บทที่ 2105 ศัตรูตามติดในม่านหมอก
………………..
บทที่ 2105 ศัตรูตามติดในม่านหมอก
เผ่าวิญญาณโลหิตยังถือเป็นกองกำลังระดับสูงในแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า สถานะของมันจึงเทียบเท่ากับห้าตระกูลใหญ่ในแดนมารดากำเนิดบรรพ์เลยทีเดียว
ชายหล่อเหลาผู้นี้จากเผ่าวิญญาณโลหิตมีนามว่าชื่อชิงอิง เขาครอบครองพลังต่อสู้ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา
ในเวลาเดียวกัน ชื่อชิงอิงยังเป็นตัวตนโดดเด่นที่ถูกส่งมาปราบปรามกองกำลังตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นหนึ่งในยอดฝีมือแห่งทายาทศักดิ์สิทธิ์
สิ่งที่เรียกว่ายอดฝีมือเป็นการกล่าวถึงผู้ที่ย่างเท้าเข้าสู่ขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา โดยเหลืออีกเพียงนิดเดียวก็จะเข้าสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า
ทันทีที่ชื่อชิงอิงปรากฏตัว ดวงตาประหนึ่งโลหิตคู่นั้นจับจ้องซากศพรอบค่ายด้วยสีหน้าซีดเซียวอย่างเฉยชา
แม้จะคล้ายกับไม่แยแส แต่ก็คล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ผ่านไปสักพัก แสงโลหิตในแท่นบูชาโบราณก็ค่อย ๆ หายไปเมื่อไม่มีร่างใดปรากฏขึ้นมาอีก
ในตอนนี้ ด้านหลังของชื่อชิงอิงปรากฏผู้รุกรานเต๋านับพัน ทว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาต่างออกไป พวกที่อ่อนแอมีระดับการบ่มเพาะเพียงขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขณะพวกทรงพลังล้วนอยู่ขอบเขตจ้าวเอกภพ
ผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนเท่านี้นับว่าเป็นกองกำลังขนาดใหญ่มาก! พวกมันรวมตัวหนาแน่น กลิ่นทั้งหลายแผ่ซ่านและอบอวลไปทั่วโลก
แต่ข้างกายชื่อชิงอิงกลับไม่มีใครกล้าส่งเสียง พวกเขาล้วนยืนนิ่งงันจนทำให้อีกฝ่ายดูผิดแปลกมากยิ่งขึ้น
“คนของพวกเราตายได้ไม่นาน ดูท่าว่าศัตรูจะบุกเข้ามาแล้ว”
ชื่อชิงอิงลูบคางเรียว สีหน้าหล่อเหลาเผยความสูงส่งและเฉยชาของผู้ที่อยู่เหนือกว่า
“คั่งอวิ่น”
“ข้าน้อยอยู่นี่แล้ว”
สุนัขนรกสามหัวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นจากฝูงชนขณะตอบรับด้วยเสียงทุ้ม กลิ่นอายของมันควบแน่นขณะเผยความสามารถและความระแวดระวัง
“เจ้านำกองกำลังเผ่าสุนัขนรกไปค้นหาร่องรอยที่ฆาตกรทิ้งไว้มาซะ”
“ขอรับ”
เผ่าสุนัขนรกไม่ได้ทรงพลังด้านการต่อสู้ แต่มันมีพรสวรรค์การตามรอยและการตรวจสอบอย่างหาใดเปรียบ
“ส่วนเผ่าอื่นให้แยกกันหา ตามหลังเผ่าสุนัขนรกอย่าให้ห่าง ทันทีที่พบตัวฆาตกร ฆ่ามันทันทีอย่าได้ลังเล”
ชื่อชิงอิงถ่ายทอดคำสั่งอีกครั้ง แล้วผู้รุกรานเต๋านับพันก็เคลื่อนไหวหายไป
ไม่ช้า เหลือเพียงชื่อชิงอิงกับชายชราสองคนข้างกายที่ยังคงอยู่
ชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว ส่วนอีกคนสวมเสื้อคลุมสีดำ แต่ใบหน้าของพวกเขาเหมือนกัน ผิวสีทองแดง คิ้วหยาบกร้าน ข้อนิ้วหนา ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือด
พวกเขาคือทายาทของเผ่ามารทองแดงที่เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาลับแห่งการสังเวย การจารึก การผนึกคัมภีร์ การสร้างยันต์
ชื่อชิงอิงเดินขึ้นไปที่แท่นบูชาโบราณก่อนจะนั่งขัดสมาธิ แผ่นหลังเหยียดตรง คางเชิด ใบหน้าซีดเซียวหล่อเหลาเต็มไปด้วยความประณีตและสงบ
“พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะใช้แท่นบูชาได้อีกครั้ง?”
