เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2109

บทที่ 2109 ศัตรูเก่า!

………………..

บทที่ 2109 ศัตรูเก่า!

ฟ่อ!

แสงสีเทาขมุกขมัวพุ่งผ่านหมอกและฉีกความว่างเปล่า ขณะที่มันพุ่งเข้าใส่เฉินซีอย่างดุเดือดด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

เฉินซีไม่แม้แต่จะหันกลับมา เขาพลิกกระบี่สีแดงเลือดในมือ และมันเปล่งแสงเจิดจรัสอันกว้างใหญ่ออกมา เห็นได้ชัดว่าแสงชั่วร้ายซึ่งผู้รุกรานเต๋าเรียกว่า ‘นักล่า’ ได้ควบแน่นจนจับต้องได้ ก่อนจะถูกดูดซับโดยกระบี่ของเฉินซี คล้ายหิมะที่ถูกวางไว้ในน้ำ

ในท้ายที่สุด เสียงร้องอันเปี่ยมสุขก็ดังก้องมาจากกระบี่เต๋าวิบัติ

ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นอย่างราบรื่นและง่ายดายเช่นนี้ ทว่าเมื่อหนึ่งวันก่อน เฉินซียังคงรู้สึกประหลาดใจและสับสนกับสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายตัวอ่อนภายใน ‘รังประหลาด’

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณกระบี่เต๋าวิบัติที่เป็นดั่งดาวข่มสิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านี้โดยกำเนิด

หากไม่เป็นเช่นนั้น แม้แต่เฉินซีก็อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฆ่านักล่าพวกนั้น

เฉินซียังคงทะยานไปข้างหน้า

บัดนี้เป็นวันที่สามแล้ว นับตั้งแต่เข้ามาในป่าแห่งนี้ ในขณะที่จำนวนผู้รุกรานเต๋าที่เขาพบระหว่างทางก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่กระนั้น จำนวนนักล่าที่เขาพบกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แทน

หลังจากทำการทดสอบมาระยะหนึ่ง ในที่สุดเฉินซีก็ยืนยันว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดของป่านี้ คือสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายตัวอ่อนซึ่งได้รับการเลี้ยงดูโดย ‘รังประหลาด’

เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้

บางทีนักล่าเหล่านั้นอาจเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เจ้าเล่ห์ น่ากลัวและดุร้าย ซึ่งแม้แต่จ้าวเอกภพก็ประสบปัญหาในการจัดการกับมัน อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่อาจคุกคามเฉินซีที่ครอบครองกระบี่เต๋าวิบัติได้เลย

เฉินซีไม่คิดอยู่ในป่านี้ต่อ เมื่อพิจารณาแล้วว่าปัจจัยสำคัญต่อความก้าวหน้าที่เขาต้องการไม่ได้อยู่ในป่าแห่งนี้

หืม?

ร่างของเฉินซีซึ่งเคลื่อนตัวไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อนพลันหยุดชะงักลงฉับพลัน และจากนั้นความประหลาดใจเสี้ยวเล็ก ๆ ก็แวบขึ้นมาผ่านดวงตา

การต่อสู้อันดุเดือดกำลังเกิดขึ้นในยี่สิบลี้ข้างหน้า ซึ่งจิตสัมผัสของเขาสามารถครอบคลุมได้

การต่อสู้สั่นสะเทือนทั้งฟ้าดิน และทำให้โลกมืดดับลงในพลัน

การยับยั้งอันเป็นเอกลักษณ์ของบัญชาเต๋าสวรรค์ภายในแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าทำให้ความผันผวนของการต่อสู้ครั้งนี้ถูกระงับในพื้นที่เล็ก ๆ และเฉินซีอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ หากจิตสัมผัสไม่แกร่งพอ

เฉินซีคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไป กลิ่นอายของเขายิ่งถูกยับยั้งมากขึ้น และมันก็เหมือนกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นส่วนหนึ่งของความว่างเปล่า

