เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2075

บทที่ 2075 เหมืองเทวะครามล้ำ

………………..

บทที่ 2075 เหมืองเทวะครามล้ำ

หมิงผู้ดูอ่อนแรงและซีดเซียวยิ่งคล้ายกับตระหนักบางสิ่ง นางเค้นเสียงต่ำ “ระวัง มีคนกำลังมา”

เฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยรวมพลังในร่างให้เจ้าก่อน”

สิ้นคำ เฉินซีโคจรพลังของอักขระผนึกเต๋าก่อนจะเริ่มส่งเข้าสู่ร่างของหมิงอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้ เขาไม่สามารถหยุดมือได้ เพราะทันทีที่หยุดมือ พลังที่เคลื่อนเข้าสู่ร่างของหมิงอย่างเงียบงันจะตื่นขึ้นอีกครั้ง จากนั้นมันจะเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง หากเป็นเช่นนั้น หมิงจะต้องทนทุกข์กับความทรมานอันแสนสาหัสยิ่งจนอาจถึงขั้นทำให้รากฐานได้รับบาดเจ็บอย่างไม่อาจแก้ไขได้

ดังนั้น มีเพียงการร่วมมือกันหลอมรวมพลังในร่างของหมิงเป็นไปอย่างราบรื่นเท่านั้น จึงจะสามารถคลี่คลายได้ในครั้งเดียว

ในตอนนี้ เฉินซีและหมิงเหมือนกับรูปปั้นหินดินเผาสองตัวที่นั่งขัดสมาธิบนพื้น แม้ภายนอกพวกเขาจะดูสงบ แต่ความจริงกำลังต่อสู้กับพลังที่อยู่ภายในร่างกาย

ฟ่าว! ฟ่าว!

เสียงความผันผวนรุนแรงและรวดเร็วดังขึ้น แล้วร่างก็ปรากฏขึ้นในอากาศไกลออกไป

ร่างเหล่านั้นมีจำนวนนับสิบ พวกเขาล้วนสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น แต่กลิ่นอายกับอันตรายยิ่ง แต่คนละต่างมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเป็นอย่างน้อย!

โดยเฉพาะผู้นำซึ่งเป็นชายหัวล้านสูงสามจั้ง และมีร่างกายกำยำ ผู้ครอบครองกลิ่นอายจักรพรรดิ!

ร่างท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าจนเผยให้เห็นมัดกล้ามประหนึ่งทองแดงที่ถูกเทลงในเหล็ก ดวงตาประหนึ่งเปลวเพลิงขณะเส้นผมและเคราราวกับง้าว โซ่โลหะสีโลหิตเข้มปกคลุมรอบแขนหนาทั้งสองจนดูเหมือนกับเสาหิน

ขณะยืนอยู่กับที่ ทั่วร่างของเขาดูเหมือนกับคนป่าเถื่อนดุร้ายที่มาจากถิ่นทุรกันดาร มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายโลหิตอันเข้มข้น

ทันทีที่กลุ่มคนปรากฏ พวกเขาต่างจับจ้องเฉินซีและหมิงผู้อยู่ไกลออกไป เมื่อเห็นรูปลักษณ์ชัดเจน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย

“ทำไมถึงเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งได้?” หนึ่งในนั้นตกตะลึง

“บัดซบ! ใครเป็นคนพูดถึงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ท้าทายสวรรค์? มันอยู่ไหน?” อีกคนตะโกน

“ไม่ สองคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้มาจากเหมืองเทวะครามล้ำ พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?”

“หรือว่าสองคนนี้จะมาชิงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ท้าทายสวรรค์ไป?”

ทุกคนต่างพูดไม่หยุดปากขณะมองเฉินซีและหมิงด้วยความประหลาดใจระคนสับสนเล็กน้อย พวกเขาไม่สามารถทราบได้ว่าสองคนนี้มาจากที่ใด

เพราะเฉินซีกำลังจดจ่อกับการช่วยหมิงกำจัดอันตรายในร่างกาย กลิ่นอายของเขาจึงถูกสะกดเอาไว้ ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้

“เหอะเหอะ น่าสนใจ หลังจากผ่านมาหลายปี แม้มีเพียงแรงงานที่ถูกจับมาใช้งานในเหมืองเทวะครามล้ำ แต่ข้าไม่เคยเห็นใครรนหาความทรมานด้วยการมาที่นี่มาก่อน”

