เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2079

บทที่ 2079 เผชิญศัตรูแกร่งกล้า

………………..

บทที่ 2079 เผชิญศัตรูแกร่งกล้า

หวด!

ปราณกระบี่พุ่งไปรอบ ๆ ประหนึ่งอสนีบาต และบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า!

ขณะที่เฉินซีมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พื้นที่อันกว้างใหญ่ถูกบดขยี้เป็นผุยผงและกลายเป็นพื้นที่รกร้าง ผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าของนิกายอำนาจเทวะถูกสังหารสิ้น ไม่มีโอกาสตอบโต้แม้เพียงครั้ง

ชุดสีเขียวปลิวไสวไปพร้อมกับผมสีดำสนิท สีหน้าสงบและไม่แยแส ดวงตาลึกล้ำดุจหุบเหวลึกสองแห่งไม่เผยให้เห็นแม้แต่ร่องรอยของอารมณ์

เขาเป็นเหมือนยมทูตที่โผล่ออกมาจากขุมนรกอันไร้ขอบเขต ทุกที่ที่ผ่านไปจะเกิดพายุโลหิตที่สาดกระเซ็น และการทำลายล้าง!

เสียงคำรามของยันต์ศัสตราดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ทั้งฟังดูกระหายเลือดและบ้าคลั่งถึงขีดสุด

ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

ไม่มีเลือดร้อนระอุที่พลุ่งพล่านหรือเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซียังคงเงียบสนิท เย็นชาราวกับกระบี่ที่สร้างจากน้ำแข็ง เข่นฆ่าอย่างต่อเนื่อง

แค่ชายคนหนึ่งและกระบี่หนึ่งเล่ม ก็ทำให้เกิดการนองเลือดอันน่าสยดสยอง!

ตอนนี้เฉินซีแข็งแกร่งแค่ไหน?

แม้แต่เขาก็ไม่รู้คำตอบนั้น

เพราะความแข็งแกร่งของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดหลายสิบปีนี้ และมันพัฒนาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเมื่อก่อนมาก

เขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตจ้าวเอกภพหกดารา ในขณะอยู่ในตระกูลเฉินที่แดนมารดากำเนิดบรรพ์ แต่ตอนนี้เขาเป็นจ้าวเอกภพแปดดารา และการเปลี่ยนแปลงมากมายนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่สิบปี!

ความสามารถในการบรรลุเป้าหมายนี้ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการสำหรับจ้าวเอกภพคนใดจะจินตนาการถึง!

ถึงขนาดที่อัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้เช่นเฉินซีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในขอบเขตจ้าวเอกภพ ก็ไม่สามารถพบได้ในตลอดบันทึกประวัติศาสตร์

หรือบางทีความเร็วของความก้าวหน้าของเฉินซี อาจเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน!

ท้ายที่สุดแล้ว ความก้าวหน้าในแต่ละครั้งของขอบเขตจ้าวเอกภพนั้นยากกว่าขอบเขตใด ๆ หากเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดาคนอื่น ๆ ก็อาจอธิบายได้ว่าน่าประหลาดใจ หากสามารถก้าวไปสู่ระดับเดียวได้ภายในพันปี แม้แต่ผู้ที่ก้าวหน้าทุก ๆ หมื่นปีก็ยังถือว่ามีความโดดเด่น

แต่… เฉินซีใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบปี และเขาก็บรรลุได้ถึงสองขอบเขตติดต่อกัน!

เรื่องนี้จะไม่ทำให้ตกใจได้อย่างไร?

สาเหตุนี้ไม่ใช่สิ่งใดอื่น นอกจากตราประทับยุคสมัยและพลังต้นกำเนิด

การทำความเข้าใจ ขัดเกลา และดูดซับมรดกของอารยธรรมในทุก ๆ ตราประทับยุคสมัย สามารถทำให้การบ่มเพาะของเฉินซีได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยไม่เผชิญกับอุปสรรคใด ๆ

โชคลาภที่พิเศษและเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะคนอื่นไม่สามารถครอบครองได้อย่างสิ้นเชิง

