บทที่ 2067 การสังหารอันนองเลือด
………………..
บทที่ 2067 การสังหารอันนองเลือด
ฟึ่บ!
มันเป็นกิ่งก้านเขียวขจีจากร่างของราชากู่เยวียน แต่ดูเหมือนโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่แฝงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเต๋าแห่งสวรรค์ ขณะที่มันฉีกท้องฟ้าสีดำหมึกออกจากกัน ทำให้ทั้งโลกกลายเป็นสีเขียว!
“เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้เหรอ? ฝันไปเถิด!” ราชาโหมวหลัวกระพือปีกพลางหัวเราะเสียงเย็น เหมือนกับม่านที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า พายุสีดำส่งเสียงโครมครามเลื่อนลั่น ขณะถล่มลงมา
โครม!
การปะทะกันระหว่างพวกเขานั้นเหมือนกับการชนกันระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มันสั่นสะเทือนปฐพี บังเกิดเป็นแสงเจิดจ้าที่กระจายไปทั่วสารทิศ ประหนึ่งอุกกาบาตนับพันหมื่นที่ตกลงสู่พื้น
สุดยอดฝีมือสองคนนี้ได้เข้าปะทะกันแล้ว!
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายแหล่ภายในโลกต้นกำเนิดต่างตกตะลึง พวกมันรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง และต่างหลบหนีกันอย่างบ้าคลั่ง ด้วยเกรงว่าจะถูกผลกระทบจากการต่อสู้ครั้งนี้
ตู้ม!
กิ่งก้านเขียวขจีจำนวนมากทั่วร่างของราชากู่เยวียนแกว่งไกว ก่อนที่การปะทะกันจะสิ้นสุดลง และพวกมันก็เหมือนกับโซ่จำนวนมากมายที่ขยายออกไปอย่างบ้าคลั่ง ปกคลุมทั้งฟ้าดินไว้
ทุกกิ่งนั้นพรั่งพรูไปด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ของพลังต้นกำเนิด และพวกมันก็เปี่ยมล้นด้วยพลังสูงสุดของมหาเต๋า และพลังศักดิ์สิทธิ์อันมหึมา
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาจินตนาการว่าราชากู่เยวียนผู้ลึกลับนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ไม่นึกว่าพลังฝีมือของราชากู่เยวียนจะทรงพลังถึงขนาดนี้ อย่างน้อยมันก็เทียบได้กับ มหาเทพเต๋า และเขาไม่สามารถระบุได้ว่าราชากู่เยวียนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีพาหมิงและเหมิงเหมิงไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ กริ่งเกรงว่าตนจะเผยร่องรอยออกไป และมันอาจทำให้ราชากู่เยวียนสังเกตเห็น ซึ่งจะนำภัยพิบัติมาสู่ตน
“ราชาจิ่วหลิง! ทำไมเจ้ายังไม่ลงมืออีก? หากข้าถูกไอ้เฒ่านี้ฆ่า เจ้านั่นแหละจะเป็นรายต่อไป!” เสียงคำรามของราชาโหมวหลัวที่เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธดังก้องไปทั่วฟ้า เขากระพือปีกพลางเปิดจะงอยปากสีดำอันแหลมคมของเขา ซึ่งดูเหมือนจะสามารถกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้
แต่ในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างหวาดกลัวต่อกิ่งก้านมากมายที่มาจากราชากู่เยวียน เขาทั้งโกรธและหวาดกลัวอย่างสุดขีด
“ฮึ่ม! ไอ้เฒ่าสารเลว! ในเมื่อเจ้าไร้ความปรานีเช่นนั้น ก็อย่าโทษพวกเราที่ร่วมมือกัน!”
แสงสีทองที่สว่างจ้าอย่างยิ่งพุ่งออกมาจากราชาจิ่วหลิง และยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่เขากล่าวคำเหล่านี้ มันทำให้เขาดูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังไร้ขอบเขต
เขาเงยหน้าขึ้น และศีรษะทั้งเก้านั้นเผยให้เห็นท่าทางถึงความสุข ความโกรธเกรี้ยว ความโศกเศร้า ความขุ่นเคือง ความโลภ ความหลงใหล ความรวดร้าว ความเดือดดาลและความเกลียดชังตามลำดับ
หลังจากนั้น ศีรษะทุกศีรษะก็เปล่งแสงที่โชติช่วงหลากสีที่ตระการตาและงดงามเหล่านี้ก็กวาดไปทั่วฟ้า!
