงุนงง

เพราะพวกเขาต่างประหลาดใจยามสังเกตพบว่า กระทั่งสามราชาสูงสุดผู้กำลังบ่มเพาะใต้ท้องนภายังตื่นตัวกับเหตุการณ์นี้ และพลันหยุดบ่มเพาะ!

นั่นใคร? กล้ามาชิงแก่นแท้แห่งพลังต้นกำเนิดจากราชาโหมวหลัว ราชาจิ่วหลิง และราชากู่เยวียนด้วยหรือ?

………………..