เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2066

บทที่ 2066 เหตุไม่คาดฝัน

………………..

บทที่ 2066 เหตุไม่คาดฝัน

ภูเขาไฟทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเปลวเพลิงกำลังลุกโชนจนย้อมท้องฟ้ากลายเป็นสีแดง

เฉินซีไม่มีเวลาดื่มด่ำกับความคิดของตน เขานำหมิงและเหมิงเหมิงผ่านอวกาศ ขณะที่เขาพุ่งเข้าหาภูเขาไฟ

โครม

ทันใดนั้น ร่างสีแดงเพลิงสูงหกสิบลี้ก็ปรากฏขึ้นจากส่วนลึกของภูเขาไฟ และยืนตระหง่านสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างกายคล้ายก่อตัวขึ้นจากศิลาหลอม ทั้งยังปลดปล่อยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่านออกมา

มันเป็นอสูรศิลาหลอมขนาดมหึมา!

จากกลิ่นอายของมัน ความแข็งแกร่งของมันอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ!

ฟึ่บ!

เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน พลางเผยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใด ๆ

ทันทีที่พวกเขามาถึงที่นี่ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีอสูรศิลาหลอมขนาดมหึมาซึ่งบ่มเพาะมานานเกินนับอาศัยอยู่ที่นี่

สิ่งเดียวที่เขาไม่คาดคิดก็คือ อสูรศิลาหลอมขนาดมหึมานี้จะแสดงตัว ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้ภูเขาไฟด้วยซ้ำ

“แคว้นกู่เยวียนโบราณเป็นพื้นที่หวงห้าม ข้าขอแนะนำให้หันกลับไปเสียดีกว่า” อสูรศิลาหลอมขนาดมหึมากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น รูปร่างขนาดมหึมาของมันราวกับทะเลเพลิงอันร้อนแรง และยืนตระหง่านอยู่หน้าภูเขาไฟ และแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว

เฉินซีและคณะเกินคาดไปนิด เมื่ออสูรศิลาหลอมขนาดมหึมาเตือนพวกเขาแทบที่จะโจมตี

“แล้วถ้าเราไม่ทำล่ะ?” ถามเฉินซีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

อสูรศิลาหลอมขนาดมหึมายังคงเงียบอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่มันจะถอนหายใจ “เจ้าเป็นผู้มีพระคุณต่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในโลกต้นกำเนิด ข้าไม่หยุดเจ้าหรอก”

เพียงประโยคนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าอสูรศิลาหลอมขนาดมหึมาได้ตระหนักถึงตัวตนของเฉินซีอย่างชัดเจน รวมถึงยังเคยได้ยินข่าวการเปลี่ยนแปลงที่แพร่ไปทั่วทั้งโลกต้นกำหนดเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย

“ขอบคุณ” เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเจ้าในการเผยแพร่เคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดนั้นถูกต้อง” หมิงกล่าวชื่มชมผ่านกระแสปราณ

เฉินซียักไหล่ “นี่เป็นเพียงการพิสูจน์ว่าผู้อยู่อาศัยในโลกต้นกำเนิดเหล่านี้รู้วิธีตอบแทนบุญคุณ และนิสัยดีกว่าผู้บ่มเพาะของโลกภายนอกมาก”

ขณะที่พูดคุย กลุ่มของเฉินซีก็ออกเดินทาง และมุ่งหน้าสู่ภูเขาไฟ

เดิมที เฉินซีกังวลเล็กน้อยว่าอสูรศิลาหลอมขนาดมหึมาจะเปลี่ยนใจ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้ก็พิสูจน์แล้วว่าความกังวลของเขานั้นไม่จำเป็น

ตั้งแต่พวกเขาเข้าใกล้ภูเขาไฟ จนกระทั่งพวกเขาเดินผ่านอสูรศิลาหลอมขนาดมหึมา มันก็นิ่งเงียบ และไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ กำลังจะสำรวจภูเขาไฟในรวดเดียว เสียงหนักแน่นของอสูรศิลาหลอมก็ดังก้องมาจากด้านหลังพวกเขา

“คนนอก ข้ามีคำกล่าวบางอย่างจะบอกเจ้า ก่อนที่เราจะแยกทางกัน”

เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็รีบหันกลับมา “เชิญกล่าว”

