บทที่ 2061 นายท่าน!
………………..
บทที่ 2061 นายท่าน!
ราชาโหมวหลัวหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “อย่ากังวล ตราบใดที่เจ้าช่วยข้าสังหารราชากู่เยวียน ข้าขอรับประกันว่าข้าจะแบ่งแก่นโลกต้นกำเนิดให้กับเจ้า!”
แก่นโลกต้นกำเนิด!
หัวใจของราชาจิ่วหลิงสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้
ตามข่าวลือ ราชากู่เยวียนได้รับพลังจากแก่นโลกต้นกำเนิด และมันทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตสูงสุดที่มีเอกลักษณ์ของเต๋าได้!
ราชาจิ่วหลิงทราบถึงเรื่องนี้ดี และเขาก็ตระหนักว่าแก่นโลกต้นกำเนิดนั้นมีอยู่จริง!
หลังจากเงียบไปนาน ราชาจิ่วหลิงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองอันแพรวพราวพุ่งออกมาจากร่างขณะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และจากไปทันทีที่กล่าวจบ
ราชาโหมวหลัวเฝ้าดูอีกฝ่ายจากไป ในขณะที่รอยยิ้มอันซับซ้อนปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ในที่สุด โลกนี้…ก็กำลังจะเปลี่ยนไป!
…
แคว้นกู่เยวียน
มีหุบเขาอันเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์อยู่ที่นั่น มันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายโบราณและดั้งเดิม ทั้งยังถูกปกคลุมไปด้วยแสงสลัวสีน้ำเงินเข้มที่ทำให้ดูเหมือนกับความฝันลึกลับและศักดิ์สิทธิ์
“ตัวแปร…. การเปลี่ยนแปลง….” ร่างที่สูงตระหง่านและสูงส่งของราชากู่เยวียนหยั่งรากลึกอยู่ในหุบเขา กิ่งก้านและใบไม้อันเขียวขจีได้ทำลายท้องฟ้าไปพร้อม ๆ กับเผยพลังศักดิ์สิทธิ์อันสุดประมาณ
เขาครุ่นคิดอยู่ในความเงียบ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขากังวลอยู่เสมอว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น แต่ไม่เคยคิดเลยว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้
โอม!
ทันใดนั้นราชากู่เยวียนก็ยื่นกิ่งก้านที่เขียวขจีเป็นมันวาวออกมา แล้วโบกมันไปในอากาศเบา ๆ ทำให้เกิดวงแสงสีน้ำเงินเข้มที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง
วงแสงสีน้ำเงินเข้มนั้นใสดุจอัญมณี มันมีสีฟ้าใสเหมือนท้องฟ้า ทั้งยังอบอวลไปด้วยกลิ่นอายที่อ่อนโยนและดั้งเดิม
ทันทีที่มันปรากฏขึ้น มันทำให้หุบเขาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายลึกลับที่ไม่อาจอธิบายได้ เมื่อมองจากระยะไกล ก็ดลบันดาลให้ผู้คนรู้สึกถึงความเคารพจากใจจริง!
ในขณะนี้ แม้แต่ราชากู่เยวียนก็ยังสำรวม และแม้กระทั่งเผยให้เห็นถึงการแสดงความเคารพอย่างแรงกล้า
เขาเป็นเหมือนศิษย์ผู้จงรักภักดีที่กำลังแสดงความเคารพอยู่หน้าแท่นบวงสรวง!
เขาจ้องมองไปที่วงแสงสีน้ำเงินเข้ม จากนั้นความโศกเศร้าก็ค่อย ๆ แล่นไปทั่วกาย
“นายท่าน คำทำนายดูเหมือนจะเป็นจริงแล้ว เมื่อไหร่…ท่านจะตื่นขึ้นมาสักที?” ราชากู่เยวียนถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย
“นายท่าน บ่าวเฒ่าผู้นี้ทำให้ท่านผิดหวังนัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บ่าวเฒ่าผู้นี้ได้พยายามสุดความสามารถ แต่ข้าก็ไม่สามารถเข้าใจมรดกที่แท้จริงของท่านได้ และยังไม่อาจควบคุมเต๋าแห่งโลกต้นกำเนิดได้อย่างสมบูรณ์ ข้าคงไม่อาจตายตาหลับได้จริง ๆ”
“ช่างเถอะ หากการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้ ข้าสาบานว่าจะปกป้องโลกต้นกำเนิดจนชีวิตหาไม่ ถึงแม้จะต้องแหลกเป็นผุยผงก็ตาม!
