เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2078

บทที่ 2078 หลิ่นตง

………………..

บทที่ 2078 หลิ่นตง

ในไม่ช้า เฉินซีก็ค้นพบความเป็นเอกลักษณ์ของเหมืองเทวะครามล้ำ

มันเหมือนกับแดนดินอันไร้ขอบเขตที่ถูกปิดผนึกด้วยพลังงานอันหนาแน่นและทรงพลังของเต๋าสวรรค์ นั่นหมายความว่าถ้าเขาต้องการหลบหนีจากที่นี่ เขาก็จะต้องหาทางออก

แต่ทางออกอยู่ที่ไหนกัน?

เฉินซีได้ถามเย่เจ๋อเกี่ยวกับเรื่องนี้ระหว่างทาง และอีกฝ่ายได้บอกเฉินซีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังว่าเหมืองเทวะครามล้ำอาจมีทางออกมากมาย อย่างไรก็ตาม เท่าที่เขาทราบมา ทางออกที่ปลอดภัยเพียงทางเดียวนั้นถูกตั้งอยู่ที่สถานบ่มเพาะของหลิ่นตง จ้าวเอกภพเก้าดาราแห่งนิกายอำนาจเทวะ!

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เฉินซีก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ว่านั่นแหละทางออกของพวกเขา!

ในทางกลับกัน เย่เจ๋อเกือบเข่าทรุด เมื่อทราบการตัดสินใจของเฉินซี

มันเป็นสถานที่บ่มเพาะที่เป็นของจ้าวเอกภพเก้าดารา และยังเป็นฐานที่มั่นหลักของนิกายอำนาจเทวะซึ่งถูกปกป้องด้วยกองกำลังนับไม่ถ้วน แล้วการหลบหนีโดยใช้ทางออกนั้น มันจะแตกต่างอะไรกับการกระโดดเข้าปากเสือ?

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเย่เจ๋อไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของเฉินซีได้ ดังนั้นเขาจึงเลิกดิ้นรน และเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับยอมรับชะตากรรม หยุดอ้อนวอนและหยุดคร่ำครวญอีกต่อไป….

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีสงบสุขมากขึ้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่ดูหนักแน่นขนาดนี้ จะขี้ขลาดตาขาวปานนั้น

อันที่จริง เฉินซีตัดสินเย่เจ๋อผิดไป เพราะหากเป็นคนธรรมดา ๆ คนอื่นแทนเย่เจ๋อ คนคนนั้นก็คงทำแบบเดียวกัน

เพราะกองกำลังของนิกายอำนาจเทวะนั้นแข็งแกร่งเกินไป และยังมีมหาปุโรหิตชุดแดงที่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา ซึ่งจัดการดูแลที่นี่ ดังนั้นนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ส่วนใหญ่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะเข้าใจการตัดสินใจของเฉินซีที่จะล้างบางกองกำลังเช่นนี้

ไม่นานให้หลัง กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์จากนิกายอำนาจเทวะก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าที่นี่เป็นเหมืองแร่ และสามารถเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น และกำลังขุดแร่เหมือนแรงงานทาส

การมาถึงอย่างกะทันหันของเฉินซีและเย่เจ๋อ ได้ดึงดูดความสนใจของบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์จากนิกายอำนาจเทวะทันที

ฟึ่บ!

น่าเสียดายที่เฉินซีไม่ให้โอกาสพวกเขาได้เอ่ยแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มเงื้อกระบี่ขึ้น แล้วตวัดฟันขวางออกไปทันที

พายุโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณโดยรอบ สุญตาแหลกสลาย บรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์จากนิกายอำนาจเทวะไร้โอกาสได้ตอบโต้ ก็ถูกทำลายล้างด้วยหนึ่งกระบี่

หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้ เฉินซีก็ไม่ชะลอความเร็วแม้แต่น้อย ชายหนุ่มทะยานไปข้างหน้า แผ่กลิ่นอายดุร้ายและรุนแรงออกจากกาย ไร้สิ่งใดขวางกั้น

“สวรรค์!”