เมื่อเข้าใกล้มากขึ้น ภาพตรงหน้าก็ยิ่งชัดเจน บริเวณกว้างขวางปรากฏขึ้นตรงหน้า พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าของต้นไม้โบราณที่ถูกเผา การต่อสู้กำลังดำเนินอยู่บนพื้นดินอันว่างเปล่านั้น

ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้ เป็นผู้เข้าร่วมจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซียังจำพวกเขาได้ ฝ่ายหนึ่งคือกลุ่มสี่คนที่นำโดยสั่วหยิ่งฝู

ส่วนอีกฝ่ายคือกลุ่มสามคนที่ประกอบด้วยเฟยหลิงเสวี่ย ฉางอวิ๋นเหยี่ย และไท่รุ่ย

แน่นอนว่ามันเป็นการต่อสู้แบบสามต่อสี่ ทว่าฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่า อย่างกลุ่มของสั่วหยิ่งฝูกำลังถูกปราบปราม!

แม้กระทั่งชายชุดทองคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังตกอยู่ในอันตราย

ในทำนองเดียวกัน สั่วหยิ่งฝูและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีมากนัก พวกเขาถูกฉางอวิ๋นเหยี่ยปราบอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายอย่างยิ่ง

“ฉางอวิ๋นเหยี่ย นี่เจ้ากล้าโจมตีพวกเราสี่คนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันเพื่อแต้มศึกอย่างนั้นเหรอ? เจ้ามีหัวคิดหรือไม่!?” ใบหน้าที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์ของสั่วหยิ่งฝูปกคลุมไปด้วยสีหน้ามืดมนเย็นชา ดวงตาดอกท้อของนางเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ฮ่าฮ่า! เลิกไร้เดียงสาได้แล้ว! อย่าทำเหมือนเจ้าไม่รู้ที่ผ่านมาการชิงแต้มศึกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ใคร ๆ ก็รู้เรื่องนี้ ต่อให้ข่าวนี้ส่งกลับไปยังตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ คิดหรือว่าจะมีคนสนใจ?” ฉางอวิ๋นเหยี่ยหัวเราะอย่างชั่วร้าย “แต่ไม่ต้องห่วงอย่างไรวันนี้พวกเจ้าทุกคนก็ต้องตาย จะไม่มีใครในโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน”

“เหตุใดต้องเป็นพวกเรา” สั่วหยิ่งฝูกัดฟันขณะที่นางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“เพราะ….” เมื่อเขากล่าวมาถึงจุดนี่ ทันใดนั้นความโหดเหี้ยมก็ปะทุขึ้นภายในม่านตาสีเขียวหยก จากนั้นเงาสีเขียวเข้มก็บินออกมาจากฝ่ามือ อักขระศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลบนพื้นผิวของมัน ในขณะที่มันปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์

จักรราตรีทมิฬ!

มันเป็นเคล็ดวิชาโดยกำเนิดของตระกูลฉางอวิ๋น และบรรจุกฎเต๋าศักดิ์สิทธิ์สิบหกประการ เมื่อถูกใช้โดยฉางอวิ๋นเหยี่ย ซึ่งอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตจ้าวเอกภพเก้าดารา มันจึงสำแดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่จะทำลายศัตรูของเขาและกลืนกินราตรี

โครม!

จักรราตรีทมิฬระเบิดออกจากกัน ทำให้ทุกสิ่งตกอยู่ในความโกลาหล ในขณะที่ทุกสิ่งภายในระยะร้อยยี่สิบจั้งถูกระเบิดจนกลายเป็นธุลี และกลายเป็นความว่างเปล่า

เสียงร้องโหยหวนดังก้องมาจากสั่วหยิ่งฝู ร่างของนางกระเด็นออกไป และกระอักเลือดติดต่อกัน

ฉางอวิ๋นเหยี่ยย่างสามขุมเข้ามาใกล้นาง เสียงของเขาเย็นชาราวกับพายุหิมะเย็นเยียบเสียดกระดูก และเผยให้เห็นถึงจิตสังหารอันไร้ขอบเขต

ใบหน้าของฉางอวิ๋นเหยี่ยดิ่งลงทันที ก่อนที่เขาจะได้กล่าวบางอย่าง เฉินซีก็เหลือบมองไท่รุ่ยและเฟยหลิงเสวี่ย แล้วกล่าวต่อ “เจ้าสองคนก็ด้วยหรือ?”