นี่คือความสามารถโดยกำเนิดของราชาจิ่วหลิง รังสีสวรรค์เก้าวิญญาณ!
รังสีทั้งเก้านี้ไม่เพียงแต่สามารถทะลุทะลวงผ่านฟ้าดินเท่านั้น แต่ยังน่าเกรงขามอย่างยิ่ง และสามารถก่อให้เกิดการโจมตีถึงตายต่อดวงวิญญาณได้
โครม โครม โครม!
ทุกที่ที่รังสีทั้งเก้าส่องผ่านท้องฟ้า ท้องฟ้าก็ระเบิดออกจากกัน และพังทลายลงจนเป็นหลุมดำจำนวนมากที่ดูเหมือนเหวลึก มันเป็นภาพที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นราชาจิ่วหลิงลงมือ ราชาโหมวหลัวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จิตใจของเขาปลอดโปร่ง ร่างกายของเขาก็พรั่งพรูไปด้วยจิตสังหาร และเริ่มร่วมมือกับราชาจิ่วหลิงเพื่อขนาบโจมตีราชากู่เยวียนอย่างเต็มกำลัง
ทันใดนั้น พายุก็พัดผ่านท้องฟ้า รังสีสาดส่องทั่วนภา มันทำให้ภูเขาและแม่น้ำแตกสลายทั้งห้วงมิติก็พังทลายลง ราวกับจุดสิ้นสุดของโลกมาถึงแล้ว
ทุกอย่างวุ่นวายและอลหม่าน!
บนพื้นดินของโลกต้นกำเนิด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายแหล่ต่างหลบหนีด้วยความกลัวจนตัวสั่น ร่างกายของพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยความกลัวอันไร้ขอบเขต
พวกมันอาศัยและบ่มเพาะอยู่ที่นี่มานานนับไม่ถ้วน แต่พวกมันไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่แท้จริงของระหว่างราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามแห่งโลกต้นกำเนิดนี้มาก่อน!
ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งโหมกระหน่ำด้วยจิตสังหาร ดูเหมือนว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะหยุดมือ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายเสียก่อน ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างก็รู้สึกวิตกกังวลและไม่สบายใจ
ในทางกลับกัน กลุ่มของเฉินซีได้เคลื่อนตัวไปไกลจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ และพวกเขาก็แสดงท่าทีเคร่งขรึมอย่างยิ่งในทำนองเดียวกัน เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับพวกเขาเช่นกัน
…
ครืน!
การต่อสู้ในท้องฟ้ารุนแรงยิ่งขึ้น แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องผ่านท้องฟ้า ดูอันตรายแต่ก็งดงามยิ่ง
นี่คือการต่อสู้ของโลกต้นกำเนิด อีกทั้งยังเป็นพลังต้นกำเนิดและกฎแห่งโลกต้นกำเนิดที่ใช้ในการต่อสู้ แม้ว่าวิธีต่อสู้จะแตกต่างจากโลกภายนอก แต่การทำลายล้างที่เกิดขึ้นยังคงน่าตกใจ
ในไม่ช้า เฉินซีก็สังเกตเห็นสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง และมันช่วยยืนยันการคาดเดาบางอย่างของเขา
ไม่ว่าจะเป็นราชาโหมวหลัว ราชาจิ่วหลิง หรือราชากู่เยวียน ความสามารถทั้งหมดที่พวกเขาใช้ในการต่อสู้นั้นมาจากสายเลือดของพวกเขา!
มันเหมือนกับพลังอิทธิฤทธิ์โดยกำเนิดที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จากโลกภายนอกสืบทอดมา มันเป็นเคล็ดวิชาพิเศษที่ได้มาจากสายเลือด และทำให้พวกเขาแสดงพลังได้อย่างเต็มที่
แต่ด้วยเหตุนี้ ทำให้วิธีต่อสู้ของพวกเขาดูเรียบง่ายเกินไป ดังนั้นการจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งที่พวกเขามี ไม่ใช่ระดับของเคล็ดวิชาต่อสู้ที่พวกเขาครอบครอง
ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าระบบการบ่มเพาะไม่ได้เกิดขึ้นภายในโลกต้นกำเนิด ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นไปไม่ได้ที่นิกายและมรดกจะมีอยู่
ไม่มีทางใดที่จะมีเคล็ดวิชาการต่อสู้และเคล็ดวิชาลับใด ๆ หากปราศจากมรดกที่สมบูรณ์
ในโลกภายนอก หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการตัดสินทรัพยากรและทุนทรัพย์ของนิกายมักจะเป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาภายในนิกาย
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ยังไม่ได้เกิดภายในโลกต้นกำเนิด
แต่ในขณะนี้ ราชากู่เยวียนดูเหมือนจะเย็นชาและไม่แยแสอย่างยิ่ง เขาเขย่ากิ่งไม้ที่ขดอยู่รอบ ๆ ราชาโหมวหลัว ทันใดนั้น ร่างของฝ่ายหลังดูเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และมันกลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ
สุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ของโลกต้นกำเนิดถูกฆ่าตายเช่นนั้นจริงๆ!
