เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2103

บทที่ 2103 เต๋าอู๋ซวง

………………..

บทที่ 2103 เต๋าอู๋ซวง

ใบหน้าของซูถัวมืดมนเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กล่าวเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้ารู้สึกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างระหว่างพวกเขาทั้งห้าอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่า… พวกเขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลสักเท่าไหร่”

ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองกล่าวบางอย่างด้วยคำพูดที่ยั่วยุเพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้ “เหตุผลที่คนหนุ่มสาวสามารถพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งบนมหาวิถีแห่งเต๋า และสร้างหนทางไปสู่อนาคตได้นั้น ก็เพราะพวกเขาไม่เคยฟังคนแก่ ๆ อย่างเราเลยนี่แหละ”

ใบหน้าของซูถัวยิ่งมืดมน “ในความคิดของข้า ผู้ที่ไม่เชื่อฟังจะถูกเต๋าแห่งสวรรค์ทอดทิ้งไปชั่วนิรันดร์!”

ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้ากังวลมากนัก ทำไมเจ้าไม่ฆ่าเขาก่อนหน้านี้ เหตุใดจึงยอมให้เขาเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี?”

ซูถัวแค่นเสียงเย็น “การตัดสินใจนี้มาจากท่านประมุข มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถตั้งคำถามหรือเปลี่ยนแปลงได้!”

มันเป็นการตัดสินใจของประมุขนิกายอำนาจเทวะ…. คลื่นแห่งความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของข้ารับใช้เต๋าอันดับสอง จากนั้นเขาก็เงียบลง

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เขาก็ยกยิ้ม “ตามความรู้ของข้า หนึ่งในผู้ที่เจ้าพามาเข้าร่วมในการต่อสู้คือเหลิ่งซิงหุน แล้วหญิงสาวอีกคนคือผู้ใดกัน?”

ซูถัวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “แซ่ของนางคือ… เต๋า”

เต๋า!

มันเป็นเรื่องต้องห้ามที่จะใช้คำว่า ‘เต๋า’ เป็นชื่อแซ่!

ตามที่ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองกล่าว มีคนประเภทเดียวในโลกนี้ที่สามารถเพลิดเพลินกับชื่อแซ่ที่สูงส่งเช่นนี้ได้ และนั่นคือ….

เมื่อเขาคิดมาถึงจุดนี้ ข้ารับใช้เต๋าอันดับสองก็หยุดความคิดของตน และไม่กล้าที่จะคิดต่อไปตามแนวทางความคิดนี้ เนื่องเพราะมันเป็นสิ่งต้องห้าม และเป็นการดูหมิ่นต่ออำนาจสูงสุด!

อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ท่าทางที่ซับซ้อนซึ่งหาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ข้าสงสัยว่าประมุขนิกายอำนาจเทวะนั้นถูกหรือผิดที่ทำเช่นนั้น”

ซูถัวหัวเราะเบา ๆ “รอดูไปก่อน”

ณ ค่ายดาวเหนือ

พรวด!

แสงสีแดงเลือดเปล่งประกาย ก่อนที่ร่างอันใหญ่โตของผู้เข้าร่วมจะล้มลงกับพื้น ดวงตาของเขาโปนออกมา ลำคอบิดในลักษณะพิลึกพิลั่น และสิ้นใจตายที่ตรงนั้น

เสียงอุทานดังก้องไปทั่ว เมื่อผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่อยู่รอบข้างเคลื่อนตัวออกไปติดต่อกัน เกิดเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ มีชายคนหนึ่งที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งเป็นศูนย์กลาง

เขามีรูปร่างหน้าตาสง่า จนหญิงงามดูหมองหม่นเมื่อเปรียบเทียบกัน เรือนผมปลิวไปตามสายลมราวกับกระแสน้ำสีเงิน

กลิ่นอายฆ่าฟันและนองเลือดอบอวลไปทั่วทิศ ยิ่งไปกว่านั้น เหตุน่าสะพรึงกลัวของภูเขาซากศพ มหาสมุทรเลือด และโครงกระดูกอันน่าสยดสยองก็ปรากฏขึ้นรอบตัว

เสาที่มีธงสีแดงเลือดโบกสะมัดอยู่ในมือ เผยอำนาจกลิ่นอายที่ไม่ยอมสยบและสง่างาม

“นี่เป็นผลจากการขวางทางข้า!” ชายผมสีเงินกล่าวเบา ๆ แต่กลับดังก้องราวกับเสียงฟ้าคำราม และทำให้สีหน้าของผู้เข้าร่วมที่อยู่ใกล้เคียงเปลี่ยนไป

ตุบ!