“แม้ว่าความแข็งแกร่งสามารถปราบโลกได้ แต่มีเพียงปัญญาเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงมันได้! ข้าหวังว่าเจ้าจะสุขสบาย!” ทันทีที่กล่าวจบ ร่างกายของอสูรศิลาหลอมก็กลายเป็นเปลวไฟหายไปในส่วนลึกของภูเขาไฟ

“ข้าจะจำคำไว้” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและจากไปพร้อมกับหมิงและเหมิงเหมิง

ไม่กี่ชั่วยามต่อมา

ป่าที่หนาทึบและเก่าแก่ก็ปรากฏขึ้นในระยะสายตา ใบไม้บนต้นไม้สูงตระหง่านส่งเสียงกรอบแกรบไปตามสายลม และทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา

“ในที่สุดเราก็มาถึง….” ร่างของเฉินซีทะยานวูบวาบ และหยุดอยู่ที่ชายป่าอันอุดมสมบูรณ์ เมื่อเขาตรวจสอบอันตรายโดยรอบเสร็จแล้ว เฉินซีก็นั่งลงที่โคนต้นไม้ และยืดตัวออก

นี่คือแคว้นกู่เยวียน และนั่นหมายความว่าพวกเขาได้หลบหนีออกจากอาณาเขตของแคว้นโหมวหลัวแล้ว และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกราชาโหมวหลัวไล่ล่า

“แคว้นกู่เยวียนเป็นอาณาเขตของราชากู่เยวียน แต่มันถูกเรียกว่าพื้นที่ต้องห้ามของโลกต้นกำเนิด ดังนั้นเราจึงไม่อาจผ่อนคลายได้” หมิงนั่งสบาย ๆ ข้างเฉินซี ผมสีดำสนิทมัดเป็นมวย เผยให้เห็นถึงคอระหงขาวดุจหิมะ และใบหน้าเย็นชา ห่างเหิน งดงามของนาง ทุกอิริยาบถแฝงไปด้วยกลิ่นอายของต่างโลก ทำให้นางดูน่าประทับใจเป็นพิเศษราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาด

ในขณะนี้ แขนเพรียวและประณีตของนางโอบรอบเข่าไว้ ในขณะที่ดวงตาที่สุกใสของนางจ้องมองไปในระยะไกล เมื่อมองใบหน้าด้านข้างของนางที่ดูเหมือนสลักขึ้นจากหยกชั้นเลิศ ก็บันดาลให้รู้สึกความงดงามซึ่งไร้ที่ติ

“อันที่จริง ตามข่าวลือ ราชากู่เยวียนเป็นผู้ลึกลับที่สุดในบรรดาราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งโลกต้นกำเนิด ในเวลาเดียวกัน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของโลกต้นกำเนิด ตอนนี้เรามาถึงอาณาเขตของเขาเพื่อหลบภัยแล้ว บางทีเราอาจถูกเขาสังเกตเห็นในไม่ช้าก็เร็ว”

เฉินซีกล่าวอย่างสบาย ๆ “อย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่กังวล ตราบใดที่เราใช้เวลาให้ดีที่สุดและฟื้นฟูพลังฝีมือของเราแล้ว สถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น”

ม่านรัตติกาลเคลื่อนลงมาอย่างเงียบ ๆ ขณะที่พวกเขากล่าว เช่นเดียวกับเมื่อก่อน ดวงจันทร์สีน้ำเงินเข้มทั้งเก้าดวงได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และเปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในขณะที่สิ่งมีชีวิตด้านล่างออกจากรังและส่งเสียงเห่าหอนไม่หยุดหย่อน

ในขณะนี้ เฉินซีและหมิงสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตอย่างน้อยสิบชนิดที่อาศัยอยู่ภายในป่าทึบ เพื่อดูดซับแก่นแท้ของพลังต้นกำเนิดที่แผ่ออกมาจากดวงจันทร์ และพวกมันก็บ่มเพาะเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิดที่เฉินซีบัญญัติขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

เฉินซีและหมิงอดไม่ได้ที่จะสบตาแล้วยิ้มให้กัน พวกเขาไม่ลังเลที่จะทะยานไปที่ยอดของต้นไม้โบราณ จากนั้นพวกเขาก็นั่งขัดสมาธิบนใบไม้เขียวขจีขนาดใหญ่ ก่อนที่จะโคจรเคล็ดวิชาสรรค์สร้างต้นกำเนิด และเริ่มบ่มเพาะเช่นกัน

