เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2062

บทที่ 2062 สายลับ

………………..

บทที่ 2062 สายลับ

ในที่สุดหมิงก็ตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะพลังเมื่อเกิดลำแสงขึ้นที่ขอบฟ้า

แสงแรกแห่งวันส่องกระทบใบหน้างาม ทำให้ท่าทีที่ดูเหินห่างสูงส่งเป็นทุนเดิมยิ่งดูพิเศษยิ่งกว่าเก่า

“เป็นอย่างไรบ้าง?” เฉินซีคอยสังเกตหมิงอยู่ตลอด พอเห็นนางตื่นจึงถามขึ้น เขาสงสัยว่าเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดที่เขาสร้างขึ้นมาจะเหมาะกับหมิงหรือไม่

“สบายดี” รอยยิ้มงามปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากฉ่ำ

เฉินซีถอนใจโล่งอกทันใด

“แต่….” ทันใดนั้น คิ้วงามสีดำของหมิงก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เหมือนเจอปัญหาบางอย่าง

เฉินซีเห็นดังนั้นก็รู้สึกกังวลอยู่หน่อย ๆ “มีอะไรหรือ?”

หมิงคิดเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ต้นเหตุคงจะเป็นจากข้าเองนี่ล่ะ แต่ก่อนข้ามุ่งแต่ฝึกเต๋าแห่งจ้าววิญญาณ เอาแต่กลั่นพลังกายและโลหิตในร่าง แต่ตอนนี้ต้องมาเดินทางเส้นใหม่สู่เต๋าซึ่งแตกต่างจากเดิมลิบลับ ข้าจะรู้สึกว่ามันปรับตัวยากอยู่สักหน่อย”

เฉินซียิ้ม “อย่าเพิ่งใจร้อนไป ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะ”

หมิงพยักหน้ารับ “แล้วเจ้าเล่า? ตอนนี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ประมาณเท่าไหร่แล้ว?”

เฉินซีพูดสบาย ๆ “ขั้นที่เก้าของขอบเขตแปรผีเสื้อแล้ว เทียบได้กับขอบเขตราชันเซียน น่าเสียดายที่นี่เป็นเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดขั้นแรกเท่านั้น ยังไม่ทันวางรายละเอียดของขั้นที่สองเลย”

หมิงอึ้งไป “นี่เจ้าอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตแปรผีเสื้อแล้วหรือ?”

เฉินซีถามกลับ “ไม่ใช่ว่าเจ้าถึงแล้วหรือ?”

หมิงส่ายหน้าให้ “ข้าอยู่แค่ขั้นที่แปดเอง”

เฉินซีพูดไม่ออก “ข้ามคืนได้เท่านั้นก็ดีมากแล้ว”

หมิงเองก็เข้าใจดี สาเหตุสำคัญที่ทำให้เลื่อนขั้นในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ได้ก็เพราะพวกเขาแกร่งจนเทียบเท่ากับเซียนปราชญ์ก่อนที่จะทำการบ่มเพาะเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดแล้ว

ฉะนั้นในสายตาทั้งเฉินซีกับหมิงนั้น การบ่มเพาะเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดจึงเป็นแค่วิธีใช้พลังต้นกำเนิดเท่านั้น เป็นการกลั่นและดูดซับพลังต้นกำเนิดที่สั่งสมไว้ในร่างเท่านั้นเอง

“จะว่าไป เคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดมีกี่ขั้นงั้นหรือ?” หมิงถาม

“สามขั้น” เฉินซีตอบอย่างรวดเร็ว “ขั้นแรกคือขอบเขตแปรผีเสื้อ แบ่งออกได้อีกเป็นเก้าระดับ หากบ่มเพาะจนสมบูรณ์จะมีพลังเท่ากับราชันเซียน”

“ขั้นที่สองคือขอบเขตจิตถอดคราบ เรียกว่าการถอดจิตห้าระดับ เป็นการเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นเทพ บ่มเพาะจนสมบูรณ์จะมีพลังเท่ากับขอบเขตมหาเทพเต๋า”