ชายผมสีเงินกระทืบผืนดินด้วยปลายเท้า จากนั้นเขาก็ทะยานไปบนท้องฟ้าราวกับสว่านอาบเลือด และหายตัวไปหลังประตูบนท้องฟ้าทันที

แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่บรรยากาศนองเลือดยังคงอวลอยู่ในอากาศ

นอกจากความรู้สึกตกตะลึงและขุ่นเคืองแล้ว หัวใจของผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ก็หนาวเยือก ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่ศพของผู้เข้าร่วมที่เสียชีวิต ณ จุดนั้น

เซี่ยรั่วยวน!

จ้าวเอกภพเก้าดาราอันดับหนึ่งจากตระกูลเซี่ย เป็นเพียงปีศาจที่ไม่อาจควบคุม ซึ่งมีอารมณ์ไม่แน่นอน!

ท้ายที่สุดแล้ว คนคนนั้นแค่อยากจะเข้าสู่แหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าก่อนหน้าเซี่ยรั่วยวน แต่เขากลับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ และสังหารคนคนนั้น ด้วยวิธีโหดเหี้ยม

อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนคิดถึงต้นกำเนิดของเขา รวมถึงวิธีการที่อำมหิตของเขา ผู้เข้าร่วมทุกคนก็ไม่กล้าที่จะกล่าวออกมาแล้ว นอกจากนั้นยังคิดเป็นเสียงเดียวกันด้วยว่า อยากพินาศด้วยน้ำมือของผู้รุกรานเต๋ามากกว่าต่อสู้กับเซี่ยรั่วยวน!

เหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และผู้เข้าร่วมทุกคนก็จากไปตามลำดับ

เมื่อทั้งหมดหายไปแล้ว ชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินออกมาจากปราการใกล้เคียง

ชายคนนั้นสูงโปร่ง สีหน้าเย็นชาและภาคภูมิ เขาคือเหลิ่งซิงหุนแห่งนิกายอำนาจเทวะ

เช่นเดียวกับที่อู๋เซวี่ยฉานได้อนุมานไว้ เหลิ่งซิงหุนคนปัจจุบันไม่ใช่เหลิ่งซิงหุนในอดีต เขาเป็นตัวตนซึ่งปรมาจารย์นิกายอำนาจเทวะได้ใช้เคล็ดวิชาลับ ‘เคล็ดก่อร่างสร้างเต๋า’ เพื่อขัดเกลาและสร้างร่างขึ้นมาใหม่

ผู้ก่อร่างสร้างใหม่ เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของกฎและระเบียบแห่งเต๋าสวรรค์ในการต่อสู้ แม้ว่าจะอยู่ในนิกายอำนาจเทวะ แต่ก็มีเพียงปรมาจารย์นิกายอำนาจเทวะเท่านั้นที่สามารถใช้เคล็ดวิชาลับดังกล่าวเพื่อสร้างร่างขึ้นมาใหม่ได้

“ชายคนนั้นค่อนข้างดุร้าย และใช้การต่อสู้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ถือว่าเป็นนักฆ่าแต่กำเนิด” หญิงสาวในชุดหลากสีที่เดินเคียงข้างเหลิ่งซิงหุนกล่าวเบา ๆ รอยยิ้มหวานและงดงาม เสื้อผ้าหลากสีช่วยขับเน้นให้นางดูมีเสน่ห์เย้ายวน ยิ่งรวมกับรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์ ทำให้นางเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ที่สามารถพิชิตสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้

เหลิ่งซิงหุนนิ่งเฉยและไม่ได้กล่าวอะไร

เขารู้ว่าตนได้ตายไปแล้ว แต่ประมุขนิกายอำนาจเทวะได้เก็บความทรงจำของเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงรู้เช่นกันว่าก่อนตายตนได้เผชิญกับสิ่งใด

ตั้งแต่พริบตาที่เขาถูกส่งไปเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี

ป่าหมอก

มันเป็นหนึ่งในหลาย ๆ พื้นที่ภายในแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า