“ชายคนนั้นเป็นใครกัน? เขาสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ของนิกายอำนาจเทวะ นี่เขาอยากรนหาที่ตายมากขนาดนี้เลยหรือ?”

“มันผ่านมากี่ปีแล้ว? ในที่สุดคนบ้าที่กล้าต่อต้านนิกายอำนาจเทวะก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ตามไปดูกันเถอะ”

“ไปดูแล้วจะได้อะไร? อย่าลืมสิ บรรดาผู้ที่กล้าต่อต้านนิกายอำนาจเทวะล้วนถูกบดขยี้และตายตาไม่หลับไปชั่วนิรันดร์ไม่ใช่หรือ?”

“เฮ้อ นั่นก็เป็นเรื่องจริง ชะตากรรมของเราจบสิ้น ตั้งแต่ถูกจับและพามาที่เหมืองเทวะครามล้ำแล้ว ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์”

“แต่เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีหวัง แต่ไปดูสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร”

หลังจากที่กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์จากนิกายอำนาจเทวะถูกสังหาร มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้เยี่ยมยุทธ์ในพื้นที่นี้ทันที

เช่นเดียวกับสหายของเย่เจ๋อ พวกเขาก็ไล่ตามเฉินซีเช่นกัน เนื่องเพราะพวกเขาอยากรู้ว่าเฉินซีจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากมายถึงเพียงใด และเฉินซีจะถูกบดขยี้เหมือนผู้คนเหล่านั้นในอดีตหรือไม่

หนึ่งชั่วยามต่อมา

เฉินซีจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสังหารคนของนิกายอำนาจเทวะไปกี่คนในตลอดทางที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้ที่เผชิญหน้ากับเขาล้วนจะต้องตายอย่างแน่นอน

ในขณะนี้ เขาเป็นเหมือนสว่านที่แหลมคม ไร้ผู้ต่อต้าน ก่อพายุนองเลือดและความโกลาหลตลอดทาง

เฉินซีเกลียดชังนิกายอำนาจเทวะเข้ากระดูกดำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะไว้ชีวิตพวกเขา และถ้าหากวันนี้เขาไม่ได้กำจัดนิกายอำนาจเทวะ คงเป็นสิ่งที่ไม่อาจอภัยให้ตัวเองได้

เพราะนิกายอำนาจเทวะได้วางแผนกำจัดเขามาหลายต่อหลายครั้งในตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมันทำให้เขาได้รับอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ หากไม่ได้ล้างบางพวกมันด้วยเลือด!

ขณะที่เฉินซีพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน ความสงบทั่วทั้งเหมืองเทวะครามล้ำก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

ผู้เยี่ยมยุทธ์ของนิกายอำนาจเทวะที่ยืนเฝ้าเหมือง ล้วนตระหนักดีว่ามีคนตั้งใจที่จะแข็งข้อ และต่อต้านพวกเขาอีกครั้ง

ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา ความวุ่นวายที่สร้างขึ้นโดยบุคคลนี้ กลับลุกลามใหญ่โต ยาวนานถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม และไม่มีที่ท่าว่าจะสงบในเร็ว ๆ นี้

นั่นค่อนข้างผิดปกติ

“รีบรายงานเรื่องนี้แก่ท่านหลิ่นตงด่วน!”

“นอกจากนี้ รวบรวมกองกำลังทั้งหมดของเราทั่วทั้งเหมือง ให้มารวมตัวกัน!”

กระดาษเปล่านั้นละเอียดและเรียบเนียน อีกทั้งยังทำมาจากหนังของเทพ แน่นอนว่ามันถูกถลกออกมาจากผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านั้นเช่นกัน!