พออธิบายถึงตรงนี้ เฉินซีก็ยักไหล่กล่าวขึ้นว่า “ส่วนขั้นที่สามเรียกว่าขอบเขตจับชะตา มาจากการไขว่คว้าโชคชะตาตนเอง แต่มันก็มาจากความคิดของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้ข้ายังคิดมันไม่กระจ่าง หากวันหนึ่งข้าขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าได้ ก็คงสามารถทำความเข้าใจขั้นที่สามของวิชานี้ได้”

หมิงส่งนัยน์ตาสุกสกาวจ้องมองเฉินซี พลางเอ่ยเสียงจริงจัง “ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้”

เฉินซีคลี่ยิ้ม “ก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”

จากนั้นก็ไม่มีใครคุยอะไรกันอีก เพราะต้องเดินทางกันต่อไม่ให้เสียเวลา

หากไม่ใช้ช่วงเวลากลางวันในการเดินทาง ยามราตรีมาถึงก็ต้องซ่อนตัวเพื่อไม่ให้สามราชาแห่งโลกต้นกำเนิดจับได้

ถึงขั้นที่เฉินซียังรู้สึกกังวลอยู่บ้างเวลาเดินทางตอนกลางวันด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าการเดินทางหนีครั้งนี้เหมือนมีดวงตาที่มองไม่เห็นคอยจับตามองอยู่!

ฟ่าว! ฟ่าว!

เกิดคลื่นขึ้นในอากาศ เฉินซีกับหมิงพาเหมิงเหมิงแวบหายไปสู่แคว้นกู่เยวียน

ตอนนี้พวกเขารู้แค่ว่าราชาโหมวหลัวมองพวกเขาออกแล้วว่าเป็น ‘คนนอก’ พวกเขาจึงได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนออกจากแคว้นโหมวหลัว

“เจ้าสังเกตหรือไม่? เหมือนกับว่ามีใครคอยติดตามเราอยู่ทุกย่างก้าวเลย” หมิงพลันเอ่ยขึ้นระหว่างเดินทาง มันเป็นคำถามที่นางเก็บไว้ในใจมานาน จนในที่สุดก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

“เจ้าก็รู้สึกหรือ?” เฉินซีชะงักไป จากมันก็มีสีหน้าเคร่งขรึม “แล้วเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าที่เราเปลี่ยนทิศทางไปแคว้นกู่เยวียนเองก็เหมือนมีมือมืดมาชักนำไปอยู่?”

หมิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าจะบอกว่ามีใครจงใจหยุดพวกเราไม่ให้ไปแคว้นจิ่วหลิงหรือ?”

เฉินซีพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าสังเกตมาตลอดการเดินทาง แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยอะไรเลย แต่ข้ามั่นใจว่าหากเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนของใคร ก็คงจะต้องเป็นราชาโหมวหลัวแน่!”

“ราชาโหมวหลัว….” หมิงพึมพำ ดวงตาใสเจือด้วยแววเย็นชา “ถ้าเป็นแบบนั้น เจ้านั่นก็ทั้งรู้ตัวตนของเรา และรู้ทุกอย่างที่เราทำมาตลอดทางเลยสิ?”

จากนั้นนางก็ขมวดคิ้ว “แต่ทำไมไม่ลงมือ แต่กลับนำเราไปยังแคว้นกู่เยวียนแทนเล่า?”

เฉินซีคิดอยู่นานก่อนเอ่ย “ไม่แน่ว่าอาจจะยุให้เราสู้กับราชากู่เยวียนกระมัง? หรือไม่ก็อาจจะได้ประโยชน์หากเราไปแคว้นกู่เยวียน?”

หมิงเองก็คิดไม่ออก ดังนั้นจึงเงียบไป

เฉินซีพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยสายตารุ่มร้อน “หมิง เจ้าคิดว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เราเจอมาตลอดทางหรือไม่ ที่คอยเปิดเผยการกระทำและเส้นทางของเรา? เพราะอย่างไรหากเจ้าพวกนั้นเป็นสายลับของราชาโหมวหลัว ไม่ว่าเราไปทางไหนเขาก็น่าจะรู้”

หมิงจึงเงยหน้าขึ้น “อาจจะลองจับมาสักตัวแล้วเค้นคอถามดู….”