ทันใดนั้น ชายหัวล้านใบหน้าดุร้ายที่เป็นผู้นำก็เผยรอยยิ้มกระหายเลือดออกมา มันเต็มไปด้วยฟันสีขาวราวหิมะ

“ท่านขุยเซิน ท่านคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี? ท่านอยากรายงานเรื่องนี้…”

ข้างกายเขาคือชายที่มีหน้าตาน่าเกลียด รูปร่างผอมแห้งราวกับไม้ไผ่ ดวงตากลอกไปมาขณะเอ่ยคำด้วยเสียงทุ้ม แต่ก่อนจะทันได้กล่าวจบประโยคก็ถูกชายหัวล้านขัด

“ไม่จำเป็น ก็แค่คู่รักเดรัจฉานที่มาจากไหนไม่รู้ เหตุใดต้องรบกวนท่านปุโรหิตเล่า?”

ผู้ชายหัวล้านนามขุยเซินเอ่ยคำด้วยสีหน้าดุร้าย “สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหลังจากอัสนีแห่งสวรรค์พิโรธเกิดขึ้นเมื่อคืน เจ้าคู่รักเดรัจฉานก็ปรากฏตัว หากมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ท้าทายสวรรค์เกิดขึ้นที่นี่ เกรงว่าพวกมันคงจะได้ไปแล้ว!”

ทันทีที่สิ้นคำ สายตาของผู้อื่นที่มองเฉินซีและหมิงก็ต่างออกไป พวกเขาประหลาดใจน้อยลงก่อนจะกลายเป็นความละโมบและโหดเหี้ยมมากขึ้น

“ดูสิ พวกเรามาถึงที่นี่นานแล้ว แต่คู่รักเดรัจฉานกลับเมินเรา พวกมันอาจจะได้รับบาดเจ็บจากอัสนีแห่งสวรรค์พิโรธตอนกำลังช่วงชิงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ขัดขืนสวรรค์ก็เลยต้องมาดูแลรักษากันเอง”

สีหน้าของขุยเซินยิ่งดุร้ายขณะสายตาเกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือดรุนแรง

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็พบว่าชายหญิงคู่นั้นยังคงไม่ขยับตั้งแต่มาถึงที่นี่ราวกับไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย

พวกมันแสร้งทำเป็นไม่รู้หรือว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสดังที่ท่านขุยเซินบอกกันแน่?

“ปาหมิง ไปจับพวกมัน”

ขุยเซินเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงทุ้ม ความระแวดระวังทำให้เขาไม่มีความตั้งใจจะลงมือด้วยตัวเอง

ปาหมิงซึ่งเป็นร่างผอมแห้งหน้าตาน่าเกลียดลังเลสักพักเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็แสยะยิ้มชั่วร้าย “นั่นแหละที่ข้าต้องการ!”

สิ้นคำ เขาทะยานขึ้นสู่อากาศธาตุขณะกำฝ่ามือ จากนั้นปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สีดำเข้าใส่เฉินซีกับหมิงราวกับตาข่ายขนาดใหญ่

ฟ่าว!

ในตอนนี้ เฉินซีผู้ไม่ขยับเขยื้อนประหนึ่งรูปปั้นพลันลืมตาขึ้น แล้วสายฟ้าเย็นเยือกก็ทะยานออกจากดวงตา ฉีกผ่านมิติ สิ้นเสียงสั่นสะเทือน แสงศักดิ์สิทธิ์สีดำก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง

เหตุนี้ทำให้พวกขุยเซินรู้สึกตกตะลึง

“อย่ารนหาที่ตาย!”

เฉินซีเหลือบมองคนเหล่านั้นอย่างเย็นชาก่อนจะหลับตาอีกครั้ง

คำพูดเหล่านั้นกับสายตาเฉยชาของเฉินซีส่งผลให้สีหน้าของผู้คนทั้งหลายเปลี่ยนไป หัวใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

“ช่างอวดดีนัก!”

สีหน้าของขุยเซินมืดมนขณะถ่ายทอดคำสั่งอีกครั้ง “ปาหมิง จับพวกมัน!”