เลือดของเทพเป็นหมึก และผิวหนังเป็นกระดาษ มันเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ทว่าหลิ่นตงยังคงสงบราวกับว่าคุ้นเคยกับสิ่งนี้และเพลิดเพลินไปกับมัน

ใบหน้าของเขาประณีตและหล่อเหลา คิ้วที่เฉียงดุจกระบี่ ดวงตาพร่างพราวด้วยดวงดาว ริมฝีปากสีแดง ฟันขาวดั่งหิมะ และผมสีดำสนิทดุจหมึก แม้ว่าเขาจะสวมเสื้อคลุมสีแดงเลือด แต่ร่างกายปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของบัณฑิตผู้ประณีต

หากไม่รู้จักเขา ใคร ๆ ก็คงคิดว่าหลิ่นตงเป็นบัณฑิตที่ได้รับการขัดเกลาและมีความรู้แตกฉานในด้านวรรณกรรมและคัมภีร์

อย่างไรก็ตาม คนที่รู้จักเขาอย่างแท้จริงก็ตระหนักดีว่า เขาเป็นปีศาจเลือดเย็นและไร้ความปรานีที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา!

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ขณะที่หลิ่นตงขยับปลายพู่กัน ก็มีคำสีแดงเข้มเรียงเป็นแถวปรากฏขึ้นบน ‘กระดาษที่ทำจากผิวหนัง’…

“อัสนีแห่งสวรรค์พิโรธได้จุติลงมาจากท้องฟ้าเมื่อค่ำคืนนี้ และมันเป็นเหตุการณ์ที่หายากจริง ๆ ตามที่บริวารของข้ากล่าวไว้ มันควรจะเป็นการกำเนิดของสมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้….”

ทันใดนั้น พู่กันของหลิ่นตงก็หยุดนิ่ง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว หรืออาจจะเป็น? แต่พวกเขายังคงไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคืออะไร

หลิ่นตงไม่ชอบคำตอบที่คลุมเครือ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญหรือเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เขาต้องการคำตอบที่แม่นยำและถูกต้องที่สุด!

เป็นเพราะทัศนคติที่พิถีพิถันอย่างมาก ทำให้หลิ่นตงรู้สึกถึงการควบคุมที่สมบูรณ์ และเขาไม่สามารถทนต่อความไม่แน่นอนใด ๆ ได้

“ดูเหมือนว่าข้าจะผ่อนปรนกับบริวารมากเกินไป….” หลิ่นตงวางพู่กันลงบนโต๊ะ แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นเขาก็หันหลังเดินไปด้านข้าง มีชั้นหนังสือตั้งอยู่ที่นั่น และมีผิวหนังหลายชิ้นที่เขาเขียนไว้

เนื้อหาของผิวหนังเหล่านั้นเรียบง่ายมาก มันเป็นบันทึกของการเปลี่ยนแปลงในกฎและระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์เหนือเหมืองเทวะครามล้ำ เขาได้บันทึกทุกการเปลี่ยนแปลงไว้ในนั้น

นี่เป็นคำขอของปรมาจารย์นิกายอำนาจเทวะ และเขาได้ทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ถูกส่งไปยังเหมืองเทวะครามล้ำแห่งนี้

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดปรมาจารย์ของนิกายอำนาจเทวะจึงร้องขอเช่นนั้น แต่เขาไม่กล้าขัดต่อเจตจำนงของประมุขนิกาย ดังนั้นเขาจึงทำสิ่งนี้อย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี แม้ว่ามันจะน่าเบื่อก็ตาม

“ข้าต้องส่งข่าวการเปลี่ยนแปลงในเต๋าแห่งสวรรค์ครั้งล่าสุดไปยังประมุขนิกายพรุ่งนี้….” หลิ่นตงพึมพำขณะที่เขาถอนสายตาจากชั้นหนังสือ

ในขณะนี้ คลื่นเสียงฝีเท้าอันรวดเร็วดังก้องมาจากด้านนอกตำหนัก และจากนั้นก็มีเสียงกังวานเข้ามาข้างใน….

“นายท่าน คนบ้าอีกคนที่ฝ่าฝืนกฎและตั้งใจที่จะหลบหนีได้ปรากฏตัวในเหมืองขอรับ!”

หลิ่นตงขมวดคิ้วฉับ จากนั้นเขาก็กล่าวช้า ๆ “ดูเหมือนข้าจะผ่อนปรนต่อพวกเจ้ามากเกินไปสินะ เจ้าต้องรายงานเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ให้ข้าด้วยเหรอ? ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ!”

เสียงของเขาอ่อนโยนและสงบ แต่กลับแฝงความเย็นชาที่กระทบขั้วหัวใจ!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]