มันน่าสงสารมาก เขาวางแผนและตั้งใจที่จะอาศัยการเปลี่ยนแปลงในโลกต้นกำเนิด เพื่อวางแผนสำหรับชิงแก่นโลกต้นกำเนิด แต่ในท้ายที่สุดกลับไม่มีโอกาสได้ทำ และเสียชีวิตไปเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเวทนาอย่างแท้จริง
ดั่งที่กล่าวกันว่า ไม่ว่าแผนการจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้!
แม้ว่าเขาจะเพียงเฝ้าดูจากระยะไกล แต่หัวใจของเฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะเย็นเฉียบ เพราะพลังฝีมือของราชากู่เยวียนนั้นน่ากลัวเกินไป และเหนือล้ำเกินจินตนาการ
ครืน!
พร้อมกับการตายของราชาโหมวหลัว สีหน้าของราชาจิ่วหลิงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และตกใจมากจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
เขาไม่กล้าดิ้นรนอีกต่อไป และเขาก็หันหลังหลบหนีโดยสัญชาตญาณ เขาไม่กล้าต่อสู้กับราชากู่เยวียนอีกต่อไป
มันน่ากลัวเกินไป!
เขารู้จักราชากู่เยวียนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าพลังฝีมือของราชากู่เยวียนจะน่ากลัวขนาดนี้จริง ๆ เห็นได้ชัดว่าราชากู่เยวียนได้ปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และนั่นคือเหตุผลที่สถานการณ์ปัจจุบันนี้เกิดขึ้น
หากเขารู้ว่าราชากู่เยวียนนั้นแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าเขาจะกล้าหาญเพียงใด ราชาจิ่วหลิงก็ไม่กล้าที่จะตกลงกับราชาโหมวหลัวอย่างบุ่มบ่าม เพื่อที่จะร่วมมือต่อสู้กับราชากู่เยวียน
น่าเสียดายที่ไม่มียารักษาความเสียใจในโลกนี้ และราชากู่เยวียนก็ตั้งใจที่จะสังหารพวกเขาในครั้งนี้
ฟึ่บ!
ในทันทีที่ราชาจิ่วหลิงหลบหนี กิ่งก้านเขียวขจีจำนวนมากก็ส่องแสงสีน้ำเงินเข้มวาววับ พุ่งพันรอบศีรษะทั้งเก้าของราชาจิ่วหลิง
หลังจากนั้น คลื่นระเบิดก็ดังขึ้น เมื่อหัวทั้งเก้าของราชาจิ่วหลิงถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ทำให้เกิดพิรุณโลหิตโปรยปราย!
แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต ราชาจิ่วหลิงก็ไม่มีโอกาสที่จะส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยซ้ำ
ตุบ!
เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งโลกต้นกำเนิด ร่างของพวกเขาแข็งทื่อ และคุกเข่าลงตัวสั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในทางกลับกัน เฉินซีและหมิงถึงกับหายใจไม่ออก ท่าทางหนักใจปกคลุมใบหน้า ในช่วงเวลาสั้น ๆ สุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์สองคนก็ถูกสังหารดับดิ้น และนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าราชากู่เยวียนนั่นน่ากลัวเพียงใด!
ทั้งสองยังสงสัยว่าพวกเขาคงจะห่างไกลเกินที่จะต่อกรกับราชากู่เยวียนได้ แม้ว่าพวกเขาจะฟื้นพลังฝีมือก่อนหน้านี้ก็ตาม
“พวกเจ้าสองคนดูจนพอใจหรือยัง?” ในขณะนี้ จู่ ๆ เสียงอันสง่างามก็ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้องมาจากราชากู่เยวียนที่ยืนอยู่กลางอากาศ ซึ่งดังก้องไปทั่วหูของเฉินซีและหมิง
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...