บทที่ 2102 การสนทนาลับ
………………..
บทที่ 2102 การสนทนาลับ
ณ ค่ายเขี้ยวดำ
ผู้เข้าร่วมจำนวนมากได้ออกเดินทางและเข้าไปในเส้นทางลับ ซึ่งนำไปสู่แหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า
มีเพียงชื่อฉู่เกอเท่านั้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น พลางเช็ดหอกเพลิงโลหิตย้อมนภาอย่างอ่อนโยน หอกโบราณดูเหมือนราวกับว่ามันถูกแช่อยู่ในเลือดของทวยเทพ เต็มไปด้วยแสงสีแดงเข้ม ในขณะที่มองเห็นจุดสีแดงเลือดที่ปลายของมัน ทำให้ดูเหมือนดวงตาสีแดงโลหิตที่ปรารถนาจะดื่มเลือด
รูปร่างของชื่อฉู่เกอผ่ายผอม แต่สูงโปร่ง หล่อเหลา สง่างามดุจมังกรและวิหคอมตะ ประหนึ่งภูเขาและสายน้ำอันงดงามกว้างใหญ่ ปกคลุมไปด้วยจิตวิญญาณของฟ้าดิน ดูเหินห่างจากโลกมนุษย์ อย่างที่ไม่มีใครเทียบได้
ทว่ายามนี้ดวงตาคู่นั้นกลับทอประกายด้วยการไตร่ตรองที่หาได้ยาก
เขาเกลียดความรู้สึกเช่นนี้ เพราะเขาคุ้นเคยกับการบ่มเพาะ เข่นฆ่า และเช็ดคราบเลือดจากหอกของตนมาตลอด
นอกจากนั้น เขาไม่แยแสกับสิ่งอื่นใด
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไตร่ตรองซ้ำ ๆ
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ?” เสียงอันอ่อนโยนดังขึ้น ชายชราร่างสูงปรากฏตัวต่อหน้าปราการสีดำที่พวกเขาถือว่าเป็นที่ตั้งค่าย
ชายชรามีท่าทางที่เป็นมิตร ร่างกายของเขาเปล่งรัศมีที่สะอาดและบริสุทธิ์หนาแน่น เหมือนแสงที่ทำให้โลกสว่างไสวแต่ไม่พร่างพราว เจือกระแสอบอุ่น
ชื่อฉู่เกอไม่จำเป็นต้องหันกลับไปก็รู้ว่านี่คือข้ารับใช้เต๋าอันดับสาม มหาเทพเต๋าอาโลกะ
“ฆ่าหรือรุกหน้า” ชื่อฉู่เกอกล่าวอย่างใจเย็น เขาไม่เคยเสียเวลา และไม่เคยปิดบังสภาพจิตใจของตัวเอง ท่าทางของเขาเหมือนกับหอกเพลิงโลหิตย้อมนภา ตรงไปตรงมาและมุ่งไปข้างหน้าด้วยความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คำกล่าวเหล่านี้ดูเหมือนจะเข้าใจได้ยาก แต่ข้ารับใช้เต๋าอันดับสามกลับเข้าใจมัน และคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มันเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ”
ชื่อฉู่เกอเม้มริมฝีปากเงียบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้น แล้วสะพายหอกเพลิงโลหิตย้อมนภาไว้บนหลัง
“จะไปแล้วหรือ?” รอยยิ้มของข้ารับใช้เต๋าอันดับสามยังคงอบอุ่น
“ใช่” ชื่อฉู่เกอพยักหน้า
“เจ้าตัดสินใจหรือยัง?”