“นายท่าน ได้โปรด… ตื่นขึ้นในเร็ววันด้วย….”
…
แฮ่ก ๆ!
ในกลางดึก
เฉินซีซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาของสันเขารกร้างในแคว้นโหมวหลัว และถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อสังเกตเห็นว่าอันตรายที่เผชิญอยู่ได้หายไปแล้ว
“เกือบไปแล้ว ข้าเกือบนำภัยพิบัติร้ายแรงมาสู่พวกเรา” เฉินซีพึมพำ ในขณะที่เขายังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
ในขณะที่กำลังบ่มเพาะภายในถ้ำใต้ดินก่อนหน้านี้ เขาหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะอย่างสมบูรณ์ และลืมทุกสิ่งทุกอย่างสิ้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดความโกลาหลและความตกใจไปทั่วทั้งโลกสาบสูญ ถึงขนาดที่ราชาโหมวหลัว ราชาจิ่วหลิง และราชากู่เยวียนยังตื่นตระหนก
ถ้าหมิงไม่เตือน ผลที่ตามมาก็ยากจะจินตนาการได้
โชคดีที่ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น เฉินซีสามารถพึ่งพาพลังต้นกำเนิดเพื่อเปิดใช้งานอักขระผนึกเต๋าที่อยู่ภายในจิตวิญญาณของเขาได้ ดังนั้นเฉินซีจึงสามารถปกปิดร่องรอยของพวกเขา หลีกเลี่ยงจากการถูกตรวจพบโดยจิตสัมผัสที่น่าเกรงขามเหล่านั้นอย่างไร้เสียง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินซีก็หันไปกล่าวกับหมิง “ขอบคุณ”
ในขณะนี้ หมิงก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
เฉินซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หัวเราะเสียงขื่นและยักไหล่ “แม้แต่ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าขั้นที่หนึ่งของเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้”
หมิงครุ่นคิดขณะกล่าว “ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เจ้าบัญญัติจริง ๆ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเคล็ดวิชานั้นท้าทายสวรรค์มากเกินไป จนทำให้เต๋าแห่งสวรรค์ของโลกนี้ตกตะลึงด้วยซ้ำ”
หลังจากบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิด เฉินซีรู้สึกว่าเขาสามารถใช้กฎและระเบียบของโลกต้นกำเนิดได้
แม้ว่าโลกนี้จะไม่มีเต๋าแห่งยันต์อักขระ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเต๋าแห่งยันต์อักขระไม่มีอยู่จริง มันเหมือนกับว่าเขาได้ขัดเกลาและดูดซับตราประทับยุคสมัยของแปดยุคที่ผ่านมา และใช้พลังของเต๋าแห่งยันต์อักขระเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
ตอนนี้ เขาได้เข้าใจกฎและระเบียบของเต๋าแห่งสวรรค์ในโลกต้นกำเนิดแล้ว ซึ่งเทียบได้กับการคว้าแกนหลักของพลังต้นกำเนิด ดังนั้นเขาจึงสามารถควบคุมมันได้ตามต้องการ
เคล็ดวิชาบ่มเพาะใด ๆ ของโลกภายนอก หรือแม้แต่เคล็ดวิชาเช่น เต๋าแห่งกระบี่ เต๋าแห่งยันต์อักขระ ธาตุทั้งห้า หยิน หยาง สายฟ้า วายุ แสงสว่าง ความมืด ล้วนแต่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงและนำไปใช้ผ่านพลังต้นกำเนิด สิ่งนี้จะช่วยให้พวกมันสำแดงพลังที่น่ากลัวและมีเอกลักษณ์ทุกประเภทในขณะที่ถูกใช้ผ่านพลังต้นกำเนิด
นี่คือประโยชน์ของการเข้าใจวิธีการบ่มเพาะพลังต้นกำเนิด การควบคุมพลังเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น ส่วนการควบคุมกฎและระเบียบของเต๋าแห่งสวรรค์ที่เป็นกุญแจสำคัญ
นอกจากนี้ การทำความเข้าใจกฎและระเบียบของโลกต้นกำเนิด ทำให้เฉินซีได้รับข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับโลกต้นกำเนิด
ตัวอย่างเช่น โลกต้นกำเนิดนั้นดำรงอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่สามมิติถูกแยกออก ทั้งสองต่างผ่านมาแปดยุคแล้ว!