ชื่อชิงอิงเหลือบมองชายชราทั้งสอง
ชายชราในเสื้อคลุมสีดำเดินมาที่แท่นบูชา หลังจากมองอย่างละเอียดสักพักก็เอ่ยคำ
“สิบวัน? นานเกินไป”
ชื่อชิงอิงคิ้วขมวดขณะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาเช็ดฝ่ามือ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงทุ้ม “ห้าวัน ข้าจะให้แท่นบูชาเพื่อย้ายไป ‘ที่ราบสูงสังหาร’ ในอีกห้าวัน”
“ห้าวัน? เป็นไปไม่ได้!”
ชายชราเสื้อคลุมสีดำคิ้วขมวดขณะส่ายหน้า เขาทราบดีว่าพลังของแท่นบูชาซึ่งมาจากบัญชาเต๋าสวรรค์ หากศึกผู้พิทักษ์วิถีไม่เริ่มขึ้นในตอนนี้ คงเป็นการยากที่จะใช้งานมันได้ นับประสาอะไรกับการใช้แท่นบูชาอีกครั้งภายในสิบวัน
“โห?”
ชื่อชิงอิงเงยหน้าขณะมองชายชราด้วยดวงตาเรืองประกายสีโลหิต แล้วแรงกดดันน่าสะพรึงที่มองไม่เห็นก็กระจายออกมา ห้วงอากาศคล้ายกับกลายเป็นทะเลเลือดขณะแสดงสัญญาณจวนเจียนแหลกสลาย
สีหน้าของชายชราชุดสีดำพลันเปลี่ยนไปขณะโลหิตทะลักออกจากปากและจมูก
ชายชราในชุดสีขาวผู้อยู่ข้างกายรีบเอ่ย “นายท่านใจเย็นก่อน ห้าวันก็มากเกินพอแล้ว!”
ชื่อชิงอิงถอนสายตากลับ รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปาก เผยความหล่อเหลาและสูงส่ง “ดี ข้าจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า”
ชายชราชุดขาวลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงเอ่ยอย่างลังเล “หากนายท่านต้องการแท่นบูชาภายในห้าวัน มันมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”
“ว่ามา”
ชื่อชิงอิงเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ขอเพียงสามารถนำศีรษะของคนนอกรีตที่บุกเข้ามาป่าหมอกแห่งนี้แล้วสังเวยมันด้วยพลังของแท่นบูชา ท่านก็สามารถใช้งานพลังเคลื่อนย้ายได้อีกครั้ง”
จุดแสงหลากสีสันเหล่านี้ยังมีการแบ่งระดับตามเฉดสี ยิ่งเข้มเท่าไหร่ ระดับการบ่มเพาะของผู้รุกรานเต๋าที่ถูกสังหารก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น
เฉินซีเพียงเหลือบมองทั้งหมดนี้ก่อนจะเลิกสนใจมันอีก แม้แต้มศึกเหล่านี้จะสามารถนำไปแลกรางวัลเมื่อออกสู่โลกภายนอกได้ก็ตาม
สิ่งที่เฉินซีระแวดระวังในตอนนี้ก็คือทุกครั้งที่สังหารผู้รุกรานเต๋าก็จะมีกลิ่นอายสีดำชั่วร้ายปรากฏอยู่ในร่าง แม้จะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ แต่เขาทราบดีว่าปราณชั่วร้ายเหล่านี้กำลังกัดกร่อนจนทำให้เริ่มเกิดความเจ็บปวด
เมื่อปราณเหล่านี้สั่งสมจนถึงระดับหนึ่ง เขาจะต้องกลับไปที่ค่ายเพื่อชะล้าง ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาก็สุดจะคาดเดา
เนื่องจากเฉินซีทราบตั้งแต่เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้เขาระแวดระวังก็คือปราณสีดำชั่วร้ายเหล่านี้ปรากฏขึ้นกะทันหันจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร!