“ไม่”
“บางทีข้าอาจให้คำแนะนำแก่เจ้าได้” ข้ารับใช้เต๋าอันดับสามกล่าวด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า หากผู้เข้าร่วมคนอื่นได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ดวงตาของพวกเขาจะต้องแดงก่ำเพราะความอิจฉาอย่างแน่นอน เพราะเป็นมหาเทพเต๋าอาโลกะผู้ซึ่งได้รับอันดับสามในบรรดาสิบสามข้ารับใช้เต๋า เขาได้ปกป้องภูเขาผนึกเทพมานับครั้งไม่ถ้วน ประกอบกับมีสติปัญญาและความแข็งแกร่งที่ไม่อาจจินตนาการได้
นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการชี้แนะจากร่างที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้
แต่ปรากฎว่าชื่อฉู่เกอกลับตอบปฏิเสธโดยไม่ไตร่ตรองใด ๆ “ไม่จำเป็น ข้าจะตัดสินใจเลือกหนทางของข้าเอง”
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังประตูลึกลับที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงที่หายเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็ว
“จักรพรรดิสวรรค์อีกคนหนึ่งจะถือกำเนิดขึ้น หากเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ แต่หากผู้ช่วงชิงพบเขาละก็…. ฮ่า ๆ…. ช่างน่าสนใจยิ่งนัก” ข้ารับใช้เต๋าอันดับสามจ้องมองไปที่ประตูที่ชื่อฉู่เกอเข้าไปอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาก็ยิ้มและหายตัวไปภายในปราการสีดำ
…
ณ ค่ายช่องเขาสดับ
เสียงหอนดังก้องประหนึ่งมหาสมุทรที่กวาดไปในอากาศ จากนั้นสีหน้าของผู้เข้าร่วมทั้งหมดก็เปลี่ยนไป พร้อมกับหลบไปข้างหลัง
แม้จะดูธรรมดา แต่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเขานั้นกว้างใหญ่และทรงพลังราวกับมหาสมุทร มันทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่อาจสั่นคลอน
หลังจากที่เขาหายตัวไปภายในเส้นทางลับ เสียงที่ดังก้องไปทั่วโลกก็สงบลงในที่สุด แต่ผู้เข้าร่วมทั้งหมดยังคงหวาดกลัวเล็กน้อย
“เป่ยหมิงชางไห่ ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!” ร่างสูงอายุที่ยืนอยู่หน้าป้อมถอนหายใจด้วยความชื่นชม เขามีดวงตาขุ่นมัวและใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย แท้จริงแล้วเขาคือปุโรหิตชุดแดงแห่งนิกายอำนาจเทวะ ซูถัว!
“ไข่มุกมหาสมุทรคราม เป็นศิลารากฐานที่ปราบปรามระเบียบความชั่วร้ายที่อยู่ภายในความโกลาหลเมื่อครั้งอดีต เนื่องจากเขาสามารถได้รับการยอมรับจากไข่มุกมหาสมุทรครามจึงเห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเขานั้นพิเศษเพียงใด”
ทันใดนั้นชายชราเสื้อคลุมสีเทาก็ปรากฏตัวต่อหน้าป้อม เบ้าตาของเขาจมลึกเข้าไปในกะโหลกศีรษะ ในขณะเดียวกัน ใบหน้าเรียวเล็กก็ดูเรียบเนียนและใสกระจ่าง แต่กลับแผ่กลิ่นอายของความผันผวนแห่งชีวิตออกมาทิ่มแทงใบหน้า
เขาเป็นข้ารับใช้เต๋าอันดับสอง ที่ถูกเรียกว่ามหาเทพเต๋ากาลวัฏ!
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ซูถัวถอนสายตาออกเมื่อสังเกตเห็นการมาถึงของข้ารับใช้เต๋าอันดับสอง และกล่าวอย่างเป็นกันเอง
ใบหน้าของซูถัวยังคงไร้ความรู้สึกขณะกล่าว “สองคนนั้นไม่น่ากังวลหรอก แต่ข้ากังวลเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมจากห้าตระกูลระดับสูงต่างหาก”
ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองครุ่นคิด “ประมุขนิกายอำนาจเทวะเป็นคนฝึกพวกเขาด้วยตัวเอง แต่เจ้ายังคิดว่าไม่พออีกหรือ ผู้ช่วงชิงของเจ้าจะแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถต่อต้านได้เชียวหรือ?”