จากนั้นเจ้าเต่าก็ล้มลงกับพื้น

“ฆ่าไปทั้งอย่างนั้นเลยหรือ?” หมิงอึ้งไป

“ข้าให้โอกาสมันแล้ว” เฉินซีเอ่ยเสียงเรื่อย ๆ “แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ข้าดูกระดองมันแล้ว น่าจะใช้เป็นวัตถุดิบในการขัดเกลาของได้ เจ้าอยากได้หอกอยู่ไม่ใช่หรือ? หากเอากระดองนี่ไปกลั่นกับขาหน้าของราชามดเกราะทอง ก็น่าจะสร้างอาวุธล้ำค่าขึ้นมาได้”

หมิงถึงได้เข้าใจเฉินซี ได้ยินแล้วก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ คิดขึ้นว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อจะสร้างอาวุธให้ข้าสินะ….

ฟุบ!

เฉินซีไม่ได้ทำการแยกร่างเจ้าเต่าทันทีทันใด แต่พลิกฝ่ามือ ปรากฏเป็นลูกกลมแสงสีน้ำเงินขึ้นมาแทน

เปรี๊ยะ!

ลูกกลมแสงสายฟ้านั่นเปลี่ยนร่างเป็นนกสีเขียวมรกต มันดิ้นขลุกขลักอยู่ในมือเฉินซีแต่ก็ดูไร้ผล

น่าแปลกนักที่เป็นนกสีเขียวมรกตที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่นั่นเอง

“เจ้าเห็นเรื่องทุกอย่างแล้ว ข้าขอถามแค่ว่า….” เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาแผ่จิตสังหารออกมา

แต่เขาพูดยังไม่ทันจบประโยค ร่างมันก็สั่นงึก ๆ แล้วร้องเสียงหลง “นายท่านไว้ชีวิตข้าด้วย! ไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าน้อยยอมบอกทุกอย่างแล้ว!”

แต่นั่นกลับทำให้เฉินซีอึ้งไปแทน ไม่คิดเลยว่าเจ้านกจะขี้ขลาดตาขาวขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่เสียจังหวะรีบถาม “บอกมาว่าเจ้าทำอะไรไปบ้าง ถ้ายอมบอก นอกจากจะไว้ชีวิตแล้ว ข้ายังจะให้วิชาบ่มเพาะเจ้าด้วย”

ไม่รู้ว่าเจ้านกเข้าใจเฉินซีจริงหรือไม่ แต่มันก็รีบพยักหน้าให้ตั้งแต่ที่เขายังพูดไม่ทันจบ รีบเอ่ยขึ้นว่า “เป็นราชาโหมวหลัว เขาสั่งให้ข้าน้อยรายงานการเคลื่อนไหวของนายท่านให้เขารู้”

เฉินซีกับหมิงมองหน้ากัน เหมือนจะบอกว่าเป็นไปอย่างที่คิด

เฉินซีจึงถามอีก “แล้วเจ้ารู้ที่อยู่ของเราได้อย่างไร?”

เจ้านกตอบอย่างไม่ลังเล ขายราชาโหมวหลัวเสียหมด “นายท่าน ยังมีเรื่องหนึ่งที่นายท่านไม่รู้ สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในแคว้นโหมวหลัวจะต้องทำตามคำสั่งราชาโหมวหลัว พวกมันต้องรายงานที่อยู่ของนายท่านหากนายท่านปรากฏตัว”

เฉินซีหรี่ตาลง ถึงจะคาดเดาไว้แล้ว แต่พอมั่นใจก็ยังอดรู้สึกตกใจขึ้นมาไม่ได้ แล้วเหตุใดราชาโหมวหลัวถึงต้องใช้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมาติดตามพวกเขาเช่นนี้ด้วย?

พอเฉินซีถามออกไป เจ้านกก็ส่ายหน้าบอกเป็นเชิงว่าไม่รู้ เฉินซีเองก็เห็นว่ามันไม่ได้โกหก

เฉินซีเงียบไปนานก่อนเอ่ยขึ้น “งั้นนอกจากข้าจะออกจากแคว้นโหมวหลัวได้ ไปทางไหนราชาโหมวหลัวก็จะรู้ที่อยู่ของข้าหมดเลยงั้นหรือ?”

นกสีเขียวมรกตพยักหน้ารัว ๆ “นายท่านช่างฉลาดเฉลียว เป็นอย่างนั้นเลย”

เฉินซีจึงคลี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ากังวลนัก “ถ้างั้น… เจ้าอยากได้วิชาบ่มเพาะที่จะทำให้บ่มเพาะพลังได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]