“ดูท่าว่าทันทีที่เข้าแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าก็จะเริ่มได้รับผลกระทบจากบัญชาเต๋าสวรรค์โดยไม่รู้ตัว…”
หลังจากครุ่นคิดพักใหญ่ เฉินซีก็สรุปในใจเงียบ ๆ
แม้จะครุ่นคิดเช่นนี้ แต่มือก็ไม่หยุดเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ปราณกระบี่พุ่งทะยานครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทำการปลิดชีพอย่างเด็ดขาด
สิ่งที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจก็คือศัตรูที่ปรากฏตัวในคราวนี้คล้ายกับไม่ได้มีเพียงสุนัขนรกกับผู้ตัดสินบาปเท่านั้น แต่ยังมีแมงมุมอสูร ผู้กลืนกินวิญญาณ ผู้สูบโลหิต เพชฌฆาตบาป… รวมถึงทายาทของเผ่าแก่กล้าในกองกำลังจากแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า
เห็นได้ชัดว่าแท่นบูชาในค่ายเมื่อครู่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ ซึ่งมันสามารถพาผู้รุกรานเต๋ามาที่นี่ได้อย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้เฉินซีคิ้วขมวดขณะคาดเดาได้ราง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่ใช่ทหารปลายแถวอย่างแน่นอน ผู้แข็งแกร่งแท้จริงอาจจะยังไม่ออกมา แต่พวกเขาจะต้องปรากฏตัวในเร็ววันเป็นแน่
เหล่าผู้รุกรานเต๋าที่กระจัดกระจายอยู่ในป่าหมอกเพื่อล้อมเฉินซีต่างพากันใจสั่นสะท้าน อีกฝ่ายน่าสะพรึงเกินไป ทุกการโจมตีจะมีชีวิตที่ถูกพราก แต่ตอนนี้ ต่อให้ระบุได้ว่าศัตรูอยู่ในพื้นที่นั้นแต่ก็ไม่สามารถจับตำแหน่งได้แม้แต่น้อย ส่งผลให้ไม่อาจเข้าใกล้ได้มากกว่านี้!
นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้มีความสามารถการต่อสู้และครอบครองเคล็ดการซ่อนเร้นกับปกปิดที่สุดจะจินตนาการ
ในการรับรู้ของพวกเขา แม้กระทั่งขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดาราก็อยู่ในระยะเพียงสิบสองลี้ในป่าหมอกนี้
แต่ครั้งนี้พลังการรับรู้ของอีกฝ่ายเหนือกว่าระยะดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด ปราณกระบี่เหล่านั้นมาจากหมอกหนาซึ่งอยู่ไกลลิบ ไม่ว่าพวกเขาจะหลบดีแค่ไหนก็จะต้องมีสหายหนึ่งคนล้มลงภายใต้การโจมตีนี้อยู่ดี
สถานการณ์อันตรายและลึกลับเช่นนี้ทำให้ผู้รุกรานเต๋ารู้สึกหวาดกลัวจนเริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากขึ้น และบางคนเริ่มขอกำลังเสริมหรือหันหลังวิ่งหนี ไม่กล้าเข้าใกล้อีกต่อไป
หลังจากสังหารผู้รุกรานเต๋าไปอีกแปดคน ก็ไม่มีศัตรูเข้าใกล้อีกพักใหญ่ นี่ทำให้เฉินซีรู้สึกถึงอันตรายเล็กน้อย เขาจึงหยุดมือ ก่อนจะออกจากที่ซ่อน จากนั้นเลือกทิศทางหนึ่งก่อนจะวูบไหวออกไป
มีศัตรูมากเกินไป สถานการณ์ก็ยังไม่แน่ชัด เขาจึงไม่อยากทุ่มสุดกำลังในการสังหารเพียงเพื่อให้ได้แต้มศึกมากขึ้น
เฉินซีเคลื่อนผ่านป่าหมอกประหนึ่งกลุ่มควัน หลังจากทะยานมาได้ราวหนึ่งถ้วยชา เขาก็เห็นเพชฌฆาตบาปนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า
นี่ทำให้เฉินซีหรี่ตาทันที เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าคนเหล่านี้ หมายความว่ายังมีผู้เข้าร่วมจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในป่าหมอก!
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...