มุมปากของซูถัวกระตุกยิก แล้วถอนหายใจออกมายาวแรง “เจ้าเด็กนั่นเป็นตัวแปรที่ไม่สามารถตัดสินได้ตามสามัญสำนึกจริง ๆ ข้าไล่ล่ามันมาหลายปี แต่สุดท้ายมันก็หลบหนีไปได้ทุกครั้ง”
ในที่สุดข้ารับใช้เต๋าอันดับสองพลันหวั่นไหว แล้วพยักหน้า “เขาเป็นคนพิเศษจริง ๆ”
ซูถัวแค่นเสียงเย็น “เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดาเท่านั้น มันยังมีแผนภาพวารีหลากและพลังสังสารวัฏ และยังเป็นบุคคลเดียวที่สามารถออกจากประตูแห่งวันโลกาวินาศมาได้ เจ้าคิดว่าเขาจะเป็นผู้ช่วงชิงธรรมดา ๆ หรือ? แม้แต่ปรมาจารย์แห่งยุคหมานกู่ และปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ฝูซีก็ยังไม่มีความลับต้องห้ามมากเท่ากับเจ้าเด็กนั้นเลย!”
ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองดูเหมือนเขาจะทราบเรื่องนี้ดี ทว่ากลับยังคงท่าทีสงบไม่เสื่อมคลาย “บนภูเขาผนึกเทพ คนอย่างเขาไม่สามารถสร้างปัญหาได้หรอก”
เพียงคำกล่าวเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก็แสดงให้เห็นว่าข้ารับใช้เต๋าอันดับสองดูถูกเฉินซีมากเพียงใด
สิ่งนี้ทำให้ซูถัวรู้สึกอึดอัดโดยไม่มีเหตุผล หากเจ้าเฉินซีอ่อนแอมาก แล้วทำไมข้าจะต้องเดินทางไปที่ภูเขาผนึกเทพด้วยตัวเองด้วยไม่ทราบ?
ทันใดนั้น ซูถัวก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ พลันกล่าวขึ้น “ข้าลืมบอกเจ้าบางอย่าง บิดาของมันคือเฉินหลิงจวิน”
แค่ได้ยินชื่อของเฉินหลิงจวิน ก็ทำให้ใบหน้าของข้ารับใช้เต๋าอันดับสองเปลี่ยนน่ากลัว แม้ว่ามันจะกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว แต่ซูถัวก็ยังสังเกตเห็นมัน และลอบหัวเราะเสียงเย็น
เขาตระหนักดีว่า เฉินหลิงจวินไม่สามารถถูกมองว่าเป็นคนที่น่าเกรงขามเลย เมื่อครั้งที่เฉินหลิงจวินเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถีเมื่อหลายปีก่อน แต่ปรากฏว่าชายคนนี้ได้คว้าสมบัติล้ำค่าจากภูเขาผนึกเทพ และมันทำให้เต๋าแห่งสวรรค์โกรธแค้นจนถึงขั้นที่มหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธผู้น่าสะพรึงกลัวถูกส่งลงมาเพื่อลงโทษ
การขโมยสมบัติล้ำค่าดังกล่าวทำให้สิบสามข้ารับใช้เต๋ารู้สึกอับอายอย่างมาก น่าเสียดายที่เฉินหลิงจวินกลับชาติมาเกิดใหม่ ก่อนที่พวกเขาจะแก้แค้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ดันกลับชาติมาเกิดภายในสามภพ และเป็นสถานที่ที่พวกเขาไม่สามารถแตะต้องได้
เหตุการณ์นี้จึงเป็นดั่งแผลใจที่ไม่อาจรักษาได้ บัดนี้คำพูดของซูถัวได้จิ้มย้ำไปบนแผลนั้น มันจึงทำให้ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองรู้สึกอึดอัดใจเป็นธรรมดา
หลังจากนั้นไม่นาน ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองก็กล่าวด้วยเสียงทุ้มหนัก “ดูเหมือนว่าเราจะไม่อาจปล่อยให้เจ้าเด็กสารเลวนั้นรอดได้เป็นอันขาด”
ซูถัวแสยะยิ้มทันที นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการได้ยิน!
หลังจากนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ และขมวดคิ้วมุ่น “เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าผู้เข้าร่วมจากห้าตระกูลระดับสูงนั้นเชื่อถือได้หรือไม่”
ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ได้ติดต่อพวกเขาด้วยตัวเองหรอกเหรอ? หรือว่าแม้แต่ตัวเจ้าก็ไม่สามารถยืนยันได้?”
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...