“นายท่าน…”

ปาหมิงลังเล เมื่อครู่เฉินซีปัดป้องการโจมตีเพียงแค่เหลือบมอง นี่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงและไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

อีกฝ่ายยังคงไม่ให้ความสนใจ

พลังต้นกำเนิดกว่าครึ่งในร่างของหมิงถูกหลอมรวมเข้าไปและจะเสร็จสิ้นในไม่ช้า แล้วเฉินซีจะมีเวลามาสนใจเรื่องอื่นได้อย่างไร

ชายหัวโล้นขุยเซินเป็นเพียงจักรพรรดิสามดารา พลังต่อสู้ของเขาไม่อาจอยู่ในสายตาของเฉินซี

ส่วนคนอื่น พวกเขาไม่มีค่าให้เหลือบแลด้วยซ้ำ

ภายใต้สายตาของทุกคน เฉินซีและหมิงยังคงเฉยชา ทำให้ขุยเซินเหมือนกับกำลังพูดคนเดียว เหตุนี้ทั้งแปลกประหลาดและน่าอับอายยิ่งนัก

ทั้งหมดนี้ทำให้ขุยเซินยิ่งเดือดดาลและขุ่นเคือง เขาจึงเอ่ยด้วยความเกรี้ยวกราดอีกครั้ง “สหาย นี่คือเหมืองเทวะครามล้ำ เจ้าบุกเข้ามาอย่างอุกอาจและยังสร้างหายนะอย่างร้ายแรง! หากยังยืนกรานทำตัวดื้อรั้นเช่นนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!”

หัวใจของผู้อื่นสั่นสะท้าน พวกเขาล้วนเห็นความเดือดดาลกับจิตสังหารจากขุยเซิน

แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจก็คือเฉินซีและหมิงยังคงทำเป็นหูหนวกไม่รู้ร้อนรู้หนาว

เมื่อเห็นเช่นนี้ ขุยเซินยิ่งมีท่าทีเย็นชา เขาโบกมือไปทางผู้คนรอบข้างแล้วตะโกนเสียงดัง “เข้าไปจับเป็นสองคนนี้พร้อมกัน!”

เขาเป็นฝ่ายลงมือก่อน ร่างซึ่งสูงสามจั้งและแข็งแกร่งราวกับเนินเต็มไปด้วยแสงสีทองเจิดจ้า

ตู้ม!

เขายื่นมือออกไปทั้งสองข้าง จากนั้นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปมาในฝ่ามือขณะแผ่กฎเกณฑ์วิถีศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนออกมาจนกลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึง จากนั้นจึงเข้าโจมตีเฉินซีและหมิง

ในตอนนี้ เฉินซีผู้ยังคงไม่เคลื่อนไหวเหมือนกับรูปปั้นก็ขยับในที่สุด

เขาดึงฝ่ามือที่วางบนบ่าของหมิงออกขณะยืนขึ้น จากนั้นดวงตาสีดำเข้มก็ลืมขึ้น จับจ้องไปทางขุยเซินอย่างเย็นชา

ดึงมือ ยืนขึ้น ลืมตา… การเคลื่อนไหวทั้งหมดประหนึ่งหมู่เมฆลำธารเคลื่อนคล้อย แม้เป็นธรรมชาติแต่ก็รวดเร็วและสมบูรณ์แบบในพริบตา

“ข้าให้โอกาสแล้ว แต่พวกเจ้ากลับไม่รักษาให้ดี ดูท่าว่าข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากส่งกลับเท่านั้น”

สิ้นเสียงเฉยชาและสงบ เฉินซีก็สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเขาราบเรียบไม่สะดุดตา

แต่ขุยเซินคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาด ดวงตาพลันปูดโปน แก้มบิดเบี้ยว แล้วทั่วร่างก็แข็งทื่อราวกับเผชิญกับบางสิ่งที่น่าสะพรึงยิ่ง

ตู้ม!

จากนั้น ร่างสูงสามจั้งก็ระเบิดเป็นหมอกโลหิต ย้อมห้วงอวกาศให้กลายเป็นสีแดงฉาน เกิดเป็นเหตุน่าเวทนายิ่ง

ตัวตนจักรพรรดิสามดาราที่เต็มไปด้วยความอวดดีถึงกับถูกกวาดล้างภายในหนึ่งกระบวนท่า!

เมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้กำลังจะลงมือพร้อมขุยเซินเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้านราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]