ในขณะนี้ เฉินซีกำลังเคลื่อนตัวผ่านมันด้วยความระมัดระวัง ยันต์ศัสตราซึ่งได้รับการขัดเกลามากมายถูกกำไว้ในมือแน่น

หมอกเป็นเหมือนหมอกเลือดที่แผ่ปกคลุมฟ้าดิน ในขณะที่ป่าโบราณและรกร้างนี้กว้างใหญ่มาก นอกจากนี้ยังมีพืชพรรณแปลกประหลาดมากมายที่เฉินซีไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

เมื่อเข้าไปในประตูลึกลับบนท้องฟ้า เฉินซีก็ถูกส่งมาที่นี่ และเขาก็เคลื่อนไหวทันทีเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

ชายหนุ่มตระหนักดีว่า ความผันผวนของมิติที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายของเขาไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่มันก็สะดุดตาเกินไป ดังนั้นหากยังอยู่ที่เดิม ศัตรูอาจจะตามมาได้

ท้องฟ้าที่สูงกว่าหกลี้นั้นเต็มไปด้วยพลังงานแปลกประหลาดของบัญชาเต๋าสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงไม่ควรบิน กฎแห่งมหาเต๋าที่นี่ไม่คุ้นเคยและมืดมน เต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายและสกปรก ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะเข้าใจมัน

พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่บริสุทธิ์และเข้มข้น ทั้งยังมีพลังโกลาหลก่อกำเนิดผสมอยู่ภายในนั้น อย่างไรก็ตาม พวกมันมีร่องรอยของกลิ่นอายชั่วร้ายที่แฝงไปด้วยพลังงานสกปรก ดังนั้นข้าควรแปรสภาพและดูดซับมันอย่างระมัดระวัง

ประสาทสัมผัสของข้าถูกจำกัดอยู่ที่หมื่นแปดพันลี้ ดังนั้นจึงไม่ควรเดินทางเร็วเกินไป

เฉินซีบินอย่างระมัดระวังผ่านป่าหมอกอันไร้ขอบเขต โดยสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบกาย และเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทุกสิ่งที่พบ

แหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง และอาจถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งความชั่วร้ายที่ถูกปกคลุมไปด้วยระเบียบแห่งเต๋าแห่งสวรรค์ที่แตกต่างกัน

หากไม่ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยเร็วที่สุด เขาก็อาจตกสู่สถานการณ์ที่อันตรายและเสียเปรียบอย่างยิ่งในการสู้รบ

สิ่งที่กระตุ้นเฉินซีให้เกิดความระมัดระวังมากที่สุด คือตามที่เฉินหลิงจวินกล่าว ผู้รุกรานเต๋าจะเตรียมการอย่างดีสำหรับการต่อสู้ เช่นเดียวกับเมื่อศึกผู้พิทักษ์วิถีเริ่มต้นขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พบ พวกมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ให้จงได้!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นสนามรบที่ไม่คุ้นเคย และผู้รุกรานเต๋าที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างยิ่ง

หากพวกเขาทั้งหมดจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ต้องการล่า และรวบรวมความสำเร็จในการต่อสู้มากขึ้น หรือเผชิญกับโอกาสโดยบังเอิญเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า พวกเขาจะต้องเผชิญศึกกับผู้รุกรานเต๋าอย่างเลี่ยงไม่ได้!

เฉินซีได้เตรียมตัวสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนก ยิ่งไปกว่านั้น หลายปีของการสู้รบ การสังหารหมู่ การล้างบาปด้วยเลือดและสงครามที่เขาเคยประสบมา ทำให้เฉินซีสามารถลดจิตต่อสู้ของตนลงสู่สภาวะที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ของผู้เยี่ยมยุทธ์ธรรมดา ๆ ทั่วไป

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยุดใกล้ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ที่อาบไปด้วยแสงสีแดงเข้ม หลังจากตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติรอบ ๆ เขาก็ดึงตราคำสั่งออกมาแล้วตรวจสอบมัน

มีอักขระโบราณ ‘陈’ ซึ่งเป็นตัวแทนของเฉินที่จารึกไว้ มันคือสิ่งที่เฉินไท่ชงมอบให้เขา ก่อนจะเข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี

ในเวลาเดียวกัน มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขามีสิทธิ์เข้าร่วมในศึกผู้พิทักษ์วิถี

แต่ในขณะนี้ พื้นผิวของตราคำสั่งได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อเข้าสู่แหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า….

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]