ตัวอย่างเช่นเฉินซีได้เข้าใจ ขัดเกลา และดูดซับผนึกจ้าววิญญาณ ผนึกยุทธ์ และผนึกมายา นอกจากนี้ยังมีตราประทับยุคสมัยอีกห้าอันที่อยู่ภายในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่เขายังไม่ได้ใช้

นอกจากนั้น สามปีที่เขาได้ผจญอยู่ในโลกต้นกำเนิด ทำให้เขาได้รับแก่นแท้ของพลังต้นกำเนิด หลังจากที่หลอมรวมแก่นพลังต้นกำเนิดนี้เข้ากับพลังภายในร่าง มันทำให้การบ่มเพาะทะลวงอีกครั้ง และบรรลุขอบเขตจ้าวเอกภพแปดดารา

แน่นอนว่าการหลอมรวมกับพลังต้นกำเนิดไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น มันให้ประโยชน์มากมายแก่การบ่มเพาะของเฉินซีในแง่ของดวงจิตแห่งเต๋า การขัดเกลากายา ดวงวิญญาณ และอื่น ๆ มันทำให้เฉินซีประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมและน่าตกใจ

ดังนั้นเมื่อเขาประสบกับความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ แม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน!

เมื่อไตร่ตรองแล้ว ในขณะที่เขายังอยู่ที่ขอบเขตจ้าวเอกภพหกดาราเมื่อหลายปีก่อน เฉินซีได้อาศัยเคล็ดระเบิดสังหารเทวะเพื่อเอาชนะเฉินชิวสุ่ยและเฉินเซียวอวิ๋น ผู้เป็นจ้าวเอกภพแปดดารา จากนั้นเขาก็ได้ต่อสู้กับจ้าวเอกภพเก้าดาราอย่างเฉินเต้าหยวนได้อย่างทัดเทียม

แต่ตอนนี้ เขามีการบ่มเพาะที่ขอบเขตจ้าวเอกภพแปดดารา ดังนั้นพลังฝีมือของเขาจะน่ากลัวขนาดไหน?

จิตใจของเย่เจ๋อว่างเปล่า

เฉินซีหิ้วเขามาตลอดทาง และมันทำให้เขาเสียใจมาก แต่ไม่สามารถดิ้นรนให้เป็นอิสระได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเฉินซีฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดด้วยพลังที่ไร้เทียมทาน เขาก็ตกใจมากจนไม่ต้องกังวลกับความเสียใจที่ตนรู้สึก

เขานึกภาพไม่ออกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ของนิกายอำนาจเทวะที่โดยปกติแล้วมีพลังที่น่าเกรงขาม กลับดูอ่อนแอขนาดนี้ได้อย่างไร พวกมันเป็นเหมือนพืชผลสุกงอมที่ถูกเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย

ในฐานะผู้สืบเชื้อสายของตระกูลนิรันดร์อย่างตระกูลเย่ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ซึ่งมีความสำเร็จในการต่อสู้ เย่เจ๋อย่อมตระหนักดีว่าไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์ของนิกายอำนาจเทวะที่อ่อนแอ แต่เป็นเพราะพลังฝีมือของเฉินซีนั้นน่ากลัวเกินไปอย่างแท้จริง

พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย!

แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เย่เจ๋อตกใจจนถึงจุดที่จิตใจว่างเปล่า สาเหตุที่แท้จริง คือผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่กองกำลังของนิกายอำนาจเทวะไม่สามารถบดขยี้เฉินซีได้ แม้แต่ชะลอฝีเท้าก็ยังทำไม่ได้

นั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริง ๆ!

ตามความรู้ของเย่เจ๋อ ในบรรดาผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่ตั้งใจจะหลบหนีจากเหมืองเทวะครามล้ำเช่นเฉินซี ผู้บ่มเพาะที่ยืนหยัดได้นานที่สุดก็เพียงสามเค่อ ก่อนที่เขาจะถูกบดขยี้ลง

บุคคลนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บ่มเพาะที่มีโอกาสดีที่สุดในการหลบหนีจากเหมืองเทวะครามล้ำในตลอดหน้าประวัติศาสตร์ น่าเสียดายที่เขายังต้องตกตาย

ทว่าบัดนี้ เฉินซียืนหยัดมานานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว และแม้กระทั่งกวาดล้างอุปสรรคทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยซ้ำ แล้วจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร?