ไท่รุ่ยพยักหน้า รูปร่างของเขากำยำ ท่าทางหนักแน่นมั่นคง คนผู้นี้เป็นจ้าวเอกภพเก้าดาราระดับสูงสุดจากตระกูลระดับกลางเช่นกัน

ส่วนเฟยหลิงเสวี่ยดูอ่อนแอและละเอียดอ่อนมากเมื่อเทียบกัน นางเหมือนดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ ที่เกิดในป่า

อย่างไรก็ตาม สายตาที่นางมองเฉินซีดูสงบมาก ไร้อารมณ์ใด ๆ พลางกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่มีทางเลือก ข้าหวังว่าคุณชายเฉินซีจะเข้าใจ”

“เข้าใจเหตุผลที่พวกเจ้าทุกคนต้องการฆ่าข้างั้นหรือ?” เฉินซียิ้มหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเฉยเมย เขารู้ว่าความขัดแย้งจะเกิดขึ้นระหว่างเขากับผู้เข้าร่วมบางคนจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้

แต่เนื่องจากศัตรูมาหาถึงหน้าบ้านเช่นนี้ เฉินซีจึงไม่คิดจะปล่อยให้คนเหล่านี้สร้างปัญหาให้เขาในอนาคต

จิตสังหารที่หนาแน่นจนดูเหมือนจับต้องได้หลั่งไหลออกมาจากร่างกายของเฉินซี เหมือนกับความสงบก่อนพายุโหม แรงกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออกแผ่ซ่านไปรอบทิศ

“ลงมือ!” นัยน์ตาสีเขียวหยกของฉางอวิ๋นเหยี่ยทอประกายวาววับอย่างประหลาด ก่อนจะเริ่มโจมตี

จักรราตรีทมิฬควบแน่นบนฝ่ามือของฉางอวิ๋นเหยี่ย ก่อนที่มันจะทำลายพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว มันแฝงกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวขณะที่พุ่งเข้าหาเฉินซี

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างของไท่รุ่ยและเฟยหลิงเสวี่ยก็วูบไหว และประสานการโจมตีขนาบจากทั้งสองด้าน

ไท่รุ่ยถือดาบหนาที่มีความยาวมากกว่าสี่ฉื่อ ดาบเล่มนั้นถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีแดงเข้มอันงดงาม ทำให้เขากลายเป็นเหมือนเทพสายฟ้าในทันที

ในอีกด้านหนึ่ง เสียงกู่ร้องที่ชัดเจนดังก้องมาจากเฟยหลิงเสวี่ย กลุ่มเปลวเพลิงเยียบเย็นสีขาวราวกับหิมะก่อตัวขึ้น กลายเป็นแผนผังเปลวเพลิงเยียบเย็นลึกลับที่ปกคลุมฟ้าดิน

จ้าวเอกภพเก้าดาราระดับสูงสุดสามคนจากตระกูลผู้พิทักษ์เต๋าศักดิ์สิทธิ์เปิดการโจมตีใส่เฉินซีพร้อมกัน!

ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็ไม่คิดปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เขาเก็บกระบี่เต๋าวิบัติ และพุ่งเข้าหาฉางอวิ๋นเหยี่ยเหมือนสายลมจากต่างโลกด้วยมือเปล่า

ในความเห็นของเขา เขาไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่เพื่อฆ่าคนเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่เขากำลังจะโจมตี กลับสัมผัสได้ว่ามีคนลอบเข้าหาตนจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงร้องเรียกแผ่วเบา “เฉินซี….”

มันเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งทำให้หัวใจของเฉินซีกระตุกวูบ ความรู้สึกไม่สบายใจและอันตรายที่รุนแรงก็พุ่งเข้ามาภายในตัวเขา

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]