ไม่ใช่แค่เฉินซีและหมิงเท่านั้นที่รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้แต่สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายที่อาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบก็ยังหยุดการบ่มเพาะโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังรู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวเล็กน้อย

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ราชากู่เยวียน เจ้าเชิญพวกเรามาที่นี่เพื่อยุติเรื่องอะไร?” ราชาโหมวหลัวกล่าวด้วยเสียงทุ้มหนักแฝงเค้าระแวดระวัง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของราชากู่เยวียนได้

“การเปลี่ยนแปลง” เสียงของราชากู่เยวียนนั้นไม่แยแส มุ่งมั่น และมีปณิธานอันแน่วแน่

“การเปลี่ยนแปลงอะไร?” ท่าทางของราชาจิ่วหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี

“เจ้าสองคนไม่ต้องการแก่นโลกต้นกำเนิดหรอกเหรอ? ข้าจะให้โอกาสเจ้าทั้งคู่ร่วมมือกัน และแย่งมันไปจากข้าตอนนี้” เสียงของราชากู่เยวียนยังคงเฉยเมยและไม่มีอารมณ์ผันผวนใด ๆ

แก่นโลกต้นกำเนิดหรือ? นั่นคือสิ่งใดกัน?

ทั้งเฉินซีและหมิงขมวดคิ้ว เดิมทีพวกเขาคิดว่าการปรากฏตัวของราชากู่เยวียนนั้นเกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนกว่านั้น

“ฮ่า ฮ่า! ใช่แล้ว เราสนใจแก่นโลกต้นกำเนิดมาก แต่ข้าคิดว่าราชากู่เยวียนเข้าใจผิด เราไม่มีความตั้งใจที่จะพยายามยึดมันจากเจ้า” ราชาโหมวหลัวคำรามด้วยเสียงหัวเราะ

“ใช่แล้ว อย่าได้คิดมากเลย ราชากู่เยวียน แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะเกิดขึ้นในโลกต้นกำเนิด แต่ใช่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจริงกับโลกต้นกำเนิดนี้” ราชาจิ่วหลิงกล่าวเสริม

เห็นได้ชัดว่าทั้งราชาโหมวหลัวและราชาจิ่วหลิงไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับราชากู่เยวียนในตอนนี้ เพราะตามแผนของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งเริ่มต้นและยังไม่สุกงอม ดังนั้นจึงยังไม่ควรกระทำอะไรทั้งนั้น

“ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง จิตสำนึกของข้าตื่นขึ้นเมื่อโลกต้นกำเนิดเพิ่งถือกำเนิด และข้าก็มีประสบการณ์ร่วมกับมันมานานเกินนับ ดังนั้นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นภายในโลกต้นกำเนิด จะหลีกเลี่ยงการตรวจจับของข้าได้อย่างไร” เสียงของราชากู่เยวียนสูงวัยและไม่แยแส

“ในตอนแรก ข้าคิดว่าจะให้โอกาสเจ้าสองคนได้มีชีวิตอยู่ ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าได้ช่วยข้ารักษาความสงบเรียบร้อยในโลกต้นกำเนิดมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา น่าเสียดายที่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ข้าตระหนักได้ทันทีว่า การเก็บเจ้าสองคนไว้นั้น รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับโลกต้นกำเนิดเท่านั้น”

ทันใดนั้น สีหน้าของราชาโหมวหลัวและราชาจิ่วหลิงก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนพวกเขาจะไม่กล้าเชื่อว่าราชากู่เยวียนจะเปิดเผยเจตนาที่จะสังหารพวกเขาตรง ๆ!

แม้แต่เฉินซีและหมิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เพราะพวกเขาคือผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ แล้วเหตุใดราชากู่เยวียนจึงตั้งใจที่จะสังหารราชาโหมวหลัวและราชาจิ่วหลิง?

“ทำไม?” ราชาโหมวหลัวกล่าวด้วยเสียงทุ้มหนัก ในขณะนี้ เขาได้ฟื้นความสงบอย่างสมบูรณ์

“เพื่อประโยชน์ของโลกต้นกำเนิด” ราชากู่เยวียนตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

ฟึ่บ!

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเขา อากาศก็เกิดความแปรปรวน จากนั้นกิ่งก้านสีเขียวมรกตที่ดูเหมือนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และโจมตีใส่ราชาโหมวหลัวอย่างรุนแรง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]