เย่เจ๋อคิดในใจ หรือคนผู้นี้จะมีโอกาสบุกฝ่าจนออกจากที่นี่และหลบหนีได้จริง ๆ?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่เจ๋อคิดถึงหลิ่นตง จ้าวเอกภพเก้าดาราที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หลักของเหมือง ร่องรอยของความหวังที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาก็ดับมอดลงทันควัน ใบหน้าหมองลงทันตา

ในขณะนี้ ความคิดเดียวได้เกิดขึ้นในใจของพวกเขา คือชายคนนั้นอาจถึงวาระสุดท้ายแล้ว!

บนพื้นที่กว้างขวางอันไร้ขอบเขต ไม่มีภูเขาหรือลำธาร มีเพียงพื้นที่มืดมิดและรกร้างเท่านั้น

สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นพื้นที่หลักของเหมือง และตามข้อมูลที่เย่เจ๋อบอกเฉินซี ตำหนักของหลิ่นตงก็ตั้งอยู่ภายในพื้นที่นี้

หากเฉินซีต้องการออกจากเหมือง เขาก็ต้องฝ่าเข้าไปในตำหนัก จากนั้นก็สังหารหลิ่นตง แล้วใช้ทางออกที่ปลอดภัยซึ่งนำไปสู่โลกภายนอก

ฝีเท้าของเฉินซีหยุดชั่วขณะหนึ่ง เมื่อเขามาถึงที่นี่ ดวงตาสีดำของเขากวาดราวกับสายฟ้าไปยังบรรดามหาปุโรหิตชุดแดง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ารออยู่ที่นี่มานานแล้ว

ในขณะนี้ เย่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตการแสดงออกของเฉินซีอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตเห็นว่าเฉินซียังคงสงบและไม่แยแสเหมือนเช่นเคย ราวกับว่าเฉินซีไม่มีอารมณ์ใด ๆ ประหนึ่งเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ความรู้สึก

เย่เจ๋อรู้สึกมึนงงในใจ กองกำลังที่แท้จริงได้มาถึงแล้ว แต่คนผู้นี้ยังรักษาความสงบเช่นนี้ได้อย่างไร?

เขาไม่กลัวตายเหรอ?

ฟึ่บ!

เย่เจ๋อไม่มีเวลาแม้แต่จะหายตกใจ เมื่อร่างของเฉินซีเริ่มขยับอีกครั้งและพุ่งปราดไปข้างหน้า

เขาบุกฝ่าเพียงลำพัง และยังหิ้วคนที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยไว้ในมือซ้ายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นอันตรายที่อยู่ข้างหน้า และพุ่งต่อไป

เหตุนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ด้านหลังตกตะลึงทันที “คนผู้นี้ไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยเหรอ?”

“น่าสนใจ”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าคนนี้”

“มันฆ่าพวกเราไปหลายคนแล้ว ดังนั้นเราจะต้องฆ่ามันให้เร็วที่สุด”

“ใช่แล้ว บางทีเราอาจถลกเส้นเอ็นและผิวหนัง แล้วขังดวงวิญญาณของมันไว้ท่ามกลางวายุุมิตินภา เพื่อให้มันทุกข์ทรมานจากการถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ ด้วยวิธีนี้ เราจะสามารถเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นแบบอย่าง และย้ำเตือนสติพวกทาสคนอื่น ๆ ด้วย”

เมื่อเห็นร่างของเฉินซีปรากฏขึ้นที่นี่ ดวงตาของมหาปุโรหิตชุดแดงก็หรี่ลง พวกมันต่างเผยให้เห็นถึงความเยือกเย็นและจิตสังหารที่ไม่ปิดบัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าเฉินซีพุ่งเข้ามาหาพวกมันโดยไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว มันยิ่งทำให้สีหน้าของพวกมันเย็นชาขึ้น

นี่เป็นเหมือนการยั่วยุ และดูถูกพวกมันอย่างรุนแรง!

เจ้าคนนี้กำลังรนหาที่ตายจริง ๆ!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]