สิ่งนี้ยังทำให้เฉินซีสงสัยว่า เต๋าแห่งสวรรค์อาจถือกำเนิดมากกว่าหนึ่งเมื่อความโกลาหลในสามมิติถูกแยกออกจากกัน!
ดังนั้นเต๋าแห่งสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งอยู่เต็มไปทั่วโลกต้นกำเนิดนั่นมาจากไหนกัน?
อีกตัวอย่างหนึ่ง คือในขณะที่โลกต้นกำเนิดดำรงอยู่มานานเกินนับ เต๋าแห่งสวรรค์ของมันกลับตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน ทำให้ระบบการบ่มเพาะที่เกี่ยวข้องกับมันนั้นหยาบและเรียบง่ายอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่อารยธรรมแห่งการบ่มเพาะ และระบบการบ่มเพาะยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยซ้ำ
นั่นหมายความว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นิกายต่าง ๆ จะดำรงอยู่ในโลกต้นกำเนิด
หากไม่มีนิกาย มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะ เคล็ดวิชาต่อสู้ แนวทางการบ่มเพาะ และสิ่งอื่น ๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โลกต้นกำเนิดทั้งหมดอยู่ในสถานะเริ่มต้น เมื่อเคล็ดวิชายังไม่เกิดขึ้น ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะจึงเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และดูเหมือนว่าจะไม่เป็นระเบียบอย่างมาก
ตัวอย่างเช่น สิ่งมีชีวิตภายในโลกต้นกำเนิด พวกมันสามารถบ่มเพาะเพียงเพราะพวกมันบ่มเพาะตามธรรมชาติ อันเป็นผลมาจากสายเลือดและพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่พวกมันมี อีกทั้งพวกมันไม่เคยคิดว่ามีระบบสำหรับบ่มเพาะ หรือว่าพวกมันสามารถเรียนรู้และบัญญัติขึ้นมาเองได้
แน่นอนว่า เฉินซีได้ยึดเคล็ดวิชาบ่มเพาะมาจากราชามดเกราะทอง แต่ในความเห็นของเฉินซี เคล็ดวิชาบ่มเพาะนั้นหยาบอย่างมาก แต่ที่สำคัญ มันก็สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับราชามดเกราะทอง และไม่เหมาะอย่างยิ่งกับสิ่งมีชีวิตอื่น
นั่นหมายความว่า ส่วนน้อยของสิ่งมีชีวิตในโลกต้นกำเนิดกำลังพยายามบัญญัติเคล็ดวิชาบ่มเพาะ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างระบบการบ่มเพาะที่แท้จริง
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก มันเหมือนกับการจ้องมองไปยังสถานที่โบราณที่สามารถให้กำเนิดอารยธรรมการบ่มเพาะที่เจริญรุ่งเรืองทุกประเภทได้อย่างชัดเจน ทว่าเต๋าแห่งสวรรค์อยู่ในสภาวะเงียบงัน ดังนั้นสถานที่โบราณแห่งนี้จึงไม่สามารถสร้างระบบการบ่มเพาะที่แท้จริงของตัวเองได้จนถึงขณะนี้
เฉินซีแปลกใจเล็กน้อย พลังใดที่สามารถทำให้เต๋าแห่งสวรรค์ ของโลกต้นกำเนิดเข้าสู่สภาวะดังกล่าว และทำให้โลกต้นกำเนิดตกอยู่ในสภาพนี้?
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...